ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับคุณสุขุมพันธ์ด้วยนะครับ กับการที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าสมัยที่ 2
หลังจบการเลือกตั้ง ผมขอแสดงความคิดเหนในแบบของผมนิดนึงนะครับ ปรกติจะเป็นสายอ่านข้อมูล นานๆจะออกมาโพสความคิดของตัวเองสักที ซึ่งมันจะมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆครับ 1 คือเรื่องโพล 2 คือเรื่องการเลือกตั้งของคน กทม.
ขอแสดงความคิดเห็นข้อแรกก่อนนะครับเรื่อง "โพล" ซึ่งมีคนหลายๆคนพยายามบอกว่าโพลบิดเบือน โพลผิดพลาด โพลไม่จริง อะไรก็ตามแต่ครับ ซึ่งหลักของการทำโพลก็คือแบบสอบถาม หรืออาจะเดินถามตามสถานที่ต่างๆ แต่ในแบบสอบถามการเก็บข้อมูลนั้น จะเก็บข้อมูลได้เฉพาะคนที่ตอบเท่านั้น คนที่ไม่ตอบก็เท่ากับว่าไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ เช่น
1.คะแนนของผู้สมัครต่างๆ มีจำนวนเท่าไหร่ของโพล
2.ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
ซึ่งโพลที่ออกมาจะมีแค่นี้เท่านั้น ว่ามีเลือกผู้สมัครคนที่ 1 กี่% เลือกคนที่ 2กี่% คนอื่นๆ กี่% และมีผู้ยังไม่ตัดสินใจกี่% ซึ่งทั้งหมดผู้ถูกสอบถามน่าจะมีการตอบคำถาม ว่าเลือกใคร หรือยังไม่ตัดสินใจ
แต่ที่โพลยังไม่มีบอกก็คือ มีผู้ที่ไม่ประสงค์จะตอบกี่คน ซึ่งคนกลุ่มนี้น่าจะมีเยอะ แต่โพลไม่ได้ระบุเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นคะแนนที่คลาดเคลื่อน ก็น่าจะมาจากข้อ 2 และ คนที่ปฏิเสธที่จะตอบรวมกันครับ ซึ่งสาเหตุของการที่ปฏิเสธก็มีหลายเหตุผลเช่นกัน อย่างกรณีนี้เป็นผม ถ้าผมปักธงเลือกเบอร์ 16 ไว้แล้วผมก็คงปฏิเสธที่จะตอบ เพราะ
1. ผมมองไม่เห็นผลงานของเบอร์ 16 ในการทำงานที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรม จึงไม่กล้าที่จะพูดว่าเลือกเบอร์ 16 เพราะผลงานดี
2.ผมคงไม่กล้าบอกว่าเลือกเบอร์ มาเพื่อเป็นไม้กันสุนัข หรือเพื่อถ่วงอำนาจรัฐบาล หรือเพราะเกลียดเพื่อไทย
3.ผมไม่ใช่คนที่จะแสดงออกในที่แจ้งหรือไม่ชอบแบบสอบถามอยู่แล้ว
ซึ่งถ้าเป็นผมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลข้อไหน ผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธที่จะตอบโพลครับ แล้วคนกลุ่มนี้น่าจะมีอยู่เยอะ จึงไม่แปลกที่จะโพลพลิกหรือผิดพลาดครับ
ต่อไปเรื่องการเลือกตั้งของคน กทม. ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ผมว่าคนเสื้อแดงหรือคนเชียร์เพื่อไทยยอมรับได้เพราะคนส่วนใหญ่ที่มีสิทธิ์ได้เลือกแล้ว และมันก็ไม่มีผลกับผมอยู่แล้วครับ เพราะผมเป็นคนจังหวัดสุโขทัย แต่การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ทำให้รู้ความคิดของคน กทม. ส่วนใหญ่มากขึ้น ว่าไม่ได้ใช้ผลงานในการเลือกตั้ง แต่เลือกตามเหตุผลความอคติของตนเองครับ เพราะถ้ามองตามเหตุผลแล้ว ไม่ว่ามองมุมไหนถ้าตัดเรื่องคุณทักษิณออกไปผมก็ไม่กล้าเลือกคุณสุขุมพันธ์มาเป็นผู้ว่าในสมัยที่ 2 เด็ดขาด เพราะว่ามองหาผลงานที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ แถมผลงานที่ล้มเหลวก็เด่นชัดในระดับโลก หรือถ้าคน กทม.