เรื่องนี้เกิดขึ้นปี 2548 มีเด็ก ญ. คนนึงมาชอบสามีเรา ตอนนั้นเรากับสามียังเปนแฟนกันอยู่ โดย เด็ก ญ. ได้โทรมาตื้อแฟนเราทุกวัน แม้ในขณะที่อยู่ด้วยกัน ก็ยังโทรมาตลอด จนวันนึง ป้าของเด็ก ญ. ได้มาต่อว่าแฟนเราที่บ้าน ว่าให้เลิกยุ่งกับหลานสาวของตน สามีเราเลยตอบกลับไปว่า ไม่เคยยุ่ง เพราะผมมีแฟนอยู่แล้ว มีแต่หลานของตนนั้นแหละที่มายุ่งกับเขา พ่อกับแม่ของแฟนเราก็ไปแจ้งกับทางญาติเขาให้ทราบอีกที ทำให้เปนเรื่องเปนราวไปใหญ่ ทำให้ทางนั้นเสียหน้า ต่อมาวันที่ 6 พ.ค. 48 สามีเราถูกจับในคดีข่มขืน พรากผู้เยาว์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว เราตกใจมาก ทราบข้อมูลว่า ในวันที่ 9 เม.ย. 48 เด็ก ญ. บอกว่า แฟนเราได้โทรศัพท์เรียกให้ไปพบที่บ้าน ให้ไปอยู่เปนเพื่อนเพราะตนอยู่คนเดียว เด็ก ญ. เลยมาตามคำชวน (ขณะนั้นเวลา 2 ทุ่มกว่าๆ ) เมื่อไปที่บ้านกล่าวว่าแฟนเราได้ฉุดเข้าห้องเพื่อไปข่มขืน หลังจากนั้นก็วิ่งหนีออกมา แล้ววิ่งกลับบ้าน (บ้านเด็กกับบ้านแฟนเราอยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร ) หลังจากนั้นได้โทรกลับมาถามว่าทำอย่างนั้นทำไม ในชั้นสอบสวน เด็ก ญ. บอกว่าแฟนเรา อึกอัก ไม่ตอบ แต่ในชั้นศาล เด็ก ญ. ให้การว่า แฟนเราบอกว่าไม่ให้บอกใคร แล้วยังเยาะเย้ย ตนอีก (พร้อมร้องไห้) เด็ก ญ.ในขณะนั้นมีอายุ 13 ปี แฟนเราให้การปฏิเสธ มาตลอด ในชัันสอบสวน ตำรวจ นายนึงได้พูดกับแฟนเราว่า รับๆไปเหอะ ติดคุกแค่ 4 ปีเอง นอกจากนั้น ตำรวจไม่เคยมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ และไม่ได้ตรวจร่างกายของแฟนเราเลย แต่ทาง เด็ก ญ. ได้มีการตรวจร่างกาย พบว่า มีลอยถลอกแดงบริเวณหลังมดลูก และอาจเคยมีเพสัมพันธ์มาก่อน ทนายเราถามว่าทำไมเพิ่งแจ้งความ หลังจากเกิดเหตุมานานแล้ว ทางป้าเด็กบอกว่า เพราะตนเพิ่งไปพบไดอะรี่ที่หลานเขียนไว้ จึงเรียกมาสอบถามความจริง จึงเพิ่งมาแจ้งความ พอถามถึงไดอะรี่ ทางป้าบอกว่า ไม่ทราบหายไปแล้ว ส่วนทางหลานบอกว่า โมโหฉีกทิ้งไปแล้ว (ลืมบอกไปว่า พอดีว่าทางป้าของเด็กนั้น ตอนนั้นได้เปนภรรยาน้อยของตำรวจ สน. นี้อยู่ และป้าของเด็กก็เคยทำงานเกี่ยวกับพวกสังคมสงเคราะเกี่ยวกับพวกเด็กที่โดนข่มขืนด้วย ทำให้มีข้อมูลและคอยเสี่ยมหลานได้ ) ในการแจ้งความครั้งนี้ พ่อและแม่เด็กไม่รู้เรื่องเพราะแยกทางกันไปนานแล้วป้าเปนผู้ดูแลเด็ก ป้าเด็กเปน โจทย์ที่ 1 เด็กเปนที่ 2 หลังจากเกิดเหตุ ชาวบ้านบริเวณแถวนั้นก้ได้ไปต่อว่า เพราะไม่มีใครเชื่อว่าสามีเราเปนคนทำ ทนายเราได้เคยถามว่า เด็กเคยมีเพื่อนชายไหม เด็กตอบว่ามี เพราะเด็กคบทั้งทอม และผู้ชาย แต่ทางเราไม่มีหลักฐานใด มีแต่พยาน ทางศาลบอกว่าไม่มีน้ำหนักพอ ศาลชั้นต้นจึงให้จำคุก 9 ปี 4 เดือน เรายื่นอุธร (ทนายคนเก่าเสียชีวิต เปลี่ยนทนาย) ศาลอุธรพิพากษา เหลือ 9 ปี ตัดกักขังหน่วงเหนี่ยวออก เพราะเด็กบอกว่า ตนวิ่งหนีออกมาได้ บอกก่อนนิดนึงนะ ในชั้นสอบสวนเด็กว่าว่าแฟนเราล็อกกอนไม่ให้ออก แต่ในความเปนจิงแล้ว ห้องแฟนเราไม่มีกลอนอ่ะ ณ ตอนนี้ ในวันที่ 26 กพ. 56 ศาลฎีกาตัดสินให้สามีเรา จำคุก 9 ปี ยืนคำพิพากษาเดิม ตอนนี้แฟนเราทำงานรัฐวิสาหกิจ ระดับ 5 มีลูกด้วยกันหนึ่งคน อายุ 3 ขวบ ตอนนี้เราสงสารสามีและลูกมาก เรากับแฟนคบกันมา 11 ปี ตั้งแต่ ปี 2544 เราไม่คิดว่าจะเปนแบบนี้ ก่อนหน้านี้แฟนเราได้ให้ทนายไปติดต่อกับทางนู้น เขาบอกว่าจะเอาเงิน พอเราให้ทนายไปตามเรื่อง ทนายบอกให้เฉยไว้ก่อน เรากับสามีตามเรื่องมาตลอด เสียเงินก็ยอมเพื่อแลกกับอนาคต แต่สุดท้ายแล้ว ทนายไม่ตามเรื่องให้ แถมยังบอกให้สามีเราหนีอีก บอกว่าให้หนี 10 ปี เราไม่ใช่ดาราตำรวจไม่ตามหรอก แต่สามีเราไม่หนี ขอยืนยันความบริสุทธิ์ แฟนเราเปนคนดี มีน้ำใจ ไม่เคยก่อเรื่อง คนแถวบ้านจะรู้ดี มีแต่คนสงสาร เพราะตั้งแต่มีคดี ย่าก็เสีย พ่อก็เสียตามเพราะมะเร็ง หลังจากนั้นไม่ถึงปี แม่ก็เสียตามเพราะมะเร็งเหมือนกัน ตอนนี้ที่บ้านเหลือแต่เราและลูก และน้องชายสามี แค่สามคน สามีเปนเสาหลักของบ้าน มาโดยตลอด ตอนนี้เราทำงาน คนเดียวเพราะน้องเพิ่งเรียนจบ บวชเปนพระอยู่ ไม่คิดว่าแค่โทสะของคนจะทำให้คนนึงคนหมดอนาคตได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้แฟนเราติดคุกอยู่ ลูกสาวถามถึงพ่อทุกวัน เราไม่รู้จะทำอย่างไรดี อนาคตที่วางเอาไว้พังทลายหมด ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปคือลูก ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะค่ะ อยากจะแชร์ประสบการ์ณ ชีวิตให้ฟัง อยากจะขอความเปนธรรมแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี T,T
สามีถูกใส่ร้ายคดีข่มขืน พรากผู้เยาว์ ทำอย่างไรดี T,T