จากที่เคยหาข้อมูลจากเพื่อนๆ พี่ๆ จากภายในบอร์ดนี้มา.......ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการลุยไปเที่ยวด้วยตนเอง ซึ่งบางข้อมูลก็เก่าไปแล้ว และบางข้อมูลก็ไม่มีอยู่ในรีวิว(อาจจะใช้เวลาในการหาน้อยไปหน่อย) นั่นแหละครับ วันนี้ผมเองจึงขออนุญาติมารีวิวทริปที่ผมกับเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะครับ
เป้าหมายหลักของการไปในครั้งนี้เพื่อที่จะไปดูงาน China LED & Sign Expo ซึ่งเป็นงานใหญ่ของจีนที่จัดขึ้นทุกๆปีที่เมืองกวางเจา แต่ไหนๆก็จะไปแล้ว ก็เลยถือโอกาสไปแวะมาเก๊าก่อนในช่วงเช้า แล้วจึงไปพักที่กวางเจา 2 คืน แล้วต่อไปฮ่องกงอีก 1 คืน ก่อนจะเดินทางกลับไทย ทริปนี้จะเน้นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากเร็วและง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
เราจองตั๋วเครื่องบินกับทาง Air Asia และที่พักผ่านทาง Agoda ตั๋วเครื่องบินไปกลับ พร้อมที่พัก 2 คืนที่กวางเจา และอีก 1 คืนที่ฮ่องกง รวมค่าเสียหายทั้งหมด คนละ 17,150 บาท
เข้า check-in ที่ดอนเมืองโดยจอดรถไว้ชั้นใต้ดิน ค่าจอด 250/วัน อยากลองไปจอดอาคารจอดรถตึก 2 เหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาแล้วกลัวจะต้องเป็นห่วงรถอีกเลยตัดใจจอดแบบปลอดภัยดีกว่า ซื้อความสบายใจ...........เราจอง นน. ขาไปไว้ที่คนละ 15 กก. ขากลับคนละ 30 กก. ซึ่งสามารถแชร์กันได้
ระหว่างทางไป gate ก็แวะเติมพลังให้พร้อมก่อนจะเดินทาง
ถึงแล้วครับ สนามบินมาเก๊า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม.
ลงจากเครื่อง รอผ่าน ตม. (ณ จุดตม. จะมี Free Wi-Fi) ให้หยิบแผนที่ติดมือออกมาด้วยนะครับ เพื่อการประหยัดเวลาในการเดินทาง จากนั้นให้เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงออกไปทางโซนจอดรถ Shuttle Bus ได้เลยครับ โดยรถของ เวเนเชียน จะจอดอยู่คันแรกสุด จะมีพนักงานคอยช่วยนำกระเป๋าใส่ไว้ใต้รถให้ครับ.......
ผมอาศัยรถฟรีเพื่อไปลงที่เวเนเชียนเพื่อที่จะต่อรถไป เซนาโด สแคว์ นะครับ......ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินถึงเวเนเชียนประมาณ 10 นาที รถจะจอดที่บริเวณ main robby จากนั้นให้เดินเข้าไปในโรงแรมแล้วมองทางด้าน 2 นาฬิกา จะเห็นจุดฝากกระเป๋าครับ บางครั้งพนักงานจะถามว่า "พักที่นี่หรือไม่" ก็ตอบไปอย่างมั่นใจเลยครับว่า "ไม่" เค้าก็จะได้จัดการกระเป๋าได้ถูกต้อง (พนักงานบริการดีมากครับ)
