นักโทษหน้าเหลี่ยมกับการกลับมากินรวบประเทศไทยครั้งใหม่
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่เริ่มเข้าใกล้ขึ้นมาครั้งนี้มีความสำคัญกับชาวกทม.มากมายนักแต่ก็ยังคงน้อยกว่านักโทษหน้าเหลี่ยมซึ่งมันหมายมั่นปั้นมือว่าจะกินรอบประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จแต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกคนของตนเข้ามากินรอบกทม.แบบไร้รอยต่อ คำตอบคือความแตกแยกทางความคิดนี่แหละ ความแตกแยกที่ครั้งนึงทำให้คนเผาบ้านเผาเมืองได้เข้ามากุมอำนาจบริหารประเทศโดยที่ตนเองไม่มีความผิด
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เป็นงานที่หนักหนาสาหัสของนักโทษหน้าเหลี่ยมแม้จะใช้หลากหลายวิธี คนกทม.ซึ่งส่วนใหญ่มีการศึกษา มีความรู้ และมีข้อมูลที่ไม่บิดเบือน ไม่เคยเลือกคนของพรรคหน้าเหลี่ยมเข้ามาหากินเป็นผู้ว่ากทม.เลยแม้แต่ซักครั้งตั้งแต่นช.กับพรรคพวกโกงกินประเทศไทยมา แต่การเลือกตั้งผู้ว่ากทมครั้งใหม่นี้คนของนักโทษหน้าเหลี่ยมอาจได้เข้ามาบริหารกทมได้โดยไม่ยากเย็นนัก
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่มีคนของนักโทษหน้าเหลี่ยมและพรรคพวกลงสมัครแม้จะมีการแจกเงินการโกงคะแนนการขนคนมาเลือกคะแนนนิยมก็จะอยู่ประมาณห้าแสนสองถึงหกแสนเสียงขาดเกินนิดหน่อยแพ้ผู้ว่ากทม.ทุกสมัยประมาณสามแสนคะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งที่สร้างความอับอายที่สุดให้กับนักโทษหน้าเหลี่ยมคือการเลือกตั้งผู้ว่าปี 2543 ที่คิดใหม่ทำใหม่หมายมั่นว่าการเอาสุดารัตน์มาลงเลือกตั้งแล้วจะได้เป็นผู้ว่าหญิงคนแรกจะสร้างกระแสให้พรรคได้ แต่คนกทมรู้ทันความคิดนี้ทำให้นายสมัครซึงขณะนั้นยังไม่ได้เข้าร่วมกับหน้าเหลี่ยมได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯโดยมีคะแนนทิ้งห่างเกือบห้าแสนคะแนน ซึ่งเป็นแผลในใจที่นักโทษหน้าเหลี่ยมไม่มีวันลืม
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56นี้ ถ้ามีการแข่งขันกันระหว่างคนของพรรคหน้าเหลี่ยมกับผู้ว่าคนเก่า แม้ว่าจะแจกโกงแถมผลคะแนนออกมาคงจะแพ้ผู้ว่าคนเก่าประมาณสามแสนคะแนนอยู่ดี ทำให้ครั้งนี้นักโทษหน้าเหลี่ยมวางแผนมาอย่างดีโดยใช้ความแตกแยกทางความคิดนี้แหละมาทำให้คะแนนที่ไม่เคยเปลี่ยนมาทำให้คนของตนเข้ามาเป็นผู้ว่าโดยการให้ผู้สมัครอิสระเข้ามาแบ่งคะแนนของผู้ว่าคนเก่าลงให้ต่ำกว่าคนของตน
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56นี้ ถ้ามีการแข่งขันกันระหว่างสองพรรคการเมือง คนกทม.คงไปเทคะแนนให้กับผู้ว่าคนก่อนเหมือนปี43 เพราะไม่อยากให้กทม.เป็นสีแดง แต่ปีนี้คนกทม.ได้เห็นตัวเลือกที่เป็นผู้สมัครอิสระหลายคน ซึ่งล้วนมีบทบาทกับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าทั้งสิ้น แต่คนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนจะรู้จักผู้สมัครอิสระมากน้อยแค่ไหนว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กับนักโทษหน้าเหลี่ยม แต่ความลับไม่มีในโลก เวลาผ่านไปก็ยิ่งมองเห็นว่าหน้าเหลี่ยมจ้างมันมาเพื่อแบ่งคะแนนผู้ว่าเก่าให้ลดลงทั้งนั้น เช่นผู้ประสานสิบทิศ เมื่อเริ่มแรกก็มีท่าทีจะทำงานเพื่อชาวกทม.อย่างจริงจัง แต่สือมวลชนได้ไปขุดคุยจนได้ข้อมูลว่าผ่านภรรยาของผู้สมัครรายนี้มีความสัมพันธ์กับนักโทษหน้าเหลี่ยมระดับหนึ่ง แม้ผู้ประสานสิบทิศจะออกมาปฎิเสธแต่คะแนนนิยมก็ลดลงระดับหนึ่ง ส่วนผู้สมัครผู้ว่าคนจริง เริ่มแรกก็มีข่าวว่าจะลงให้กับพรรคนักโทษหน้าเหลี่ยม แต่ในที่สุดก็ลงอิสระซึ่งน่าจะเป็นการสร้างภาพให้เห็นว่าพรรคนักโทษหน้าเหลี่ยมไม่สนใจผู้ว่คนจริงนี้ แต่เมือใกล้วันเลือกตั้งทั้งหนังสือสรุปผลงานเป็นเล่มหลายแผ่นที่เอามาแจกหลังจากผู้ว่าเก่านำแผ่นสรุปผลงานซึ่งรัฐบาลพยายามปิดบังไม่ให้ชาวกทม.รู้ว่าเป็นผลงานของผู้ว่าเพราะบางชิ้นแอบอ้างว่าเป็นผลงานรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งการหาเสียงทางโทรทัศน์มากมายหลายครั้งซึ่งไม่มีผู้สมัครท่านอื่นใช้เพราะล้วนต้องใช้ทุนสูง และยิ่งเป็นที่ผิดสังเกตมากเพราะผู้สมัครของพรรคหน้าเหลี่ยมไม่มีการทำอะไรเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเองเลยนอกจากเสนอหน้าไปที่ต่างๆพร้อมกับนายกฯเอาแต่บอกว่าจะกินแบบไร้รอยต่อ แต่ท่านก็อย่าลืมว่า สก.กับสข.ส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคเดียวกับผู้ว่าเก่า คงไม่ง่ายนักที่จะกินรวบประเทศไทยโดยไม่มีใครขัดขวาง มาเรื่องผู้ว่าคนจริงต่อ จากการกระทำที่ท่านทำมันแปลกตรงที่ว่าท่านเอาทุนมาจากไหนเพราะมันคงมากมายเกินกว่าชีวิตข้าราชการเกษียรที่ลงสมัครอิสระไม่สังกัดพรรคจะหามาได้
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56 คงเหลือผู้แข่งขันแท้จริงแค่สามคน ผู้ว่าเก่า ผู้ว่าโฆษกสร้างภาพ และผู้ว่าคนจริงเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่นักโทษหน้าเหลี่ยมวางแผนไว้ทั้งสิ้น ถ้าดูจากคะแนนครั้งก่อนแม้พรรคหน้าเหลี่ยมได้คะแนนเท่าเดิม ถ้าผู้ว่าหน้าเหลี่ยมได้มาเกินสี่แสนรวมถึงแนวร่วมผู้ประสานสิบทิศได้มาเกินสองแสนคะแนน รวมถึงผู้สมัครรายอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงจะมีผลทำให้คะแนนผู้ว่าเก่าเปลี่ยนแปลงลดลงเพืยงพอให้พื้นที่กทม.เป็นสีแดง เพราะคะแนนของโฆษกสร้างภาพคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเพราะการโกงแจกขนที่มีมาทุกครั้งจนทำให้พรรครู้ฐานคะแนนเงิน หรือถ้าผิดพลาดผู้ว่าคนจริงได้เป็นผู้ว่าชึ้นมาเงินที่ลงไปก็ไม่สูญเปล่าเพราะหน้าเหลี่ยมจะได้แนวร่วมขึ้นมาอีกหนึ่งแต่จะได้กำจัดโฆษกสร้างภาพให้ออกไปพ้นทางกรมตำรวจเพราะรองอตร.แดงเต็มตัวมีโฆษกสร้างภาพเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่จะยึดสตช.เด็ดขาด.
การเลือกตั้งผู้ว่ากมท.56 ผู้เขียนยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครเป็นพิเศษแต่ยอมรับไม้ได้ถ้ากทม.ที่ผู้เขียนอยู่จะเปลี่ยนเป็นแดงทั้งเมือง ถ้ามันจะเผาเมืองอีกเมื่อไหร่ตำรวจก็คงไม่จับเพราะเอาแต่รีบไถ่คนทำมาหากินจนเพลินเพราะมันจะกลับมาครองเมืองเหมือน2499อีกครั้ง จากข้อมูลณวันนี้ผู้เขียนคงเลือกผู้ว่าคนเก่าเพราะอย่างน้อยนักโทษหน้าเหลี่ยมทรพีก็ยังไม่สมหวังเพราะเมืองหลวงยังไม่ยอมรับมัน ทุกวันที่พ่อเราเริ่มอ่อนแรงลง นักโทษทรพีก็ยิ่งกำเริบมากขึ้น อนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรถ้าทรพีได้กินรวบประเทศไทย
อย่าเสียงแตกเลือกเบอร์16เถอะครับให้นักโทษหน้าเหลี่ยมมันฝันต่อไป
1ใน42เปอร์เซ็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
* จำเป็นต้องตอบ
1. นักโทษหน้าเหลี่ยมกับการกลับมากินรวบประเทศไทยครั้งใหม่ ยอมหรือไม่ *
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
นักโทษหน้าเหลี่ยมกับการกลับมากินรวบประเทศไทยครั้งใหม่ ความจริงบางประการที่คนกทม.ยังไม่รู้
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่เริ่มเข้าใกล้ขึ้นมาครั้งนี้มีความสำคัญกับชาวกทม.มากมายนักแต่ก็ยังคงน้อยกว่านักโทษหน้าเหลี่ยมซึ่งมันหมายมั่นปั้นมือว่าจะกินรอบประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จแต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกคนของตนเข้ามากินรอบกทม.แบบไร้รอยต่อ คำตอบคือความแตกแยกทางความคิดนี่แหละ ความแตกแยกที่ครั้งนึงทำให้คนเผาบ้านเผาเมืองได้เข้ามากุมอำนาจบริหารประเทศโดยที่ตนเองไม่มีความผิด
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เป็นงานที่หนักหนาสาหัสของนักโทษหน้าเหลี่ยมแม้จะใช้หลากหลายวิธี คนกทม.ซึ่งส่วนใหญ่มีการศึกษา มีความรู้ และมีข้อมูลที่ไม่บิดเบือน ไม่เคยเลือกคนของพรรคหน้าเหลี่ยมเข้ามาหากินเป็นผู้ว่ากทม.เลยแม้แต่ซักครั้งตั้งแต่นช.กับพรรคพวกโกงกินประเทศไทยมา แต่การเลือกตั้งผู้ว่ากทมครั้งใหม่นี้คนของนักโทษหน้าเหลี่ยมอาจได้เข้ามาบริหารกทมได้โดยไม่ยากเย็นนัก
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่มีคนของนักโทษหน้าเหลี่ยมและพรรคพวกลงสมัครแม้จะมีการแจกเงินการโกงคะแนนการขนคนมาเลือกคะแนนนิยมก็จะอยู่ประมาณห้าแสนสองถึงหกแสนเสียงขาดเกินนิดหน่อยแพ้ผู้ว่ากทม.ทุกสมัยประมาณสามแสนคะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งที่สร้างความอับอายที่สุดให้กับนักโทษหน้าเหลี่ยมคือการเลือกตั้งผู้ว่าปี 2543 ที่คิดใหม่ทำใหม่หมายมั่นว่าการเอาสุดารัตน์มาลงเลือกตั้งแล้วจะได้เป็นผู้ว่าหญิงคนแรกจะสร้างกระแสให้พรรคได้ แต่คนกทมรู้ทันความคิดนี้ทำให้นายสมัครซึงขณะนั้นยังไม่ได้เข้าร่วมกับหน้าเหลี่ยมได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯโดยมีคะแนนทิ้งห่างเกือบห้าแสนคะแนน ซึ่งเป็นแผลในใจที่นักโทษหน้าเหลี่ยมไม่มีวันลืม
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56นี้ ถ้ามีการแข่งขันกันระหว่างคนของพรรคหน้าเหลี่ยมกับผู้ว่าคนเก่า แม้ว่าจะแจกโกงแถมผลคะแนนออกมาคงจะแพ้ผู้ว่าคนเก่าประมาณสามแสนคะแนนอยู่ดี ทำให้ครั้งนี้นักโทษหน้าเหลี่ยมวางแผนมาอย่างดีโดยใช้ความแตกแยกทางความคิดนี้แหละมาทำให้คะแนนที่ไม่เคยเปลี่ยนมาทำให้คนของตนเข้ามาเป็นผู้ว่าโดยการให้ผู้สมัครอิสระเข้ามาแบ่งคะแนนของผู้ว่าคนเก่าลงให้ต่ำกว่าคนของตน
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56นี้ ถ้ามีการแข่งขันกันระหว่างสองพรรคการเมือง คนกทม.คงไปเทคะแนนให้กับผู้ว่าคนก่อนเหมือนปี43 เพราะไม่อยากให้กทม.เป็นสีแดง แต่ปีนี้คนกทม.ได้เห็นตัวเลือกที่เป็นผู้สมัครอิสระหลายคน ซึ่งล้วนมีบทบาทกับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าทั้งสิ้น แต่คนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนจะรู้จักผู้สมัครอิสระมากน้อยแค่ไหนว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กับนักโทษหน้าเหลี่ยม แต่ความลับไม่มีในโลก เวลาผ่านไปก็ยิ่งมองเห็นว่าหน้าเหลี่ยมจ้างมันมาเพื่อแบ่งคะแนนผู้ว่าเก่าให้ลดลงทั้งนั้น เช่นผู้ประสานสิบทิศ เมื่อเริ่มแรกก็มีท่าทีจะทำงานเพื่อชาวกทม.อย่างจริงจัง แต่สือมวลชนได้ไปขุดคุยจนได้ข้อมูลว่าผ่านภรรยาของผู้สมัครรายนี้มีความสัมพันธ์กับนักโทษหน้าเหลี่ยมระดับหนึ่ง แม้ผู้ประสานสิบทิศจะออกมาปฎิเสธแต่คะแนนนิยมก็ลดลงระดับหนึ่ง ส่วนผู้สมัครผู้ว่าคนจริง เริ่มแรกก็มีข่าวว่าจะลงให้กับพรรคนักโทษหน้าเหลี่ยม แต่ในที่สุดก็ลงอิสระซึ่งน่าจะเป็นการสร้างภาพให้เห็นว่าพรรคนักโทษหน้าเหลี่ยมไม่สนใจผู้ว่คนจริงนี้ แต่เมือใกล้วันเลือกตั้งทั้งหนังสือสรุปผลงานเป็นเล่มหลายแผ่นที่เอามาแจกหลังจากผู้ว่าเก่านำแผ่นสรุปผลงานซึ่งรัฐบาลพยายามปิดบังไม่ให้ชาวกทม.รู้ว่าเป็นผลงานของผู้ว่าเพราะบางชิ้นแอบอ้างว่าเป็นผลงานรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งการหาเสียงทางโทรทัศน์มากมายหลายครั้งซึ่งไม่มีผู้สมัครท่านอื่นใช้เพราะล้วนต้องใช้ทุนสูง และยิ่งเป็นที่ผิดสังเกตมากเพราะผู้สมัครของพรรคหน้าเหลี่ยมไม่มีการทำอะไรเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเองเลยนอกจากเสนอหน้าไปที่ต่างๆพร้อมกับนายกฯเอาแต่บอกว่าจะกินแบบไร้รอยต่อ แต่ท่านก็อย่าลืมว่า สก.กับสข.ส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคเดียวกับผู้ว่าเก่า คงไม่ง่ายนักที่จะกินรวบประเทศไทยโดยไม่มีใครขัดขวาง มาเรื่องผู้ว่าคนจริงต่อ จากการกระทำที่ท่านทำมันแปลกตรงที่ว่าท่านเอาทุนมาจากไหนเพราะมันคงมากมายเกินกว่าชีวิตข้าราชการเกษียรที่ลงสมัครอิสระไม่สังกัดพรรคจะหามาได้
การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.56 คงเหลือผู้แข่งขันแท้จริงแค่สามคน ผู้ว่าเก่า ผู้ว่าโฆษกสร้างภาพ และผู้ว่าคนจริงเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่นักโทษหน้าเหลี่ยมวางแผนไว้ทั้งสิ้น ถ้าดูจากคะแนนครั้งก่อนแม้พรรคหน้าเหลี่ยมได้คะแนนเท่าเดิม ถ้าผู้ว่าหน้าเหลี่ยมได้มาเกินสี่แสนรวมถึงแนวร่วมผู้ประสานสิบทิศได้มาเกินสองแสนคะแนน รวมถึงผู้สมัครรายอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงจะมีผลทำให้คะแนนผู้ว่าเก่าเปลี่ยนแปลงลดลงเพืยงพอให้พื้นที่กทม.เป็นสีแดง เพราะคะแนนของโฆษกสร้างภาพคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเพราะการโกงแจกขนที่มีมาทุกครั้งจนทำให้พรรครู้ฐานคะแนนเงิน หรือถ้าผิดพลาดผู้ว่าคนจริงได้เป็นผู้ว่าชึ้นมาเงินที่ลงไปก็ไม่สูญเปล่าเพราะหน้าเหลี่ยมจะได้แนวร่วมขึ้นมาอีกหนึ่งแต่จะได้กำจัดโฆษกสร้างภาพให้ออกไปพ้นทางกรมตำรวจเพราะรองอตร.แดงเต็มตัวมีโฆษกสร้างภาพเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่จะยึดสตช.เด็ดขาด.
การเลือกตั้งผู้ว่ากมท.56 ผู้เขียนยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครเป็นพิเศษแต่ยอมรับไม้ได้ถ้ากทม.ที่ผู้เขียนอยู่จะเปลี่ยนเป็นแดงทั้งเมือง ถ้ามันจะเผาเมืองอีกเมื่อไหร่ตำรวจก็คงไม่จับเพราะเอาแต่รีบไถ่คนทำมาหากินจนเพลินเพราะมันจะกลับมาครองเมืองเหมือน2499อีกครั้ง จากข้อมูลณวันนี้ผู้เขียนคงเลือกผู้ว่าคนเก่าเพราะอย่างน้อยนักโทษหน้าเหลี่ยมทรพีก็ยังไม่สมหวังเพราะเมืองหลวงยังไม่ยอมรับมัน ทุกวันที่พ่อเราเริ่มอ่อนแรงลง นักโทษทรพีก็ยิ่งกำเริบมากขึ้น อนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรถ้าทรพีได้กินรวบประเทศไทย
อย่าเสียงแตกเลือกเบอร์16เถอะครับให้นักโทษหน้าเหลี่ยมมันฝันต่อไป
1ใน42เปอร์เซ็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