ว่าใครเป็นผู้มีอำนาจสั่งการบ้างฝ่ายรัฐบาลง่ายหน่อย เพราะมีระบบบังคับยัญชาฝ่ายผู้ชุมนุมคงแย่งกันอุตรุดเพราะไม่ยอมเป็นผู้สั่งการ มีแต่ผู้ขอร้อง ขอช่วย ผู้ปลุกเร้าเท่านั้น วันก่อนนี้ กอแก้วออกมาคนแรกว่าตนเองเป็นแค่ผู้รับสั่ง คนอื่นก็แค่เป็นคนขอร้อง ขอช่วย เพราะการสั่งการมีแต่ในระบบราชการ ส่วนผู้ชุมนุมมีแค่คนขอร้องเท่านั้น เพราะไม่มีบทลงโทษผู้ไม่ทำตาม มีแต้ปลุกเร้าให้ทำตามเท่านั้น แสดงว่า กม.นี้ ใช้บังคับได้เฉพาะวงราชการเท่านั้น ...... ก็ลองตั้งกรรมการกลั่นกรองก่อน แล้ว ก่อนตั้งกรรมการกลั่นกรอง ต้องตั้งกรรมการสรรหาผู้มาเป็นกรรมการกลั่นกรอง แล้วก็ทำประชาคม เพื่อให้มีการเลือกสรร กรรมกรมการสรรหา โอ๊ย ยุ่งเรื่องกรรมการอย่างเดียว อย่างน้อย ๒ ปี กว่า กรองเสร็จ ๓ ปี เริ่มไต่สวนว่าใครสั่งการบ้าง ปี ที่ ๔ หมดว่าระ
อ้อลืมไป ม.๓ กม.นิรโทษกรรม (ถ้าจริง)
มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว
ถ้าข้อความใน กม.นิรโทษกรรมใน ในมาตรา ๓ เป็นเช่นนี้จริง ต่อไปต้องสรรคหากรรมกาเพื่อทำหน้าที่ตัดสินตาม ม.๓
อ้อลืมไป ม.๓ กม.นิรโทษกรรม (ถ้าจริง)
มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว