หลังจากวันเสาร์ที่ผ่านมา กระทำชำเราตัวเองด้วยแอลกอฮอล์พอประมาณกับพรรคพวกแถวบ้าน กว่าจะตื่นมาในวันอาทิตย์ ก็บ่ายแก่ ๆ เกือบเย็น (จำเวลาแน่นอนไม่ได้) ลุกขึ้นมาทำนู่น ทำนี่ เช็ค E-Mail เช็คห้องจักรยาน ก่อนที่จะมีความคิดอยากจะออกไปปั่นสักนิด สักหน่อย เพิ่มความสดชื่นให้ตัวเอง
เปิดประตูห้องออกมา ถึงกับผงะ .. เอ๊ะ อะไรกันเนี่ย ทำไมท้องฟ้ามันมืดครึ้มขนาดนี้!! ผมเดินออกไปหน้าบ้าน เพื่อเช็คสภาพอากาศว่าพอที่จะพาเจ้าดำไปปั่นเล่นสัก 10-20 กิโลได้หรือไม่? กลิ่นไอดินจาง ๆ ลอยมาปะทะเบา ๆ บวกกับเสียงฝนตกปอย ๆ เป็นระยะ เหมือนเพิ่งหยุดตกไปได้ชั่วครู่ .. "เอาวะ .. ตกเล็ก ๆ ไม่มีปัญหา" ผมตัดสินใจในทันทีทันใด พลันเตรียมอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ เช็คสภาพรถ ก่อนที่จะจูงเจ้าดำออกสู่ถนนหน้าบ้าน
สภาพสองข้างทางที่ปั่นไป เฉอะแฉะจากฝนที่น่าจะตกมาช่วงสาย ๆ ผู้คนบางตา บ้างถือร่ม บ้างก็เอาถุงพลาสติกทาบใส่หัว ร้านค้าวันอาทิตย์ที่คึกคัก พลันเงียบสงบทั้ง 2 ข้างทางในหมู่บ้าน เหลือไว้แต่เพียงอากาศเย็น ๆ ที่มาพร้อมเม็ดฝนเล็ก ๆ ที่ยังร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย .. สองแรงขาผมยังปั่นเจ้าดำไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางฝนปอย ๆ น้ำจากพื้นที่ถูกล้อเจ้าดำดึงขึ้นมากระเซ็นโดนหน้าขาเลอะเทอะไปหมด แต่มันยังคงได้ฟิลลิ่งของการปั่นท่ามกลางอากาศมัว ๆ
ผมปั่นออกไปได้ราว ๆ 10 กิโล มองไปข้างหน้าทั้งสองข้างทางมีแต่รถยนต์ที่ผ่านไป ผ่านมาเป็นระยะ มอเตอร์ไซค์นาน ๆ จะผ่านมาคันนึง ส่วนจักรยานหามีไม่ หลาย ๆ คนที่ผมขับผ่านมา ต่างมองผมด้วยหน้าตาฉงนสงสัย ประดุจว่า "คนบ้าที่ไหนมันมาปั่นจักรยานตอนฝนตก ๆ วะ" .. ผมปั่นไป ยิ้มไป เพราะมันได้บรรยากาศหนาว ๆ เย็นๆ (โดยส่วนตัวเป็นคนชอบอากาศเย็นอยู่แล้ว) เจ้าดำยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างหนักหน่วง ก่อนที่ผมจะจอด ชะลอเพื่อพักให้หายเหนื่อยกายชั่วครู่
สถานที่ที่ผมจอดข้างทาง มองไปเป็นทุ่งนา ที่ยามต้องฝนมันขยับเรากับจะเต้นให้ผมดู คูน้ำเล็ก ๆ ฝนตกเหยาะแหยะ ขยายวงกว้าง และจางหายไป ก่อเกิดวงใหม่ ๆ นับร้อยนับพัน ผมหยิบน้ำที่ติดมายกขึ้นดื่ม ก่อนที่จะมองภาพรวมกว้าง ๆ ของสถานที่ ที่เรียกว่า "แถวบ้าน" ของผม แหมม .. มองไปมองมา มันก็สวยดีแหะ อยู่มาตั้ง 10 กว่าปี ไม่เคยคิดว่าจะมีมุม ๆ นี้เลย .. ผมยืนเสพธรรมชาติสองข้างทางได้สักพัก ก่อนที่สัญญาณเตือนจากท้องฟ้าจะส่งสัญญาณลงมาเตือนผมด้วยเสียงฟ้าคะนอง พร้อมกับเม็ดฝนที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันมองเจ้าดำที่ชุ่มน้ำทั้งคัน เหมือนมันเหงื่อออกเพราะเหนื่อยจากที่ผมปั่นมันมา แต่มันไม่เคยเกี่ยงงอน เพราะอะไรนะเหรอครับ? เพราะยามที่ผมมองมัน เพราะยามต้องน้ำฝนที่โปรยปรายมาอย่างไม่ขาดสาย แม้โคลนจะติดเต็มตะเกียบ เต็มล้อ เต็มเกียร์ เต็มจาน ฯลฯ แต่ความรู้สึกของผมเหมือนมันจะบอกเราว่า "เอ็งมีแรงขี่ ข้าก็มีแรงพาเอ็งไปทุกที่ ที่เอ็งต้องการ"
ผมยิ้มเล็ก ๆ ให้เจ้าดำ ก่อนที่จะควบทะยานมันฝ่าสายฝนที่เริ่มตกลงมาหนักขึ้น .. ด้วยความเร็วที่ลดลงเพื่อความปลอดภัย (ราว ๆ 15 km/h) สับเกียร์ให้รอบขาแบบสบาย ๆ .. เสียดายอย่างเดียวที่ไม่ได้เอาชุดคลุมฝนมา เลยปั่นทั้งตัวเปียกทั้งอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร ไม่อยากเอาเปรียบเจ้าดำมัน เด๊วมันจะหาว่าผมเอาเปรียบมัน 555+
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ระยะทางหน้าไมล์บอกราว 20 กิโลเมตร ตรงตามวัตถุประสงค์ของผม รีบจัดแจงเช็ดตัวให้เจ้าดำอย่างด่วน เพราะลืมไปว่า เจ้าดำเป็นเหล็กทั้งคัน เอาน้ำฉีด ๆ ๆ ๆ ๆ เช็ดถูเอาคราบโคลนอะไรออกให้หมด เช็ดจานหน้า จานเกียร์ ให้แห้งพอหมาด ๆ .. แต่ด้วยความที่ผม บ้าเอามาก ๆ กลัวว่ามันจะเป็นสนิม เลยเอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้ทั่วคันเลย 555+ ก่อนที่จะพ่นซิลิโคน และเช็ดให้แห้งอีกรอบ ความเงางามกับมาเหมือนเดิม สะอาดเอี่ยมอ่อง เหมือนล้างรถไปในตัว ผมนั่งมองเจ้าดำไป จิบกาแฟอุ่น ๆ ไป แม้จะอยู่ด้วยกันมาแค่ไม่กี่เดือน แต่มันก็ทำให้ผมได้เจอประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอ .. เจอผู้คนในอีกมุมมอง .. เจอธรรมชาติที่แอบแฝงในความวุ่นวายของผู้คน .. เจอร้านอาหารอร่อย ๆ .. เจอฝน เจอฝุ่น ในแบบที่รู้สึกดี ซึ่งชีวิตไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับเจ้าพวกนี้เลย
สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เข้ามาในชีวิตผมตลอดไปไหม? ผมไม่รู้หรอก .. ผมรู้แต่ว่า ตอนที่ผมกับเจ้าดำ ได้อยู่ด้วยกัน เป็นช่วงเวลาสุญญากาศเล็ก ๆ ที่มีความสุข เป็นเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายกับช่วงชีวิต ได้ปลดปล่อยความคิดหลาย ๆ อย่างลงสองข้างทางที่มันพาผมไป .. ถ้ามันมีชีวิตผมก็อยากจะบอกเจ้าดำมันเหมือนกัน .. ผมอยากจะบอกว่า
"ขอบคุณครับ" ..