เมื่อฝากกระเป๋าเสร็จ ตัวก็เบาแล้วครับ ให้เดินไปทางพื้นสามมิติ หันหลังให้หุ่นปั้นรูปคนแบกลูกโลก แล้วเดินตรงไปอย่างเดียวเลยครับ เดินผ่านพนักงานที่คอยเฝ้าทางเข้าโซนคาสิโน(พนักงานจะมีหน้าที่คอยเตือน หากเห็นท่านพกกระเป๋ากล้องมา เพราะที่นี่ห้ามถ่ายรูปในบริเวณนั้น.....แต่ไม่มีอะไรครับ เค้าแค่ชี้แจงเฉยๆ) เดินตามป้าย West robby เพื่อ ไปต่อรถสาย Yuet Tung Pier(เพื่อจะเดินต่อไปที่ เซนาโด สแคว์)
พอถึงฝั่ง West robby แล้วให้ออกมาแล้วเลี้ยวขวา จะสังเกตเห็นป้ายสายรถต่างๆ ซึ่งสายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของเราในครั้งนี้จะมี
Border Gate : รถออกทุก 5-10 นาที วิ่งตั้งแต่ 9:30-23:30 วิ่งระหว่าง ด่านกงเป่ย จูไห่-เวเนเชียน รถสายนี้จะเป็นสายที่ใช้ต่อไปเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สถานี จูไห่-กวางเจา หรือจะต่อรถ Bus ก็มีให้เลือกมากมายครับ
Yuet Tung Pier: รถออกทุกๆ 10-20 นาที วิ่งระหว่างท่าเรือ Yuet Tung Pier-เวเนเชียน รถสายนี้จะเป็นสายที่ใช้ต่อไปเพื่อจะไปเดินเล่นแถว เซนาโด สแคว์ เพื่อไปถ่ายรูปโบสถ์เซนต์ปอล จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
เมื่อลงรถแล้วให้จำจุดสังเกตบริเวณนั้นให้ดีๆ เพราะเราจะต้องกลับมาขึ้นรถตรงนี้เพื่อกลับไปที่เวเนเชียนอีกครั้งนึง ให้เราข้ามถนนมไปยังฝั่งตรงข้ามจากนั้นให้เดินหาถนนลายๆ หรือเดินตามป้ายทางไปโบสถ์ก็ได้.....แต่เพื่อความรวดเร็วในการเดิน ขอแนะนำให้หาแผนที่มาด้วยจะได้เดินไม่หลงซอยครับ
บริเวณด้านซ้ายของทางขึ้นไปถ่าบรูปจะมีร้านขายน้ำ และลูกชิ้น ซึ่งพนักงานพูดไทยได้นิดหน่อย ^^ "3 ฟรี 1" แค่นั้น อิอิ เราเดินทางมายังไม่ได้กินอะไรก็เลยจัดขนมปังไส้หมู น้ำมะม่วงกับน้ำส้ม และทาตไข่ รวมค่าเสียหาย 87 หยวน
จัดแจงถ่ายรูป และเดินดูนั่น นู่น นี่ นิดหน่อยเพราะว่าจะต้องรีบไปกวางเจาต่อ จึงกลับมายังเวเนเชียน เพื่อไปรับกระเป๋า แล้วเดินมารอรถสาย Border Gate ที่ฝั่ง West robby(รถที่กลับมาจากท่าเรือจะกลับมาส่งฝั่ง West robby นะครับ ไม่ได้ส่งทาง Main robby) คนจีนจะใช้สายนี้เยอะครับ คิวจะยาวกว่าสายอื่นมากเหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีรถจะไปจอดที่ด่านกงเป่ย ผมไปวันศุกร์ช่วงบ่ายมีคนต่างชาติต่อคิวอยู่ประมาณ 30 คน ทาง ตม.เปิดให้แค่ 1 ช่องครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เสร็จ
ภาพภายในรถ Bus ครับ....ที่เห็นอยู่นั่นคือกระเป๋าเดินทางผมเอง
ออกจากด่านกงเป่ยมาให้เดินไปทางซ้ายมือ จะเห็นสถานีรถไฟฟ้า จูไห่ อยู่ครับ
เดินไปได้เลยครับใกล้ๆ 5 นาทีก็ถึง
