สมัยพุทธกาล มีหญิงงามเมืองคนหนึ่งบังเอิญต้ังครรภ์ และคลอดลูกออกมาเป็นชาย
สมัยนั้นมีธรรมเนียมว่าถ้าหญิงงามเมืองคนใดคลอดลูกเป็นหญิง เจ้าสำนักจะอนุญาตให้เลี้ยงไว้ได้ เพื่อจะฝึกให้เป็นหญิงงามเมืองต่อไป แต่ถ้าเป็นชายต้องเอาไปทิ้งเสีย เด็กชายจึงถูกนำไปทิ้งที่กองขยะ พระเถระองค์หนึ่งบิณฑบาตผ่านมา พบเด็กถูกท้ิงอยู่ ท่านจึงนำมาเลี้ยงไว้
เมื่อเด็กโตขึ้นก็โดนล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ เป็นลูกหญิงงามเมือง เด็กจึงเติบโตมาด้วยความขมขื่น และเกลียดแม่อย่างสุดหัวใจ
วันหนึ่งพระเถระเห็นว่าเด็กโตพอจะรู้เหตุผลจึงเรียกเด็กมาสนทนาด้วย โดยถามว่า ถ้ามีคนเอาเงินเอาเงินมาให้จำนวนหนึ่ง เจ้าจะรู้สึกอย่างไร
เด็กตอบว่าดีใจและขอบคุณเขา
ท่านถาม ทำไมถึงขอบคุณ
เด็กตอบว่า ตามปกติเขาไม่คิดว่าใครจะต้องเอาเงินมาให้ตน เมื่อมีอยู่ดีๆเกิดได้ลาภเช่นนั้นย่อมดีใจ
ท่านถามต่อ ถ้าเงินนั้นต้องแลกกับชีวิตของเด็กล่ะ จะเอาไหม
เด็กบอกว่าไม่ยอม ท่านเพิ่มเงินข้ึนไปเรื่อยๆ เด็กก็ยืนกรานว่าไม่ยอม ไม่ว่าเงินจะท่วมท้นแค่ไหนก็ไม่ยอมแลกกับชีวิต และบอกว่าชีวิตของตนเป็นสิ่งไม่สามารถตีเป็นมูลค่าราคาใดๆได้
ท่านจึงต่อรองว่า ถ้างั้นไม่เอาถึงชีวิต ขอเพียงขา หรือแขนสักข้าง
เด็กก็ไม่ยอมแม้แต่ปลายนิ้ว หรือชิ้นส่วนใดๆของร่างกาย ก็ไม่ยอมแลกกับเงิน ไม่ว่าจะมากเท่าใด
ท่านจึงสอนว่า "ถ้าเช่นนั้นเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าร่างกายอันนี้ที่เจ้าไม่ยอมขายให้ใครๆทั้งสิ้น ไม่ยอมแลกเปลี่ยนไม่ว่าด้วยมูลค่าใดๆนั้น เจ้าได้มาแต่ผู้ใด ไม่ใช่เพราะแม่ดอกหรือที่ให้เจ้ามา เพราะถ้าแม่ไม่ทนทุกข์ยากอุ้มท้องมา หรือตอนที่คลอดนั้นแม่เกิดบีบจมูกให้เจ้าหายใจไม่ได้ เจ้าก็จะไม่ได้ร่างกายอันนี้รอดเติบใหญ่มาได้ เจ้าจะไม่มีโอกาสได้สิ่งที่มีค่ามหาศาลนี้มาเป็นของเจ้ามิใช่หรือ เพียงแค่แม่ได้ให้ลมหายใจแก่เจ้า ให้ร่างกายแก่เจ้า บุญคุณนี้ย่อมท่วมท้นล้นฟ้า ไม่มีสิ่งใดทดแทนให้หมดสิ้นได้"
อยากทราบว่าเป็นเรื่องแต่ง หรือว่ามีปรากฏในพระไตรปิฎกคะ
ลองหาแล้วแต่ยังไม่เจอเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรื่องนี้มีปรากฎในพระไตรปิฎกไหมคะ
สมัยนั้นมีธรรมเนียมว่าถ้าหญิงงามเมืองคนใดคลอดลูกเป็นหญิง เจ้าสำนักจะอนุญาตให้เลี้ยงไว้ได้ เพื่อจะฝึกให้เป็นหญิงงามเมืองต่อไป แต่ถ้าเป็นชายต้องเอาไปทิ้งเสีย เด็กชายจึงถูกนำไปทิ้งที่กองขยะ พระเถระองค์หนึ่งบิณฑบาตผ่านมา พบเด็กถูกท้ิงอยู่ ท่านจึงนำมาเลี้ยงไว้
เมื่อเด็กโตขึ้นก็โดนล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ เป็นลูกหญิงงามเมือง เด็กจึงเติบโตมาด้วยความขมขื่น และเกลียดแม่อย่างสุดหัวใจ
วันหนึ่งพระเถระเห็นว่าเด็กโตพอจะรู้เหตุผลจึงเรียกเด็กมาสนทนาด้วย โดยถามว่า ถ้ามีคนเอาเงินเอาเงินมาให้จำนวนหนึ่ง เจ้าจะรู้สึกอย่างไร
เด็กตอบว่าดีใจและขอบคุณเขา
ท่านถาม ทำไมถึงขอบคุณ
เด็กตอบว่า ตามปกติเขาไม่คิดว่าใครจะต้องเอาเงินมาให้ตน เมื่อมีอยู่ดีๆเกิดได้ลาภเช่นนั้นย่อมดีใจ
ท่านถามต่อ ถ้าเงินนั้นต้องแลกกับชีวิตของเด็กล่ะ จะเอาไหม
เด็กบอกว่าไม่ยอม ท่านเพิ่มเงินข้ึนไปเรื่อยๆ เด็กก็ยืนกรานว่าไม่ยอม ไม่ว่าเงินจะท่วมท้นแค่ไหนก็ไม่ยอมแลกกับชีวิต และบอกว่าชีวิตของตนเป็นสิ่งไม่สามารถตีเป็นมูลค่าราคาใดๆได้
ท่านจึงต่อรองว่า ถ้างั้นไม่เอาถึงชีวิต ขอเพียงขา หรือแขนสักข้าง
เด็กก็ไม่ยอมแม้แต่ปลายนิ้ว หรือชิ้นส่วนใดๆของร่างกาย ก็ไม่ยอมแลกกับเงิน ไม่ว่าจะมากเท่าใด
ท่านจึงสอนว่า "ถ้าเช่นนั้นเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าร่างกายอันนี้ที่เจ้าไม่ยอมขายให้ใครๆทั้งสิ้น ไม่ยอมแลกเปลี่ยนไม่ว่าด้วยมูลค่าใดๆนั้น เจ้าได้มาแต่ผู้ใด ไม่ใช่เพราะแม่ดอกหรือที่ให้เจ้ามา เพราะถ้าแม่ไม่ทนทุกข์ยากอุ้มท้องมา หรือตอนที่คลอดนั้นแม่เกิดบีบจมูกให้เจ้าหายใจไม่ได้ เจ้าก็จะไม่ได้ร่างกายอันนี้รอดเติบใหญ่มาได้ เจ้าจะไม่มีโอกาสได้สิ่งที่มีค่ามหาศาลนี้มาเป็นของเจ้ามิใช่หรือ เพียงแค่แม่ได้ให้ลมหายใจแก่เจ้า ให้ร่างกายแก่เจ้า บุญคุณนี้ย่อมท่วมท้นล้นฟ้า ไม่มีสิ่งใดทดแทนให้หมดสิ้นได้"
อยากทราบว่าเป็นเรื่องแต่ง หรือว่ามีปรากฏในพระไตรปิฎกคะ
ลองหาแล้วแต่ยังไม่เจอเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