ส่วนใหญ่ที่ผมกล่าวถึงใครมีข้อมูลผลงานความสำเร็จที่คู่ควรกับสมัยที่ 2 ของคุณสุขุมพันธ์ ก็ช่วยนำมาให้ดูทีครับ เพราะในการหาเสียงคุณสุขุมพันธ์ไม่เคยได้ใช้ผลงานของตัวเองในการหาเสียงเลย จึงไม่อาจทราบได้ว่า ผลงานที่ทำให้คู่ควรแก่การเลือกคุณสุขุมพันธ์นั้น คืออะไร ถ้าไม่มีก็แสดงว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ ชัดเจนในการเลือกตั้งว่า เพียงแค่ไม่ต้องการให้คนของพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำหน้าที่เท่านั้น ต่อให้ฝั่ง ปชป นำใครมาลงสมัคร ก็เลือกอยู่ดี แม้จะเป็นคนที่เคยทำจุดนี้มาแล้ว และล้มเหลวก็ตาม เหตุผลก็คือ อคติ ด้วยเรื่องต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร แต่เป็นที่ พรรค ครับ ด้วยเหตุผลข้อนี้จึงทำให้คนต่างจังหวัดเช่นผมไม่คิดว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ ฉลาดกว่าแต่อย่างไร เพราะเป็นการเฉือนเนื้อตัวเอง เพื่อไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้ดีครับ
ส่วนตัวของผมเอง ผมไม่มีอคติอยู่แล้ว ถ้าคนเก่าทำไม่ดี ผมก็แค่เลือกคนใหม่ให้เข้ามาลองบริหารก็เท่านั้นเอง เราควรให้โอกาสคนหลายๆคนได้พิสูจน์ผลงานครับ แต่ถ้าอยู่แล้วทำได้ดีก็สมควรได้รับเลือกในสมัยต่อไปแน่นอนครับ แต่กรณีนี้ มีใครกล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำบ้างครับ ว่าคุณเลือกคุณสุขุมพันธ์เข้ามาทำหน้าที่เป็นสมัยที่ 2 เพราะเห็นว่าทำงานได้ดี มีผลงานชัดเจน จึงสมควรได้รับเลือกให้ทำงานต่อ ไม่ใช่เพราะเกลียดพรรคเพื่อไทยครับ
แต่ทั้งหมดนี้ ผมก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคน กทม. บางกลุ่มด้วยครับ เพราะจะเห็นได้ว่าคะแนนของพรรคเพื่อไทยใน กทม. จากการเลือกผู้ว่าในครั้งที่แล้วเพิ่มมากขึ้นเยอะพอสมควร จึงต้องเป็นการบ้านให้ฝ่าย ปชป เก็บเอาไปคิดครับ ว่าทำไมคะแนนของพรรคเพือไทย จึงได้สูงขึ้นจากเดิม เกือบเท่าตัว ในขณะที่ฝั่ง ปชป คะแนนรวมคนเกลียดพรรคเพื่อไทย + กับคะแนนของกองเชียร์ ปชป เอง รวมกันยังได้ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ครับ ทำให้ผมคิดว่าประชาชนกำลังเริ่มตื่นตัวในบางเรื่องหรือเริ่มมีความคิดเห็นที่ต่างไปจากเดิมเพิ่มมากขึ้น และเป็นเรื่องที่พรรค ปชป ต้องนำกลับไปแก้ไขอย่างเร่งด่วนครับ
สรุปแล้ว 4 ปีต่อไปจากนี้ เมืองหลวงของประเทศไทยอย่าง กทม. ก็ต้องอยู่ภายใต้การทำงานของคุณสุขุมพันธ์ หวังว่าคะแนนคราวนี้จะทำให้คุณสุขุมพันธ์ตื่นตัวมากขึ้น ไม่นิ่งเฉยเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา แล้วพยายามสร้างผลงาน เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเลือกมาไม่ผิดคนนะครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมครับ ไม่ได้คิดใส่ร้ายใครหรือต่อว่าใคร ผิดพลาดข้อไหนประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
มุมมอง การเลือกตั้ง กทม. และโพล ในแบบของ BlackHunter ครับ
หลังจบการเลือกตั้ง ผมขอแสดงความคิดเหนในแบบของผมนิดนึงนะครับ ปรกติจะเป็นสายอ่านข้อมูล นานๆจะออกมาโพสความคิดของตัวเองสักที ซึ่งมันจะมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆครับ 1 คือเรื่องโพล 2 คือเรื่องการเลือกตั้งของคน กทม.