ที่สถานีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะสามารถซื้อตั๋วได้แค่ที่ Ticket office ครับ ในส่วน Automatic ticket ภายในสถานีจะไม่สามารถซื้อได้ เนื่องจากต้องใช้บัตรประชาชนของชาวจีนหรือฮ่องกงครับ ที่สำคัญพนักงานแถวนั้นจะฟังและพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ครับ จะต้องใช้วิธี ชี้ๆ เอารูปให้ดู เลือกเที่ยวรถไฟฟ้าจากจอคอมส์ของเจ้าหน้าที่ แล้วก็ พยักหน้าๆ ครับ จะใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ครับ
บรรยากาศภายในรถไฟฟ้าครับ เค้าบอกว่าประมาณ 200 กม./ชม. แต่แวะสถานีเยอะไปหน่อย
แต่แล้ว!!! เรื่องก็เกิดขึ้นครับ เมื่อสถานีต่อไป มีคนจะมานั่งตรงที่นั่งที่เรานั่งมา......ผมก็งงสิครับ เพราะดูที่ตั๋วแล้วมันไม่ระบุที่นั่ง นึกว่านั่งที่ไหนก็ได้ แต่ก็แอบสงสัยอยู่ว่า ทำไมตามที่นั่งต่างๆถึงมีเบอร์อยู่ด้วย.....นี่ครับ ตั๋ว 05 คือลำดับขบวนครับ ส่วนช่องว่างหลัง 05 นั้นจะต้องเป็นเลขที่นั่ง แต่มันไม่มี - -'' ก็เลยถาม พนง. ได้คำตอบมาว่า no seat !!
แต่เดี๋ยวก่อน จำได้ว่าเคยอ่าน รีวิว ว่าสามารถไปนั่งที่ห้องอาหารได้......เลยถาม พนง. หาทางไปห้องอาหาร โชคยังดีที่พอมีที่นั่งเหลือ ไม่งั้นขาแข็งแน่ๆ
ถึงแล้วครับสถานีกวางเจา เซาน์
จากนั้นก็ลงไปด้านล่างเพื่อไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินครับ เราไม่ต้องไปต่อคิวกดบัตรนะครับ คิวจะยาว และเสียเวลา ผมแนะนำให้ไปติดต่อที่พนักงานในตู้ครับ โดยบัตรที่แนะนำจะเป็นแบบ 1 day pass(ไม่ได้ถามราคาแต่น่าจะประมาณ 20 หยวน) หรือ 3 day pass(50 หยวน) แล้วแต่ความต้องการนะครับ......พนักงานในตู้เองก็พูดและฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เหมือนกันนะครับ ไปชี้ๆเอาแถวนั้น ว่าผมจะเอาใบแบบนี้ๆ
สบายแล้วครับ จากนี้จะไปไหนก็ได้ เพราะรถไฟใต้ดินของจีนมีเยอะสายมากครับ แล้วแต่ว่าเราอยากไป shopping ที่ไหน แต่ให้เช็คเวลาดีๆก่อนนะครับว่า แต่ละตลาด ปิด/เปิด กี่โมง
มาต่อกันที่หัวใจของทริปนี้กันครับคืองาน LED China expo
อากาศที่จีนเย็นกำลังดีครับอยู่ประมาณ 12-18 องศา ถ้าไม่มีลมก็ถือว่าโอเคครับ เรามาดูบรรยากาศภายในงานกันครับ แต่ละฮอล์ใหญ่มากครับ แล้วก็มีตั้งหลายฮอล์ เดินกัน 2 วันไม่หมดจริงๆครับ
ตัวนี้จะเป็นจอ LED แบบดัดโค้งได้ เบามากๆ
อันนี้จะเป็นเทคโนโลยีจอ LED 3 มิติครับ พอใส่แว่นแล้วมันใหญ่เต็มตามากๆ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็รีบออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อที่จะได้มีเวลา Shopping ที่ฮ่องกงกันต่อ ณ ที่สถานีรถไฟฟ้า กวางเจา อีส นี้จะเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าด่วนไปยังฮ่องกงครับ หลังจากถึงสถานีแล้วให้เลี้ยวขวาครับจะเป็นรถไฟด่วน แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นรถไฟธรรมดาครับ โดยจะมี 2 แบบคือไปแวะจอดที่เซิ่นเจิ้น หรือไม่แวะไหนเลย ไปจอดที่เกาลูนเลยครับ........พนักงานที่นี่ก็อีกแหละครับ พูด/ฟัง ภาษาอังกฤษไม่ได้เท่าไหร่ ให้บอกเค้าว่าไปเกาลูนครับ....ค่าตั๋ว 154 หยวน หรือจ่ายเป็นเงินฮ่องกงก็ 190 HKD
