เรื่องมีอยู่ว่า ได้มรดกบ้านพร้อมที่ดิน 1 ไร่เศษอยู่ต่างจังหวัด ที่ดินติดถนน
ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ทั้งหลัง เสา 9 ต้น ต่อทีหลัง 9 ต้นรวม 18 ต้นก็ใหญ่นิดนึง
เสาไม้พยูงตัวบ้านจริง15 ต้นค่ะ
ต่ออีกด้านข้างมีแค่หลังคา เสาอีก 9 ต้นไม้พยูง เป็นพื้นที่โล่งๆแบบต่างจังหวัดไว้รับแขกประมาณนั้น
เราเรียกเรือนข้าง ตัวเรือนไม่มีฝามิดชิด เปิดเปลือย
ตัวบ้านอายุอานามกว่า 70 ปี คนสร้างบ้านนี้อายุปััจจุบันจะ 100 ปีแล้ว
ปัจจุบัน แถวๆนั้นกลายเป็นบ้านปูนหมดแล้ว บ้านไม้เหลือไม่มาก นับได้ไม่น่าถึง 20 หลัง
สาเหตุ คือ ขายค่ะ ลูกหลานขายยกหลัง แล้วสร้างบ้านใหม่
บ้านเราอยู่ติดถนน คนผ่านมาผ่านไปเห็นหมด แต่ที่เห็นคือ จะเห็นแค่เรือนข้างเสา 9 ต้นที่อยู่ด้านข้าง
เรากลับบ้านต่างจังหวัด 2 อทิตย์กลับครั้งนึง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็กลับบ้านตามปกติ นอนอยู่ลานด้านข้าง
ได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน ซึ่งปกติจะปิดประตูรั้วไว้แล้วล๊อคค่ะ แต่พอเรามารถเข้ารถออกเลยเปิดประตูรั้วไว้
เราก็นอนฟัง เพราะคิดว่าไม่ได้มาหาเราแน่
จับใจความว่ามาขอซื้อเสาไม้ (ตรงที่เรานอน) 9 ต้น ให้ 90000 เราก็ฟังรู้เรื่องแล้วเลยเดินมาบอกว่า ไม่ขาย
เค้าเดินเข้ามาเราตกใจมาก มากัน 6 คนลงจากรถกระบะ คิดในใจมันมาขอซื้อไม้หรือว่ามาหาเรื่องเนี่ย
ล่ำๆ ดำๆ ตัวใหญ่ หน้าโหดมาก ที่สำคัญจะเดินเข้าตัวบ้านด้วย ดีนะเราตะโกนบอก ไม่อนุญาติให้เข้าค่ะ
เข้าไปเจออีก 15 ต้นแน่ๆ
เสาไม้ในบ้านหน้า 10"x10" สูง บ้าน 2 ชั้นน่ะค่ะ ไม่ว่าจะฝา เสา พื้น วงกบ สมัยก่อนทำไม้กันเองค่ะคุณตาบอก
เบ็ดเสร็จมีเสาไม้พยูง 24 ต้น ยังไม่รวมไม้พื้น และบานประตูเฟี๊ยมหนาปึ้กอีกกว่า30แผ่นค่ะ (ไม้พยูง+สัก คละกันไป)
พวกนั้นทั้งหมดเดินเข้ามาดูตรงเสา 9 ต้นที่เรือนข้าง
พูดจาหว่านล้อมต่างๆนาๆ พูดจาดีแต่ท่าทีคุกคามมาก
เราเลยโทรหาแฟนแต่ เรียกพี่หมวด 555+ (สามีไม่ใช่ตำรวจ) ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกค่ะ บอกให้กลับมาบ้านด่วน (สามีไปบ้านอื่นใกล้ๆกัน)
คิดว่าพวกเค้าจะกลับ ไม่กลับค่ะ รอคุยกับสามีเรา นานพอสมควรค่ะ เรากับสามีไม่คุยแล้วยืนยันไม่ขาย จนสามีเราและเราเริ่มโมโหค่ะ
สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องขอร้อง ให้ไหว้ก็ยอม บอกไม่ขาย ขอเก็บไว้ให้ลูกให้หลานต่อๆไป อีกหน่อยจะไม่มีไม้พยูงให้ดูแล้ว
หลังจากวันนั้น ผ่านมา 4 วัน เรากลับมากรุงเทพ พวกเค้ามาอีก มาที่บ้านทุกวัน มากล่อมให้แม่เราขาย แต่แม่เราก็ไม่ขาย
มันมาแนวขับรถมาจอดหน้าบ้านนานๆ ยืนคุยโทรศัพท์บ้าง 5-6 คน มาตะโกนบอกให้ขายเถอะๆ แม่เราเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
ถามเราจะทำไงดี ไม่กล้าอยู่บ้านแล้ว (แม่เราอยู่บ้านเลี้ยงหลานกับพี่ชายที่พิการค่ะเลยออกกลัวๆ)
สรุปว่าวันนี้ต้องไปลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วแจ้งผู้ใหญ่บ้านไว้ เรื่องกรณีแบบนี้
ที่ไหนได้นึกว่าจะดี ปลอดภัย หนักเข้าไปอีก มาอีกหลายเจ้าเลย
วันนี้รับโทรศัพท์เรื่องขอซื้อไม้จะเป็นสิบสายแล้ว (แม่บอกให้คุยกับเจ้าของบ้าน แม่ไม่คุย)
หนักใจ กลุ้มใจค่ะ ไม่ขายเด็ดขาด
แต่จะทำยังไงให้อยู่เย็นเป็นสุข สงสารแม่ และกลัวคนอื่นๆที่มีสิทธิจะเข้ามาทำให้เรื่องวุ่นวาย
บ้านนี้ญาติๆอยากได้กันทั้งนั้น แต่เราคือคนที่ถูกเลือกให้เก็บรักษา และสัญญาว่าจะรักษายิ่งชีพ
หนักใจ กลุ้มใจ และเริ่มเครียด กับสมบัติ เสาบ้านไม้พยูง
ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ทั้งหลัง เสา 9 ต้น ต่อทีหลัง 9 ต้นรวม 18 ต้นก็ใหญ่นิดนึง
เสาไม้พยูงตัวบ้านจริง15 ต้นค่ะ
ต่ออีกด้านข้างมีแค่หลังคา เสาอีก 9 ต้นไม้พยูง เป็นพื้นที่โล่งๆแบบต่างจังหวัดไว้รับแขกประมาณนั้น
เราเรียกเรือนข้าง ตัวเรือนไม่มีฝามิดชิด เปิดเปลือย
ตัวบ้านอายุอานามกว่า 70 ปี คนสร้างบ้านนี้อายุปััจจุบันจะ 100 ปีแล้ว
ปัจจุบัน แถวๆนั้นกลายเป็นบ้านปูนหมดแล้ว บ้านไม้เหลือไม่มาก นับได้ไม่น่าถึง 20 หลัง
สาเหตุ คือ ขายค่ะ ลูกหลานขายยกหลัง แล้วสร้างบ้านใหม่
บ้านเราอยู่ติดถนน คนผ่านมาผ่านไปเห็นหมด แต่ที่เห็นคือ จะเห็นแค่เรือนข้างเสา 9 ต้นที่อยู่ด้านข้าง
เรากลับบ้านต่างจังหวัด 2 อทิตย์กลับครั้งนึง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็กลับบ้านตามปกติ นอนอยู่ลานด้านข้าง
ได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน ซึ่งปกติจะปิดประตูรั้วไว้แล้วล๊อคค่ะ แต่พอเรามารถเข้ารถออกเลยเปิดประตูรั้วไว้
เราก็นอนฟัง เพราะคิดว่าไม่ได้มาหาเราแน่
จับใจความว่ามาขอซื้อเสาไม้ (ตรงที่เรานอน) 9 ต้น ให้ 90000 เราก็ฟังรู้เรื่องแล้วเลยเดินมาบอกว่า ไม่ขาย
เค้าเดินเข้ามาเราตกใจมาก มากัน 6 คนลงจากรถกระบะ คิดในใจมันมาขอซื้อไม้หรือว่ามาหาเรื่องเนี่ย
ล่ำๆ ดำๆ ตัวใหญ่ หน้าโหดมาก ที่สำคัญจะเดินเข้าตัวบ้านด้วย ดีนะเราตะโกนบอก ไม่อนุญาติให้เข้าค่ะ
เข้าไปเจออีก 15 ต้นแน่ๆ
เสาไม้ในบ้านหน้า 10"x10" สูง บ้าน 2 ชั้นน่ะค่ะ ไม่ว่าจะฝา เสา พื้น วงกบ สมัยก่อนทำไม้กันเองค่ะคุณตาบอก
เบ็ดเสร็จมีเสาไม้พยูง 24 ต้น ยังไม่รวมไม้พื้น และบานประตูเฟี๊ยมหนาปึ้กอีกกว่า30แผ่นค่ะ (ไม้พยูง+สัก คละกันไป)
พวกนั้นทั้งหมดเดินเข้ามาดูตรงเสา 9 ต้นที่เรือนข้าง
พูดจาหว่านล้อมต่างๆนาๆ พูดจาดีแต่ท่าทีคุกคามมาก
เราเลยโทรหาแฟนแต่ เรียกพี่หมวด 555+ (สามีไม่ใช่ตำรวจ) ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกค่ะ บอกให้กลับมาบ้านด่วน (สามีไปบ้านอื่นใกล้ๆกัน)
คิดว่าพวกเค้าจะกลับ ไม่กลับค่ะ รอคุยกับสามีเรา นานพอสมควรค่ะ เรากับสามีไม่คุยแล้วยืนยันไม่ขาย จนสามีเราและเราเริ่มโมโหค่ะ
สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องขอร้อง ให้ไหว้ก็ยอม บอกไม่ขาย ขอเก็บไว้ให้ลูกให้หลานต่อๆไป อีกหน่อยจะไม่มีไม้พยูงให้ดูแล้ว
หลังจากวันนั้น ผ่านมา 4 วัน เรากลับมากรุงเทพ พวกเค้ามาอีก มาที่บ้านทุกวัน มากล่อมให้แม่เราขาย แต่แม่เราก็ไม่ขาย
มันมาแนวขับรถมาจอดหน้าบ้านนานๆ ยืนคุยโทรศัพท์บ้าง 5-6 คน มาตะโกนบอกให้ขายเถอะๆ แม่เราเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
ถามเราจะทำไงดี ไม่กล้าอยู่บ้านแล้ว (แม่เราอยู่บ้านเลี้ยงหลานกับพี่ชายที่พิการค่ะเลยออกกลัวๆ)
สรุปว่าวันนี้ต้องไปลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วแจ้งผู้ใหญ่บ้านไว้ เรื่องกรณีแบบนี้
ที่ไหนได้นึกว่าจะดี ปลอดภัย หนักเข้าไปอีก มาอีกหลายเจ้าเลย
วันนี้รับโทรศัพท์เรื่องขอซื้อไม้จะเป็นสิบสายแล้ว (แม่บอกให้คุยกับเจ้าของบ้าน แม่ไม่คุย)
หนักใจ กลุ้มใจค่ะ ไม่ขายเด็ดขาด
แต่จะทำยังไงให้อยู่เย็นเป็นสุข สงสารแม่ และกลัวคนอื่นๆที่มีสิทธิจะเข้ามาทำให้เรื่องวุ่นวาย
บ้านนี้ญาติๆอยากได้กันทั้งนั้น แต่เราคือคนที่ถูกเลือกให้เก็บรักษา และสัญญาว่าจะรักษายิ่งชีพ