ขอแสดงความคิดเห็นข้อแรกก่อนนะครับเรื่อง "โพล" ซึ่งมีคนหลายๆคนพยายามบอกว่าโพลบิดเบือน โพลผิดพลาด โพลไม่จริง อะไรก็ตามแต่ครับ ซึ่งหลักของการทำโพลก็คือแบบสอบถาม หรืออาจะเดินถามตามสถานที่ต่างๆ แต่ในแบบสอบถามการเก็บข้อมูลนั้น จะเก็บข้อมูลได้เฉพาะคนที่ตอบเท่านั้น คนที่ไม่ตอบก็เท่ากับว่าไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ เช่น
1.คะแนนของผู้สมัครต่างๆ มีจำนวนเท่าไหร่ของโพล
2.ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
ซึ่งโพลที่ออกมาจะมีแค่นี้เท่านั้น ว่ามีเลือกผู้สมัครคนที่ 1 กี่% เลือกคนที่ 2กี่% คนอื่นๆ กี่% และมีผู้ยังไม่ตัดสินใจกี่% ซึ่งทั้งหมดผู้ถูกสอบถามน่าจะมีการตอบคำถาม ว่าเลือกใคร หรือยังไม่ตัดสินใจ
แต่ที่โพลยังไม่มีบอกก็คือ มีผู้ที่ไม่ประสงค์จะตอบกี่คน ซึ่งคนกลุ่มนี้น่าจะมีเยอะ แต่โพลไม่ได้ระบุเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นคะแนนที่คลาดเคลื่อน ก็น่าจะมาจากข้อ 2 และ คนที่ปฏิเสธที่จะตอบรวมกันครับ ซึ่งสาเหตุของการที่ปฏิเสธก็มีหลายเหตุผลเช่นกัน อย่างกรณีนี้เป็นผม ถ้าผมปักธงเลือกเบอร์ 16 ไว้แล้วผมก็คงปฏิเสธที่จะตอบ เพราะ
1. ผมมองไม่เห็นผลงานของเบอร์ 16 ในการทำงานที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรม จึงไม่กล้าที่จะพูดว่าเลือกเบอร์ 16 เพราะผลงานดี
2.ผมคงไม่กล้าบอกว่าเลือกเบอร์ มาเพื่อเป็นไม้กันสุนัข หรือเพื่อถ่วงอำนาจรัฐบาล หรือเพราะเกลียดเพื่อไทย
3.ผมไม่ใช่คนที่จะแสดงออกในที่แจ้งหรือไม่ชอบแบบสอบถามอยู่แล้ว
ซึ่งถ้าเป็นผมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลข้อไหน ผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธที่จะตอบโพลครับ แล้วคนกลุ่มนี้น่าจะมีอยู่เยอะ จึงไม่แปลกที่จะโพลพลิกหรือผิดพลาดครับ
ต่อไปเรื่องการเลือกตั้งของคน กทม. ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ผมว่าคนเสื้อแดงหรือคนเชียร์เพื่อไทยยอมรับได้เพราะคนส่วนใหญ่ที่มีสิทธิ์ได้เลือกแล้ว และมันก็ไม่มีผลกับผมอยู่แล้วครับ เพราะผมเป็นคนจังหวัดสุโขทัย แต่การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ทำให้รู้ความคิดของคน กทม. ส่วนใหญ่มากขึ้น ว่าไม่ได้ใช้ผลงานในการเลือกตั้ง แต่เลือกตามเหตุผลความอคติของตนเองครับ เพราะถ้ามองตามเหตุผลแล้ว ไม่ว่ามองมุมไหนถ้าตัดเรื่องคุณทักษิณออกไปผมก็ไม่กล้าเลือกคุณสุขุมพันธ์มาเป็นผู้ว่าในสมัยที่ 2 เด็ดขาด เพราะว่ามองหาผลงานที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ แถมผลงานที่ล้มเหลวก็เด่นชัดในระดับโลก หรือถ้าคน กทม.