ป.ล. และในคืนนั้น ก็อัดพาราฯ ไปสองเม็ด และนอนยาว ๆ แบบสบาย ๆ 55555555555+
ป.ล. เพ้อเจ้อนิดนึงนะครับ แค่อยากจะถ่ายทอดแบบเพ้อ ๆ ดูบ้าง เห็นอากาศครึ้ม ๆ น่าจะพอนึกภาพออก และเข้าใจฟิลลิ่งผมแน่นอนครับ 555+
ป.ล. คำเตือน : ไม่แนะนำให้ออกไปปั่นยามฝนตกแบบผมนะครับ อันตราย + เสียสุขภาพ ผมก็กะว่า นี่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะออกปั่นยามฝนตกละครับ 555+ แค่อยากลอง ๆ
เรื่องเล่าริมทาง ตอน ความสวยงาม จักรยาน และฝนตก
เปิดประตูห้องออกมา ถึงกับผงะ .. เอ๊ะ อะไรกันเนี่ย ทำไมท้องฟ้ามันมืดครึ้มขนาดนี้!! ผมเดินออกไปหน้าบ้าน เพื่อเช็คสภาพอากาศว่าพอที่จะพาเจ้าดำไปปั่นเล่นสัก 10-20 กิโลได้หรือไม่? กลิ่นไอดินจาง ๆ ลอยมาปะทะเบา ๆ บวกกับเสียงฝนตกปอย ๆ เป็นระยะ เหมือนเพิ่งหยุดตกไปได้ชั่วครู่ .. "เอาวะ .. ตกเล็ก ๆ ไม่มีปัญหา" ผมตัดสินใจในทันทีทันใด พลันเตรียมอุปกรณ์อะไรต่าง ๆ เช็คสภาพรถ ก่อนที่จะจูงเจ้าดำออกสู่ถนนหน้าบ้าน
สภาพสองข้างทางที่ปั่นไป เฉอะแฉะจากฝนที่น่าจะตกมาช่วงสาย ๆ ผู้คนบางตา บ้างถือร่ม บ้างก็เอาถุงพลาสติกทาบใส่หัว ร้านค้าวันอาทิตย์ที่คึกคัก พลันเงียบสงบทั้ง 2 ข้างทางในหมู่บ้าน เหลือไว้แต่เพียงอากาศเย็น ๆ ที่มาพร้อมเม็ดฝนเล็ก ๆ ที่ยังร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย .. สองแรงขาผมยังปั่นเจ้าดำไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางฝนปอย ๆ น้ำจากพื้นที่ถูกล้อเจ้าดำดึงขึ้นมากระเซ็นโดนหน้าขาเลอะเทอะไปหมด แต่มันยังคงได้ฟิลลิ่งของการปั่นท่ามกลางอากาศมัว ๆ
ผมปั่นออกไปได้ราว ๆ 10 กิโล มองไปข้างหน้าทั้งสองข้างทางมีแต่รถยนต์ที่ผ่านไป ผ่านมาเป็นระยะ มอเตอร์ไซค์นาน ๆ จะผ่านมาคันนึง ส่วนจักรยานหามีไม่ หลาย ๆ คนที่ผมขับผ่านมา ต่างมองผมด้วยหน้าตาฉงนสงสัย ประดุจว่า "คนบ้าที่ไหนมันมาปั่นจักรยานตอนฝนตก ๆ วะ" .. ผมปั่นไป ยิ้มไป เพราะมันได้บรรยากาศหนาว ๆ เย็นๆ (โดยส่วนตัวเป็นคนชอบอากาศเย็นอยู่แล้ว) เจ้าดำยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างหนักหน่วง ก่อนที่ผมจะจอด ชะลอเพื่อพักให้หายเหนื่อยกายชั่วครู่
สถานที่ที่ผมจอดข้างทาง มองไปเป็นทุ่งนา ที่ยามต้องฝนมันขยับเรากับจะเต้นให้ผมดู คูน้ำเล็ก ๆ ฝนตกเหยาะแหยะ ขยายวงกว้าง และจางหายไป ก่อเกิดวงใหม่ ๆ นับร้อยนับพัน ผมหยิบน้ำที่ติดมายกขึ้นดื่ม ก่อนที่จะมองภาพรวมกว้าง ๆ ของสถานที่ ที่เรียกว่า "แถวบ้าน" ของผม แหมม .. มองไปมองมา มันก็สวยดีแหะ อยู่มาตั้ง 10 กว่าปี ไม่เคยคิดว่าจะมีมุม ๆ นี้เลย .. ผมยืนเสพธรรมชาติสองข้างทางได้สักพัก ก่อนที่สัญญาณเตือนจากท้องฟ้าจะส่งสัญญาณลงมาเตือนผมด้วยเสียงฟ้าคะนอง พร้อมกับเม็ดฝนที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันมองเจ้าดำที่ชุ่มน้ำทั้งคัน เหมือนมันเหงื่อออกเพราะเหนื่อยจากที่ผมปั่นมันมา แต่มันไม่เคยเกี่ยงงอน เพราะอะไรนะเหรอครับ? เพราะยามที่ผมมองมัน เพราะยามต้องน้ำฝนที่โปรยปรายมาอย่างไม่ขาดสาย แม้โคลนจะติดเต็มตะเกียบ เต็มล้อ เต็มเกียร์ เต็มจาน ฯลฯ แต่ความรู้สึกของผมเหมือนมันจะบอกเราว่า "เอ็งมีแรงขี่ ข้าก็มีแรงพาเอ็งไปทุกที่ ที่เอ็งต้องการ"
