อยากรู้เกี่ยวกับ PISTONS ยุค BAD BOY ครับ

อยากทราบยุคนี้นี่มันเป็นมายังใครครับช่วยเล่าที
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
คำเตือน - บทความสั้นนี้เขียนแบบมั่วๆ ข้อมูลอันเลือนลาง ประกอบกับการเปิดเน็ตประกอบ ผิดประการณ์ใด เขียนไม่ถูกใจขออภัยล่วงหน้าครับ

The Bad Boys era



หากนิยามทีมดังบาสยุค 90 เป็นแนวดนตรี คุณอาจเปรียบ " โชว์ไทม์ " แอลเอ เลเกอร์ส เป็นเพลงป๊อปที่มีจังหวะสนุกสนาน และคู่แค้นอย่าง บอสตัน เซลติค ที่เปรียบเสมือน เพลงลูกกรุง ที่มีความคลาสสิคตลอดเวลา เมื่อเวลาล่วงเลยไปสองทีมแห่งสงคราม เลเกอร์ส-เซลติค มีผลงานที่ตกลงนั่นคือเวลาของ " เดอะแบดบอย " ที่มากับจังหวะเพลง " เฮฟวี่เมทัล " ได้ผงาด ...

คีย์แมน
Chuck Daly



ชัค เดลี่ เป็นโค้ชที่ไม่ประสบความสำเร็จในก้าวแรกของเขา กับทีม NBA เขาทำสถิติเพียง .220 กับ คลีฟแลนท์ คาเวร์เรีย หลังจากโดนไล่ออกสองปี ชัค เดลี่ ได้งานคุม ดีทรอยด์ พิสตัล ภายหลัง Scotty Robertson จากไปและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จในเวลาต่อมานั่นเอง " โฟกัส ดีเฟ้นท์ " ชัค เดลี่ มีลุ๊คที่แตกต่างจากโค้ชคนใดในลีค เขาตั้งปกคอ ผมอยู่ทรง และหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเขา " จิตวิทยา " ที่ทำให้เขาสามารถคุมลูกทีมตัวเองได้นั่นเอง

Isiah Thomas


ไอเซอาร์ โธมัส  คือหัวใจของทีม แบดบอย อย่างแท้จริง เขาทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อทีม เวลาแพ้เขาเป็นคนที่เสียใจมากที่สุด การ์ดร่างเล็กหัวใจโตที่เป็นที่รักของชาว ดีทรอยท์ เขาได้เข้า 50 ผู้เล่นทรงเกียรติ ถ้าหากเขาไม่ผิดใจกับ " คนที่คุณก็รู้ว่าใคร " เขาก็อาจจะได้เป็นส่วนนึงของ " เดอะดรีมทีม " ก็เป็นได้

ย้อนความ ดีทรอยด์ พิสตัล ทีมเล็กๆในยุค 80 พวกเขาเป็นได้เพียงไม้ประดับของลีค (หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึง ชาร์ลอท บ๊อบแคท ตอนนี้แต่แย่กว่า) ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมาจากชายร่างเล็กจาก Indiana University Hoosiers ทีมดราฟ ไอเซอาร์ โธมัส (Isiah Thomas) เข้ามาในลำดับที่สอง เทรด บิล แลมแบย์ (Bill Laimbeer) มาจาก คลีฟแลนท์ และ วินนี่ จอห์นสัน (Vinnie Johnson) จาก ซีแอตเทิล สามแกนนำใหม่พาทีมขยับจากสถิติ .256 ขึ้นมาเป็น .476 ในทันทีแม้จะพลาดการเล่นเพลย์ออฟในสองปีแรก แต่การมาถึงของ ชัค เดลี่ ที่ลากพวกเขาขึ้นมาเป็นทีมระดับเพลย์ออฟทันทีหลังจากไม่ได้เข้ามาถึง 7 ปี ชัค เดลี่ นำการเล่นที่หนักหน่วง การเข้าถึงเนื้อถึงตัว (ซึ่งเป็นสมัยนี้โดน TF ออกกันเป็นขบวนแน่) พวกเขาเป็นทีมวัยหนุ่มที่กำลังมีไฟ ค่อยๆขยับสถิติขี้นมาเรื่อยๆในฤดูกาล 84 - 85 พวกเขามีสถิติ .561 ในฤดูกาลต่อมาพวกเขาก็ได้อีกหนึ่ง จิ๊กซอว์ สำคัญอีกคนหนี่ง โจว ดูมาร์ (Joe Dumars) แต่พวกเขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าไปรอบลึกๆสู่ความสำเร็จ (ซึ่งอยู่ในยุคสงครามของ เลเกอร์ส - เซลติคที่แทบจะยึดหัวหาดไว้ไม่ปล่อย)  ล่วงเลยมาถึงฤดูกาล 85 - 86 พวกเขาก็ได้สองกำลังสำคัญอย่าง จอห์ม ซัลลี่ (John Salley) มาในละดับที่ 11 และอีกหนึ่งซุปเปอร์สตาร์ในเวลาต่อมา เดนนิส ร๊อดแมน (Dennis Rodman) ในรอบสอง ลำดับที่ 27 ด้วยการเล่นเกมส์รับที่ดียิ่งขึ้นพวกเขาสามารถทะลุเข้าไปชิงแชมป์สายกับ บอสตัน เซลติค พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับชายที่ชื่อ " แลรี่ เบิร์ด " ไป 3-4 เกมส์ ฤดูกาลต่อมา พวกเขาเทรด เอเดรียน ดานท์เลห์ (Adrian Dantley) เจ้าของรางวัลผู้ทำคะแนนสูงสุดสองสมัย เอเดรียน ดานท์เลห์ เข้ามาเติมเต็มในเกมส์รุก ผสมกับเกมส์รับที่ขึ้นชื่อของพวกเขา แบดบอย ทำสถิติ .659 เป็นที่สองของฝั่งตะวันออก กลายเป็นทีมที่มองถึงแชมป์และพวกเขาก็สามารถทำได้พวกเขาปราบ บอสตัน เซลติค เข้าไปดวลกับ แอลเอ เลเกอร์ส แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต้าน " โชว์ไทม์ " โดยเฉพาะ  เจมส์ เวิร์ดที้ (James Worthy) ที่คว้า Final MVP ไปครอง

