http://www.dailynews.co.th/crime/187754
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 1 มี.ค. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีสังหารลูกเรือจีน 13 ศพ ในลำน้ำโขง กล่าวถึงกรณีศาลประชาชนเมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พิพากษาประหารชีวิต นายหน่อคำ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ร่วมกับพวกรวม 3 คน ปล้นและฆ่าลูกเรือจีน 13 คนว่า การดำเนินคดีในประเทศไทยได้แบ่งออกเป็น 3 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีที่พบยาบ้า 9.2 หมื่นเม็ดบนเรือจีน ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ายาบ้าทั้งหมด นายหน่อคำ เป็นคนนำขึ้นมาบนเรือเอง กัปตันเรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ศาลจึงมีความเห็นไม่สั่งฟ้องกัปตันเรือ ซึ่งได้ส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า คดีที่ 2 เป็นคดีที่มีทหารไทย จำนวน 9 นาย เข้าไปร่วมกันฆ่าและย้ายทำลายศพ ลูกเรือจีนทั้ง 13 คน โดยการโยนลงน้ำ ซึ่งศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ และอาวุธปืนของนายหน่อคำ จึงได้แจ้งข้อหาทหารทั้ง 9 นายไปแล้ว โดยในจำนวนนี้มีนายทหารชั้นสัญญาบัตร 2 นาย ส่วนนายจำรัส สมพงศ์พรรณ หรือ ลุงหนวด สัญชาติไทย อายุ 57 ปี ผู้ประสานงานระหว่างทหารไทยกับนายหน่อคำ และเป็นผู้วางแผนก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว และจากเบาะแสได้รับแจ้งว่า นายจำรัสยังกบดานอยู่ตามแนวชายแดนเมียนม่าร์และสปป.ลาว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัตินายจำรัส ยังพบว่าเคยถูกจับกุมข้อหาร่วมกันมีเฮโรอีนไว้จำหน่าย เมื่อปี 2526 และจ้างวานฆ่า นายสันติ ชัยวิรัตนะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2538 แต่สู้คดีจนพ้นผิดได้ สำหรับคดีที่ 3 เป็นคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะนี้รอส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดเชียงราย ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจทำคดีอย่างรวดเร็วและรัดกุม เนื่องจากเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
**************************************************************************
1. นายหน่อคำก็ถูกประหารตายตกตามกันไปแล้ว ทหารไทยที่ร่วมก่อเหตุจะมีชะตากรรมเดียวกับนายหน่อคำหรือไม่ แล้วทางการจีนได้ประสานมาทางไทยเพื่อขอตัวผู้ต้องหาไปลงโทษเหมือนเช่นนายหน่อคำหรือไม่ ...
2. นายหน่อคำถูกจับที่ลาว ลาวเป็นคอมฯสายเวียดนามซึ่งไม่ถูกกับจีน แต่จีนสามารถคุยกับลาวได้แสดงว่าอิทธิพลของเวียดนามในลาวน้อยลงไปมากแล้วรึเปล่าครับ
3. "ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ และอาวุธปืนของนายหน่อคำ" เค้าแยกได้ยังไงว่าเม็ดไหนเป็นของเจ้าหน้าที่ เม็ดไหนเป็นกระสุนจากปืนของนายหน่อคำ หรือว่าอาวุธปืนที่นำไปตรวจเกลียวกระสุนตรงกับลูกปืนของศพไหนก็ใ้ห้ลงความเห็นว่าเป็นกระสุนจากกระบอกนั้น แต่ลูกที่ไม่ตรงกับอาวุธของเจ้าหน้าที่ก็ให้โยนไปให้นายหน่อคำรับผิดไป ... พูดง่ายๆว่าศาลพิสูจน์อย่างไรว่ากระสุนที่เหลือที่ไม่ตรงกับของเจ้าหน้าที่เป็นของนายหน่อคำจริงๆ ถ้านายหน่อคำนำอาวุธปืนของตนเองมาให้พิสูจน์เกลียวกระสุนแล้วพบว่าไม่ตรงกับที่พบในศพ นายหน่อคำก็พ้นผิดล่ะสิครับ ...