นี่เป็นตารางเวลาการเดินรถครับ แนะนำว่าให้เลือกเที่ยวที่ไม่กระชั้นมาก อย่างน้อยให้มีเวลาเหลือสัก 30 นาทีขึ้นไป ก่อนที่รถไฟจะออกนะครับ เพราะเราต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสัมภาระอีก
ซื้อตั๋วเสร็จเดินไปทางซ้ายเพื่อซื้อของกินครับ
สามารถซื้อของกินเพื่อไปนั่งกินบนรถไฟฟ้าได้นะครับ มีทั้ง Mc และ Burger King
จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อน ไปยังที่ตรวจเช็คกระเป๋า
ภายในรถไฟฟ้าครับ ถ้าโดนที่นั่งที่ไม่ดี สามารถเปลี่ยนได้รับหลังจากรถออกจากสถานีแล้ว บรรยากาศดีครับ วิ่งผ่านชนบทไปเรื่อยๆ แล้วรถจะหยุดที่สถานี เซิ่นเจิ้นเล็กน้อย แล้วเดินทางต่อไปยังเกาลูน
ลงที่สถานีปลายทาง รอผ่าน ตม. ออกมาแล้วเดินไปทางซ้ายครับ ไปซื้อตั๋วที่พนักงานขายตั๋วได้เลย แต่จะมีป้ายอธิบายไว้ด้านหน้าช่องขายตั๋ว ว่าตั๋วแต่ละชนิดราคากี่ HKD และใช้กับเส้นทางไหนได้บาง ผมรองดูแล้วแบบ Air Port Express Travel ราคา 220 HKD จะคุ้มกว่าเพราะเดินทางไปหลายเส้นทางครับ และใช้ได้ 3 วัน แถมยังใช้ไปสนามบินได้ด้วย อันนี้ที่พักผมอยู่แถว ม่งกก(ปกติจาก ม่งกกไปสนามบินจะเสีย 160+50 HKD)
[CR] Macau-Guangzhou-Hongkong ทริป เดิน-วิ่ง-ชี้นิ้ว-พยักหน้า
เป้าหมายหลักของการไปในครั้งนี้เพื่อที่จะไปดูงาน China LED & Sign Expo ซึ่งเป็นงานใหญ่ของจีนที่จัดขึ้นทุกๆปีที่เมืองกวางเจา แต่ไหนๆก็จะไปแล้ว ก็เลยถือโอกาสไปแวะมาเก๊าก่อนในช่วงเช้า แล้วจึงไปพักที่กวางเจา 2 คืน แล้วต่อไปฮ่องกงอีก 1 คืน ก่อนจะเดินทางกลับไทย ทริปนี้จะเน้นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากเร็วและง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
เราจองตั๋วเครื่องบินกับทาง Air Asia และที่พักผ่านทาง Agoda ตั๋วเครื่องบินไปกลับ พร้อมที่พัก 2 คืนที่กวางเจา และอีก 1 คืนที่ฮ่องกง รวมค่าเสียหายทั้งหมด คนละ 17,150 บาท
เข้า check-in ที่ดอนเมืองโดยจอดรถไว้ชั้นใต้ดิน ค่าจอด 250/วัน อยากลองไปจอดอาคารจอดรถตึก 2 เหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาแล้วกลัวจะต้องเป็นห่วงรถอีกเลยตัดใจจอดแบบปลอดภัยดีกว่า ซื้อความสบายใจ...........เราจอง นน. ขาไปไว้ที่คนละ 15 กก. ขากลับคนละ 30 กก. ซึ่งสามารถแชร์กันได้
ระหว่างทางไป gate ก็แวะเติมพลังให้พร้อมก่อนจะเดินทาง
ถึงแล้วครับ สนามบินมาเก๊า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม.