ฟอร์มแชมป์ ภายหลังจากผิดหวังจากการชิงแชมป์ พวกเขาขยับอีกครั้ง โดยการคว้า มาร์ก อไกว์น (Mark Aguirre) เข้ามาสู่ทีม (อไกว์น เป็นดราฟลำดับหนึ่งในปีเดียวกับ ไอเซอาร์ โธมัส) พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขี้น โดยทำสถิติ .768 แพ้เพียง 19 เกมส์ (ทีมชุดนี้เข้าสู้ฮอลออฟเฟมทั้งชุด) ภายหลังจากสิ้นฤดูกาลพวกเขาก้าวเข้าสู่เพลย์ออฟโดยยังคงมีความกระหาย พวกเขาปราบ บอสตัน เซลติค (ที่ไร้ แลรี่ เบิร์ด) ในรอบแรก 3-0 เกมส์ และปราบ  มิววอร์คกี้ บัคส์ ไป 4-0 ในรอบสอง เข้าไปชิงแชมป์สายกับ ชิคาร์โก้ บูล โดยแผน Jordan Rules ที่ผมเรียกว่า " เก็บไมเคิลซะ " แต่มันก็ไม่สามารถหยุด ราชา ของยุคต่อมาได้ โดย 4 เกมส์แรกพวกเขาผลัดกันแพ้ชนะ แต่ด้วยฟอร์มของ ไอเซอาร์ โธมัส และเพื่อนร่วมทีมพวกเขาไปชนะเกมส์สุดท้ายที่บ้านของ ชิคาโก้ บูล ได้ 4-2 เกมส์



พวกเขากลับไปเจอกับ แอลเอ เลเกอร์ส อีกครั้งซึ่งปีนี้เป็นปีรีไทร์ของ คารีม อับดุล จับบาร์ ยอดเซ็นเตอร์หลังจาก 20 ปี แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ด้วยวัยที่โรยรา และ อาการบาดเจ็บของ เออร์วิน "เมจิค" จอห์นสัน ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ ดีทรอยด์ พิสตัล ไป 4-0 เป็นแชมป์ครั้งแรกของทีมอีกด้วยหลังจากเป็นทีม NBA



และในปีต่อมาพวกเขาก็สามารถรักษาฟอร์มเดิมของพวกเขาไว้ได้คว้าแชมป์มาครองอีกสมัยโดยชนะ ชิคาร์โก้ บูล อีกครั้งในรอบชิงแชมป์สายตะวันออก และชนะ พอร์ทแลนท์ เทลเบลเซอร์ ไป 4-1 นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ผงาดเหนือผู้อื่นก่อนจะโดน ชิคาร์โก้ บูล ดึงพวกเขาลงมาในฤดูกาล 90-91 บวกกับอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานานของกัปตันทีม  ไอเซอาร์ โธมัส ซึ่งมันทำให้เป็นการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุค จอร์แดน อีร่า อย่างสมบูรณ์แบบ (หลังจากนั้นกำลังหลักของทีมก็รีไทร์และเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง)



สรุป พวกเขาเป็นทีมที่มีความอดทนเหลือหลาย สร้างทีมจากทีมเล็กๆขึ้นมากลายเป็นยอดทีมได้ ผมกล้าพูดได้เลยว่าพวกเขาไม่ได้มีบาสที่สวยงาม ไม่ได้ชวนดู แต่ทุกสิ่งที่ทำเพียงเพื่อต้องการชัยชนะที่พวกเขาทนรอมานานเกือบสิบปี พวกเขาไม่ได้เป็นทีมที่มีพรสวรรค์เหนือทีมอื่นแต่มันมาจากความพยายามจนประสบความสำเร็จ " แบดบอย อีร่า 1979 - 1994 "

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่