ผมยิ้มเล็ก ๆ ให้เจ้าดำ ก่อนที่จะควบทะยานมันฝ่าสายฝนที่เริ่มตกลงมาหนักขึ้น .. ด้วยความเร็วที่ลดลงเพื่อความปลอดภัย (ราว ๆ 15 km/h) สับเกียร์ให้รอบขาแบบสบาย ๆ .. เสียดายอย่างเดียวที่ไม่ได้เอาชุดคลุมฝนมา เลยปั่นทั้งตัวเปียกทั้งอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร ไม่อยากเอาเปรียบเจ้าดำมัน เด๊วมันจะหาว่าผมเอาเปรียบมัน 555+
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ระยะทางหน้าไมล์บอกราว 20 กิโลเมตร ตรงตามวัตถุประสงค์ของผม รีบจัดแจงเช็ดตัวให้เจ้าดำอย่างด่วน เพราะลืมไปว่า เจ้าดำเป็นเหล็กทั้งคัน เอาน้ำฉีด ๆ ๆ ๆ ๆ เช็ดถูเอาคราบโคลนอะไรออกให้หมด เช็ดจานหน้า จานเกียร์ ให้แห้งพอหมาด ๆ .. แต่ด้วยความที่ผม บ้าเอามาก ๆ กลัวว่ามันจะเป็นสนิม เลยเอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้ทั่วคันเลย 555+ ก่อนที่จะพ่นซิลิโคน และเช็ดให้แห้งอีกรอบ ความเงางามกับมาเหมือนเดิม สะอาดเอี่ยมอ่อง เหมือนล้างรถไปในตัว ผมนั่งมองเจ้าดำไป จิบกาแฟอุ่น ๆ ไป แม้จะอยู่ด้วยกันมาแค่ไม่กี่เดือน แต่มันก็ทำให้ผมได้เจอประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอ .. เจอผู้คนในอีกมุมมอง .. เจอธรรมชาติที่แอบแฝงในความวุ่นวายของผู้คน .. เจอร้านอาหารอร่อย ๆ .. เจอฝน เจอฝุ่น ในแบบที่รู้สึกดี ซึ่งชีวิตไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับเจ้าพวกนี้เลย
สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เข้ามาในชีวิตผมตลอดไปไหม? ผมไม่รู้หรอก .. ผมรู้แต่ว่า ตอนที่ผมกับเจ้าดำ ได้อยู่ด้วยกัน เป็นช่วงเวลาสุญญากาศเล็ก ๆ ที่มีความสุข เป็นเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมายกับช่วงชีวิต ได้ปลดปล่อยความคิดหลาย ๆ อย่างลงสองข้างทางที่มันพาผมไป .. ถ้ามันมีชีวิตผมก็อยากจะบอกเจ้าดำมันเหมือนกัน .. ผมอยากจะบอกว่า
"ขอบคุณครับ" ..
ป.ล. และในคืนนั้น ก็อัดพาราฯ ไปสองเม็ด และนอนยาว ๆ แบบสบาย ๆ 55555555555+
ป.ล. เพ้อเจ้อนิดนึงนะครับ แค่อยากจะถ่ายทอดแบบเพ้อ ๆ ดูบ้าง เห็นอากาศครึ้ม ๆ น่าจะพอนึกภาพออก และเข้าใจฟิลลิ่งผมแน่นอนครับ 555+
ป.ล. คำเตือน : ไม่แนะนำให้ออกไปปั่นยามฝนตกแบบผมนะครับ อันตราย + เสียสุขภาพ ผมก็กะว่า นี่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะออกปั่นยามฝนตกละครับ 555+ แค่อยากลอง ๆ