ลงจากเครื่อง รอผ่าน ตม. (ณ จุดตม. จะมี Free Wi-Fi) ให้หยิบแผนที่ติดมือออกมาด้วยนะครับ เพื่อการประหยัดเวลาในการเดินทาง จากนั้นให้เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงออกไปทางโซนจอดรถ Shuttle Bus ได้เลยครับ โดยรถของ เวเนเชียน จะจอดอยู่คันแรกสุด จะมีพนักงานคอยช่วยนำกระเป๋าใส่ไว้ใต้รถให้ครับ.......
ผมอาศัยรถฟรีเพื่อไปลงที่เวเนเชียนเพื่อที่จะต่อรถไป เซนาโด สแคว์ นะครับ......ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินถึงเวเนเชียนประมาณ 10 นาที รถจะจอดที่บริเวณ main robby จากนั้นให้เดินเข้าไปในโรงแรมแล้วมองทางด้าน 2 นาฬิกา จะเห็นจุดฝากกระเป๋าครับ บางครั้งพนักงานจะถามว่า "พักที่นี่หรือไม่" ก็ตอบไปอย่างมั่นใจเลยครับว่า "ไม่" เค้าก็จะได้จัดการกระเป๋าได้ถูกต้อง (พนักงานบริการดีมากครับ)
เมื่อฝากกระเป๋าเสร็จ ตัวก็เบาแล้วครับ ให้เดินไปทางพื้นสามมิติ หันหลังให้หุ่นปั้นรูปคนแบกลูกโลก แล้วเดินตรงไปอย่างเดียวเลยครับ เดินผ่านพนักงานที่คอยเฝ้าทางเข้าโซนคาสิโน(พนักงานจะมีหน้าที่คอยเตือน หากเห็นท่านพกกระเป๋ากล้องมา เพราะที่นี่ห้ามถ่ายรูปในบริเวณนั้น.....แต่ไม่มีอะไรครับ เค้าแค่ชี้แจงเฉยๆ) เดินตามป้าย West robby เพื่อ ไปต่อรถสาย Yuet Tung Pier(เพื่อจะเดินต่อไปที่ เซนาโด สแคว์)
พอถึงฝั่ง West robby แล้วให้ออกมาแล้วเลี้ยวขวา จะสังเกตเห็นป้ายสายรถต่างๆ ซึ่งสายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของเราในครั้งนี้จะมี
Border Gate : รถออกทุก 5-10 นาที วิ่งตั้งแต่ 9:30-23:30 วิ่งระหว่าง ด่านกงเป่ย จูไห่-เวเนเชียน รถสายนี้จะเป็นสายที่ใช้ต่อไปเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สถานี จูไห่-กวางเจา หรือจะต่อรถ Bus ก็มีให้เลือกมากมายครับ
Yuet Tung Pier: รถออกทุกๆ 10-20 นาที วิ่งระหว่างท่าเรือ Yuet Tung Pier-เวเนเชียน รถสายนี้จะเป็นสายที่ใช้ต่อไปเพื่อจะไปเดินเล่นแถว เซนาโด สแคว์ เพื่อไปถ่ายรูปโบสถ์เซนต์ปอล จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
เมื่อลงรถแล้วให้จำจุดสังเกตบริเวณนั้นให้ดีๆ เพราะเราจะต้องกลับมาขึ้นรถตรงนี้เพื่อกลับไปที่เวเนเชียนอีกครั้งนึง ให้เราข้ามถนนมไปยังฝั่งตรงข้ามจากนั้นให้เดินหาถนนลายๆ หรือเดินตามป้ายทางไปโบสถ์ก็ได้.....แต่เพื่อความรวดเร็วในการเดิน ขอแนะนำให้หาแผนที่มาด้วยจะได้เดินไม่หลงซอยครับ
บริเวณด้านซ้ายของทางขึ้นไปถ่าบรูปจะมีร้านขายน้ำ และลูกชิ้น ซึ่งพนักงานพูดไทยได้นิดหน่อย ^^ "3 ฟรี 1" แค่นั้น อิอิ เราเดินทางมายังไม่ได้กินอะไรก็เลยจัดขนมปังไส้หมู น้ำมะม่วงกับน้ำส้ม และทาตไข่ รวมค่าเสียหาย 87 หยวน
จัดแจงถ่ายรูป และเดินดูนั่น นู่น นี่ นิดหน่อยเพราะว่าจะต้องรีบไปกวางเจาต่อ จึงกลับมายังเวเนเชียน เพื่อไปรับกระเป๋า แล้วเดินมารอรถสาย Border Gate ที่ฝั่ง West robby(รถที่กลับมาจากท่าเรือจะกลับมาส่งฝั่ง West robby นะครับ ไม่ได้ส่งทาง Main robby) คนจีนจะใช้สายนี้เยอะครับ คิวจะยาวกว่าสายอื่นมากเหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีรถจะไปจอดที่ด่านกงเป่ย ผมไปวันศุกร์ช่วงบ่ายมีคนต่างชาติต่อคิวอยู่ประมาณ 30 คน ทาง ตม.เปิดให้แค่ 1 ช่องครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เสร็จ
ภาพภายในรถ Bus ครับ....ที่เห็นอยู่นั่นคือกระเป๋าเดินทางผมเอง
ออกจากด่านกงเป่ยมาให้เดินไปทางซ้ายมือ จะเห็นสถานีรถไฟฟ้า จูไห่ อยู่ครับ
เดินไปได้เลยครับใกล้ๆ 5 นาทีก็ถึง
ที่สถานีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะสามารถซื้อตั๋วได้แค่ที่ Ticket office ครับ ในส่วน Automatic ticket ภายในสถานีจะไม่สามารถซื้อได้ เนื่องจากต้องใช้บัตรประชาชนของชาวจีนหรือฮ่องกงครับ ที่สำคัญพนักงานแถวนั้นจะฟังและพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ครับ จะต้องใช้วิธี ชี้ๆ เอารูปให้ดู เลือกเที่ยวรถไฟฟ้าจากจอคอมส์ของเจ้าหน้าที่ แล้วก็ พยักหน้าๆ ครับ จะใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ครับ
บรรยากาศภายในรถไฟฟ้าครับ เค้าบอกว่าประมาณ 200 กม./ชม. แต่แวะสถานีเยอะไปหน่อย
แต่แล้ว!!! เรื่องก็เกิดขึ้นครับ เมื่อสถานีต่อไป มีคนจะมานั่งตรงที่นั่งที่เรานั่งมา......ผมก็งงสิครับ เพราะดูที่ตั๋วแล้วมันไม่ระบุที่นั่ง นึกว่านั่งที่ไหนก็ได้ แต่ก็แอบสงสัยอยู่ว่า ทำไมตามที่นั่งต่างๆถึงมีเบอร์อยู่ด้วย.....นี่ครับ ตั๋ว 05 คือลำดับขบวนครับ ส่วนช่องว่างหลัง 05 นั้นจะต้องเป็นเลขที่นั่ง แต่มันไม่มี - -'' ก็เลยถาม พนง. ได้คำตอบมาว่า no seat !!