หน่อคำก็ถูกประหารแล้ว ... แล้วทหารไทยอีก 9นายที่ร่วมก่อเหตุจะเป็นอย่างไร ...
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 1 มี.ค. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีสังหารลูกเรือจีน 13 ศพ ในลำน้ำโขง กล่าวถึงกรณีศาลประชาชนเมืองคุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พิพากษาประหารชีวิต นายหน่อคำ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ร่วมกับพวกรวม 3 คน ปล้นและฆ่าลูกเรือจีน 13 คนว่า การดำเนินคดีในประเทศไทยได้แบ่งออกเป็น 3 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีที่พบยาบ้า 9.2 หมื่นเม็ดบนเรือจีน ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ายาบ้าทั้งหมด นายหน่อคำ เป็นคนนำขึ้นมาบนเรือเอง กัปตันเรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ศาลจึงมีความเห็นไม่สั่งฟ้องกัปตันเรือ ซึ่งได้ส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า คดีที่ 2 เป็นคดีที่มีทหารไทย จำนวน 9 นาย เข้าไปร่วมกันฆ่าและย้ายทำลายศพ ลูกเรือจีนทั้ง 13 คน โดยการโยนลงน้ำ ซึ่งศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ และอาวุธปืนของนายหน่อคำ จึงได้แจ้งข้อหาทหารทั้ง 9 นายไปแล้ว โดยในจำนวนนี้มีนายทหารชั้นสัญญาบัตร 2 นาย ส่วนนายจำรัส สมพงศ์พรรณ หรือ ลุงหนวด สัญชาติไทย อายุ 57 ปี ผู้ประสานงานระหว่างทหารไทยกับนายหน่อคำ และเป็นผู้วางแผนก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว และจากเบาะแสได้รับแจ้งว่า นายจำรัสยังกบดานอยู่ตามแนวชายแดนเมียนม่าร์และสปป.ลาว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัตินายจำรัส ยังพบว่าเคยถูกจับกุมข้อหาร่วมกันมีเฮโรอีนไว้จำหน่าย เมื่อปี 2526 และจ้างวานฆ่า นายสันติ ชัยวิรัตนะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2538 แต่สู้คดีจนพ้นผิดได้ สำหรับคดีที่ 3 เป็นคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะนี้รอส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดเชียงราย ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจทำคดีอย่างรวดเร็วและรัดกุม เนื่องจากเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
**************************************************************************
1. นายหน่อคำก็ถูกประหารตายตกตามกันไปแล้ว ทหารไทยที่ร่วมก่อเหตุจะมีชะตากรรมเดียวกับนายหน่อคำหรือไม่ แล้วทางการจีนได้ประสานมาทางไทยเพื่อขอตัวผู้ต้องหาไปลงโทษเหมือนเช่นนายหน่อคำหรือไม่ ...
2. นายหน่อคำถูกจับที่ลาว ลาวเป็นคอมฯสายเวียดนามซึ่งไม่ถูกกับจีน แต่จีนสามารถคุยกับลาวได้แสดงว่าอิทธิพลของเวียดนามในลาวน้อยลงไปมากแล้วรึเปล่าครับ
3. "ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ และอาวุธปืนของนายหน่อคำ" เค้าแยกได้ยังไงว่าเม็ดไหนเป็นของเจ้าหน้าที่ เม็ดไหนเป็นกระสุนจากปืนของนายหน่อคำ หรือว่าอาวุธปืนที่นำไปตรวจเกลียวกระสุนตรงกับลูกปืนของศพไหนก็ใ้ห้ลงความเห็นว่าเป็นกระสุนจากกระบอกนั้น แต่ลูกที่ไม่ตรงกับอาวุธของเจ้าหน้าที่ก็ให้โยนไปให้นายหน่อคำรับผิดไป ... พูดง่ายๆว่าศาลพิสูจน์อย่างไรว่ากระสุนที่เหลือที่ไม่ตรงกับของเจ้าหน้าที่เป็นของนายหน่อคำจริงๆ ถ้านายหน่อคำนำอาวุธปืนของตนเองมาให้พิสูจน์เกลียวกระสุนแล้วพบว่าไม่ตรงกับที่พบในศพ นายหน่อคำก็พ้นผิดล่ะสิครับ ...