ส่วนใหญ่ที่ผมกล่าวถึงใครมีข้อมูลผลงานความสำเร็จที่คู่ควรกับสมัยที่ 2 ของคุณสุขุมพันธ์ ก็ช่วยนำมาให้ดูทีครับ เพราะในการหาเสียงคุณสุขุมพันธ์ไม่เคยได้ใช้ผลงานของตัวเองในการหาเสียงเลย จึงไม่อาจทราบได้ว่า ผลงานที่ทำให้คู่ควรแก่การเลือกคุณสุขุมพันธ์นั้น คืออะไร ถ้าไม่มีก็แสดงว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ ชัดเจนในการเลือกตั้งว่า เพียงแค่ไม่ต้องการให้คนของพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำหน้าที่เท่านั้น ต่อให้ฝั่ง ปชป นำใครมาลงสมัคร ก็เลือกอยู่ดี แม้จะเป็นคนที่เคยทำจุดนี้มาแล้ว และล้มเหลวก็ตาม เหตุผลก็คือ อคติ ด้วยเรื่องต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร แต่เป็นที่ พรรค ครับ ด้วยเหตุผลข้อนี้จึงทำให้คนต่างจังหวัดเช่นผมไม่คิดว่าคน กทม.ส่วนใหญ่ ฉลาดกว่าแต่อย่างไร เพราะเป็นการเฉือนเนื้อตัวเอง เพื่อไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามได้ดีครับ
ส่วนตัวของผมเอง ผมไม่มีอคติอยู่แล้ว ถ้าคนเก่าทำไม่ดี ผมก็แค่เลือกคนใหม่ให้เข้ามาลองบริหารก็เท่านั้นเอง เราควรให้โอกาสคนหลายๆคนได้พิสูจน์ผลงานครับ แต่ถ้าอยู่แล้วทำได้ดีก็สมควรได้รับเลือกในสมัยต่อไปแน่นอนครับ แต่กรณีนี้ มีใครกล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำบ้างครับ ว่าคุณเลือกคุณสุขุมพันธ์เข้ามาทำหน้าที่เป็นสมัยที่ 2 เพราะเห็นว่าทำงานได้ดี มีผลงานชัดเจน จึงสมควรได้รับเลือกให้ทำงานต่อ ไม่ใช่เพราะเกลียดพรรคเพื่อไทยครับ
แต่ทั้งหมดนี้ ผมก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคน กทม. บางกลุ่มด้วยครับ เพราะจะเห็นได้ว่าคะแนนของพรรคเพื่อไทยใน กทม. จากการเลือกผู้ว่าในครั้งที่แล้วเพิ่มมากขึ้นเยอะพอสมควร จึงต้องเป็นการบ้านให้ฝ่าย ปชป เก็บเอาไปคิดครับ ว่าทำไมคะแนนของพรรคเพือไทย จึงได้สูงขึ้นจากเดิม เกือบเท่าตัว ในขณะที่ฝั่ง ปชป คะแนนรวมคนเกลียดพรรคเพื่อไทย + กับคะแนนของกองเชียร์ ปชป เอง รวมกันยังได้ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ครับ ทำให้ผมคิดว่าประชาชนกำลังเริ่มตื่นตัวในบางเรื่องหรือเริ่มมีความคิดเห็นที่ต่างไปจากเดิมเพิ่มมากขึ้น และเป็นเรื่องที่พรรค ปชป ต้องนำกลับไปแก้ไขอย่างเร่งด่วนครับ
สรุปแล้ว 4 ปีต่อไปจากนี้ เมืองหลวงของประเทศไทยอย่าง กทม. ก็ต้องอยู่ภายใต้การทำงานของคุณสุขุมพันธ์ หวังว่าคะแนนคราวนี้จะทำให้คุณสุขุมพันธ์ตื่นตัวมากขึ้น ไม่นิ่งเฉยเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา แล้วพยายามสร้างผลงาน เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าเลือกมาไม่ผิดคนนะครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมครับ ไม่ได้คิดใส่ร้ายใครหรือต่อว่าใคร ผิดพลาดข้อไหนประการใดก็ขออภัยด้วยครับ