แต่เดี๋ยวก่อน จำได้ว่าเคยอ่าน รีวิว ว่าสามารถไปนั่งที่ห้องอาหารได้......เลยถาม พนง. หาทางไปห้องอาหาร โชคยังดีที่พอมีที่นั่งเหลือ ไม่งั้นขาแข็งแน่ๆ
ถึงแล้วครับสถานีกวางเจา เซาน์
จากนั้นก็ลงไปด้านล่างเพื่อไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินครับ เราไม่ต้องไปต่อคิวกดบัตรนะครับ คิวจะยาว และเสียเวลา ผมแนะนำให้ไปติดต่อที่พนักงานในตู้ครับ โดยบัตรที่แนะนำจะเป็นแบบ 1 day pass(ไม่ได้ถามราคาแต่น่าจะประมาณ 20 หยวน) หรือ 3 day pass(50 หยวน) แล้วแต่ความต้องการนะครับ......พนักงานในตู้เองก็พูดและฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เหมือนกันนะครับ ไปชี้ๆเอาแถวนั้น ว่าผมจะเอาใบแบบนี้ๆ
สบายแล้วครับ จากนี้จะไปไหนก็ได้ เพราะรถไฟใต้ดินของจีนมีเยอะสายมากครับ แล้วแต่ว่าเราอยากไป shopping ที่ไหน แต่ให้เช็คเวลาดีๆก่อนนะครับว่า แต่ละตลาด ปิด/เปิด กี่โมง
มาต่อกันที่หัวใจของทริปนี้กันครับคืองาน LED China expo
อากาศที่จีนเย็นกำลังดีครับอยู่ประมาณ 12-18 องศา ถ้าไม่มีลมก็ถือว่าโอเคครับ เรามาดูบรรยากาศภายในงานกันครับ แต่ละฮอล์ใหญ่มากครับ แล้วก็มีตั้งหลายฮอล์ เดินกัน 2 วันไม่หมดจริงๆครับ
ตัวนี้จะเป็นจอ LED แบบดัดโค้งได้ เบามากๆ
อันนี้จะเป็นเทคโนโลยีจอ LED 3 มิติครับ พอใส่แว่นแล้วมันใหญ่เต็มตามากๆ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็รีบออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อที่จะได้มีเวลา Shopping ที่ฮ่องกงกันต่อ ณ ที่สถานีรถไฟฟ้า กวางเจา อีส นี้จะเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าด่วนไปยังฮ่องกงครับ หลังจากถึงสถานีแล้วให้เลี้ยวขวาครับจะเป็นรถไฟด่วน แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นรถไฟธรรมดาครับ โดยจะมี 2 แบบคือไปแวะจอดที่เซิ่นเจิ้น หรือไม่แวะไหนเลย ไปจอดที่เกาลูนเลยครับ........พนักงานที่นี่ก็อีกแหละครับ พูด/ฟัง ภาษาอังกฤษไม่ได้เท่าไหร่ ให้บอกเค้าว่าไปเกาลูนครับ....ค่าตั๋ว 154 หยวน หรือจ่ายเป็นเงินฮ่องกงก็ 190 HKD
นี่เป็นตารางเวลาการเดินรถครับ แนะนำว่าให้เลือกเที่ยวที่ไม่กระชั้นมาก อย่างน้อยให้มีเวลาเหลือสัก 30 นาทีขึ้นไป ก่อนที่รถไฟจะออกนะครับ เพราะเราต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสัมภาระอีก
ซื้อตั๋วเสร็จเดินไปทางซ้ายเพื่อซื้อของกินครับ
สามารถซื้อของกินเพื่อไปนั่งกินบนรถไฟฟ้าได้นะครับ มีทั้ง Mc และ Burger King
จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อน ไปยังที่ตรวจเช็คกระเป๋า
ภายในรถไฟฟ้าครับ ถ้าโดนที่นั่งที่ไม่ดี สามารถเปลี่ยนได้รับหลังจากรถออกจากสถานีแล้ว บรรยากาศดีครับ วิ่งผ่านชนบทไปเรื่อยๆ แล้วรถจะหยุดที่สถานี เซิ่นเจิ้นเล็กน้อย แล้วเดินทางต่อไปยังเกาลูน
ลงที่สถานีปลายทาง รอผ่าน ตม. ออกมาแล้วเดินไปทางซ้ายครับ ไปซื้อตั๋วที่พนักงานขายตั๋วได้เลย แต่จะมีป้ายอธิบายไว้ด้านหน้าช่องขายตั๋ว ว่าตั๋วแต่ละชนิดราคากี่ HKD และใช้กับเส้นทางไหนได้บาง ผมรองดูแล้วแบบ Air Port Express Travel ราคา 220 HKD จะคุ้มกว่าเพราะเดินทางไปหลายเส้นทางครับ และใช้ได้ 3 วัน แถมยังใช้ไปสนามบินได้ด้วย อันนี้ที่พักผมอยู่แถว ม่งกก(ปกติจาก ม่งกกไปสนามบินจะเสีย 160+50 HKD)