นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. วอนอย่ามองคนกทม.ไม่เอาเพื่อไทยหลังแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันพร้อมยิ้มรับความพ่ายแพ้ ปัด สาเหตุที่พ่ายเพราะพลาดไปปราศรับเรื่องเผาบ้าน เผาเมือง...
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เพราะมีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) เป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า
พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจของประชาชน และพรรคจะทำงานผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจในหมู่ประชาชนชาวกรุงเทพฯให้มากขึ้น เมื่อถามว่าจากผลการเลือกตั้งมองได้หรือไม่ว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ไม่เอาพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าจะไปสรุปอย่างนั้นไม่ได้ เพราะได้รับคะแนนเสียง 1 ล้านคะแนน ถือว่าพอใจระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้รับคะแนนมากพอที่จะได้เป็น ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น และเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะต้องจับเข่าคุยกันภายในพรรคว่าปัจจัยอะไร ที่ทำให้แพ้การเลือกตั้ง สำหรับตนมองมีอยู่เหตุผลเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ได้ คะแนนมากกว่าก็ต้องได้รับชัยชนะ ส่วนใครที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าต้องยิ้มรับความพ่ายแพ้ ทำงานต่อย่อท้อไม่ได้ แม้วันนี้ยังไม่ได้รับชัยชนะ
เมื่อถามว่าภายหลังผลคะแนนเลือกตั้งได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วหรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ายังไม่ได้พูดคุย เมื่อถามว่ากระแสโลกออนไลน์ระบุการที่พรรคเพื่อไทย แพ้การเลือกตั้ง เพราะไปพูดบนเวทีถึงเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 53 ว่าถ้าเผาบ้าน เผาเมืองจริง ขอให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสุดแท้แต่ว่าใครจะไปหยิบประเด็นไหนมาตั้งข้อสังเกตหรือมาขยายผลของชัยชนะ ตนได้พูดตอนต้นไปแล้วว่าเมื่อผลออกมาแล้วก็เป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ และยอมรับ ตนยืนยันสิ่งที่ได้ปราศรัยเป็นข้อเท็จจริง และเมื่อเป็นผู้แพ้ก็มีหน้าที่น้อมรับ และพยายามทำงานให้ประชาชนเชื่อมั่นให้ได้
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการประเมินโพลที่พรรคเพื่อไทยลงไปทำหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าถึงเวลาต้องมาดู เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าโพลที่สำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างจะสะท้อนว่าแตกต่างจากข้อเท็จจริง ในขณะที่โพลที่ทำในพื้นที่ต่างจังหวัดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้มากกว่า คงต้องเอาสาเหตุนี้มาวิเคราะห์กันด้วยว่าทำไมมีความแตกต่างกัน และเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ทั้งนี้ การประเมินผลการเลือกตั้งในส่วนของพรรคขึ้นอยู่กับคณะยุทธศาสตร์พรรค และผู้เกี่ยวข้องว่าจะประชุมเมื่อไร และหากเชิญตนไปร่วมประชุม ตนก็จะมีมุมมองไปแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งเข้าใจพรรคคงรอนายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศก่อน.
http://www.thairath.co.th/content/pol/330485
อย่าคิดมากเลยครับ แพ้ก็แพ้แค่กรุงเทพฯ แต่ทั่วประเทศไทย เราไม่เคยแพ้ (ต่อแต่นี้คนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับชะตากรรมกันเองนะครับ)
ณัฐวุฒิ ปัด พ่ายเพราะพลาดปราศรัยเรื่องเผาเมือง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. วอนอย่ามองคนกทม.ไม่เอาเพื่อไทยหลังแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันพร้อมยิ้มรับความพ่ายแพ้ ปัด สาเหตุที่พ่ายเพราะพลาดไปปราศรับเรื่องเผาบ้าน เผาเมือง...
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เพราะมีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) เป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า
พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจของประชาชน และพรรคจะทำงานผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจในหมู่ประชาชนชาวกรุงเทพฯให้มากขึ้น เมื่อถามว่าจากผลการเลือกตั้งมองได้หรือไม่ว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ไม่เอาพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าจะไปสรุปอย่างนั้นไม่ได้ เพราะได้รับคะแนนเสียง 1 ล้านคะแนน ถือว่าพอใจระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ได้รับคะแนนมากพอที่จะได้เป็น ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น และเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะต้องจับเข่าคุยกันภายในพรรคว่าปัจจัยอะไร ที่ทำให้แพ้การเลือกตั้ง สำหรับตนมองมีอยู่เหตุผลเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ได้ คะแนนมากกว่าก็ต้องได้รับชัยชนะ ส่วนใครที่ได้รับคะแนนน้อยกว่าต้องยิ้มรับความพ่ายแพ้ ทำงานต่อย่อท้อไม่ได้ แม้วันนี้ยังไม่ได้รับชัยชนะ
เมื่อถามว่าภายหลังผลคะแนนเลือกตั้งได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วหรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ายังไม่ได้พูดคุย เมื่อถามว่ากระแสโลกออนไลน์ระบุการที่พรรคเพื่อไทย แพ้การเลือกตั้ง เพราะไปพูดบนเวทีถึงเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 53 ว่าถ้าเผาบ้าน เผาเมืองจริง ขอให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสุดแท้แต่ว่าใครจะไปหยิบประเด็นไหนมาตั้งข้อสังเกตหรือมาขยายผลของชัยชนะ ตนได้พูดตอนต้นไปแล้วว่าเมื่อผลออกมาแล้วก็เป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ และยอมรับ ตนยืนยันสิ่งที่ได้ปราศรัยเป็นข้อเท็จจริง และเมื่อเป็นผู้แพ้ก็มีหน้าที่น้อมรับ และพยายามทำงานให้ประชาชนเชื่อมั่นให้ได้
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการประเมินโพลที่พรรคเพื่อไทยลงไปทำหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าถึงเวลาต้องมาดู เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าโพลที่สำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างจะสะท้อนว่าแตกต่างจากข้อเท็จจริง ในขณะที่โพลที่ทำในพื้นที่ต่างจังหวัดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้มากกว่า คงต้องเอาสาเหตุนี้มาวิเคราะห์กันด้วยว่าทำไมมีความแตกต่างกัน และเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ทั้งนี้ การประเมินผลการเลือกตั้งในส่วนของพรรคขึ้นอยู่กับคณะยุทธศาสตร์พรรค และผู้เกี่ยวข้องว่าจะประชุมเมื่อไร และหากเชิญตนไปร่วมประชุม ตนก็จะมีมุมมองไปแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งเข้าใจพรรคคงรอนายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศก่อน.
http://www.thairath.co.th/content/pol/330485
อย่าคิดมากเลยครับ แพ้ก็แพ้แค่กรุงเทพฯ แต่ทั่วประเทศไทย เราไม่เคยแพ้ (ต่อแต่นี้คนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับชะตากรรมกันเองนะครับ)