ไม่เลือก ‘พงศพัศ’ และไม่ขยิบตาเปิดทางให้ ...เส้นใต้บรรทัด ... จิตกร บุษบา ...แนวหน้าออนไลน์
คนที่อยู่กับความเป็นจริง ไม่มีอะไรแอบแฝงหรือสมองผุ ย่อมทราบ
ดีว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม
ที่จะถึงนี้เป็นการชิงดำกันระหว่าง “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” เบอร์ 9
(ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอก) กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เบอร์ 16
ทั้งคู่ ส่งเข้าแข่งขันโดยพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย
กับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่เอาจริงเอาจังต่อการหาเสียง หาคะแนน
สะท้อนความมุ่งมั่นจะเป็นผู้ว่าฯกทม.ให้ได้ ซึ่งก็เหมือนอีกหลายท่านเช่น สุหฤท
สยามวาลา, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, โฆษิต สุวินิจจิต หรือแม้แต่ ดร.โสภณ
พรโชคชัย ที่อุตส่าห์ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
หรือแม้บางท่านที่อุตส่าห์แต่งตัวเป็นเจ้าแม่กวนอิม
ตัดเรื่องสีสัน เรื่องชวนขัน หรือเรื่องบ้าห้าร้อยจำพวกออกไป
ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่า คู่ชิงดำจริงๆ คือ พงศพัศ เบอร์ 9
(ของ ดร.เฉลิม) กับ สุขุมพันธุ์ เบอร์ 16
ยกเว้นอิสรชนที่ไม่แคร์ว่า คนที่ตนเลือกต้องชนะ และใครจะชนะ
จะนำพากรุงเทพมหานครกับบ้านเมืองไปจบลงที่ตรงไหน
ก็ช่างหัวมัน ฉันจะรักษาความเป็นอิสรชนของฉันให้มั่นคง กับพวก“แนวร่วมมุมกลับ”
หรือ “อีแอบ” ที่แสร้งชูผู้สมัครอิสระบางรายมายักย้ายถ่ายเทคะแนน
โดยที่ระดับสมองของพวกเขาไม่มีวันไม่รู้หรอกว่า เป็นการกระทำที่ช่วย
พงศพัศ เบอร์ 9 (ของ ดร.เฉลิม)
บางคนบ้า ถึงขั้นบอกผู้สมัครจากพรรคการเมืองว่าให้ถอนตัว เพื่อให้ผู้สมัครอิสระชนะ
เอาเถอะครับ รักใคร ชอบใคร เชียร์ใคร ด้วยความรัก ความเกลียด
หรือได้รับผลประโยชน์ใดๆ ก็ทำกันให้เต็มที่ เช่นเดียวกับผู้สมัครทั้งหลาย
ที่ก็ต้องเสนอตัวกันให้เต็มที่แต่ผมนั้น มองเหมือนอีกหลายท่าน คือ ดูผลลัพธ์
อุดมคติของพวกเราแต่ละคนจะเป็นอย่างไรไม่ทราบแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ย่อมหนีไม่พ้น พงศพัศ หรือสุขุมพันธุ์ไม่มีเหตุใดๆ ที่จะทำให้ผู้สมัครสองคนนี้ถอนตัว
ตามข้อเสนอบ้าๆ บอๆผมจึงขอเชิญชวนทุกท่าน มาอยู่กับโลก ของความเป็นจริง
ที่ไม่ได้สวยงามอะไร แต่มันคือ ชีวิตจริงของ กทม. ของประเทศไทยในวันนี้
เชื่อว่าหลายคน คงมีความระแวงว่า “พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ” ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
เบอร์ 9 ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเหมือนกับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คือ
มีพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดโง่ๆ ของระบอบทักษิณ โดยผู้เชิดหุ่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่หลบหนีกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างขี้ขลาดอยู่ในต่างประเทศด้วยการอำนวย
ความสะดวก จัดทำพาสปอร์ต ซึ่งเป็นเครื่องมือ
สำคัญในการหลบหนีจาก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ระบอบทักษิณนั้น มุ่งมั่นจะครองอำนาจในบ้านเมืองของเราอย่างเบ็ดเสร็จ
โดยไม่คำนึงถึงกติกาที่บ้านเมืองวางไว้ ใช้เงินและสื่อสร้างภาพ
บิดเบือนปัญญาของประชาชน และสร้างความหวังขึ้นมาลวงตา โดยเล่นกับ
“ความอยากได้อยากมี” และ “ปมด้อย” ของคนในชาติ
ดังนั้น ระบอบทักษิณจึง “ทุ่มทุนสร้าง” ใช้เวลา 49 วัน ขายฝัน กระทืบปมด้อยของคน
แล้วกระตุ้นความอยากได้อยากมี
ของคน แล้วส่งตุ๊กตาบาร์บี้สมองกลวงมาสร้างภาพเป็นเทพธิดาปัญญาล้ำ
จะมานำคนไทยพ้นทุกข์
พวกเขาเริ่มต้นจากทำให้คนรู้สึก “ขาด” และ “ยากไร้” แถม“ได้ไม่เท่าคนอื่น”
ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการปลุกระดมมวลชน
จึงเกิดวาทกรรม “ไพร่-อำมาตย์” (บางชนชั้นสุขสบาย ทำไมพวกเรายังยากจนอยู่?)
จึงเกิดการทำให้อีกพวกหนึ่ง “ไม่เป็นประชาธิปไตย” (เช่น ไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
แต่ไม่พูดถึงการลงคะแนนเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร
ที่เป็นขั้นตอนแท้จริงที่ตราไว้ในกฎหมาย กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด
ตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีแทนคนทั้งชาติ ด้วยการขานที่ละคน ซึ่ง สส.ส่วนใหญ่
เลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีคู่แข่งคือ พล.ต.อ.ประชา
พรหมนอก ที่สังกัดพรรคเล็ก
ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยและไม่ได้เป็นแม้กระทั่งหัวหน้าพรรคเล็กๆ
ที่ตนสังกัดด้วยซ้ำเป็นฝ่ายพ่ายแพ้)
เมื่อคนฝ่ายที่ตนเสนอแพ้ แทนที่จะยอมรับกระบวนการประชาธิปไตยในสภา
กลับหาเรื่องบิดประเด็น ผูกเรื่องว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับคณะรัฐประหาร
ลากเอาคนที่ทักษิณคิดว่าเป็นศัตรูทั้งหมดของตนไปผูกเป็นมัดเดียวกัน
แล้วหลอกชาวบ้านมาช่วยกัน “ขนลุก”
ปลุกระดมชาวบ้านมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ใช้วิธีการที่รุนแรง ป่าเถื่อน
คุกคามสิทธิของคนอื่นๆ เช่นปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนคนไข้ไม่สามารถ
เข้า-ออกโรงพยาบาลในย่านนั้นได้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลราชวิถี ในปี 2552
ก่อนจะเคลื่อนขบวนกันไปแสดงความป่าเถื่อให้ผู้นำกลุ่มอาเซียนและพันธมิตรได้เห็น
ที่พัทยา ด้วยการใช้กำลังทุบทำลายกระจกของโรงแรมรอยัลคลิฟ
ทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจนพินาศ ภาพลักษณ์ของประเทศไทย
ในสายตาต่างชาติ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน นั่นหรือคือ ประชาธิปไตยที่
พรรคเพื่อไทยกับเสื้อแดง นปช. ใฝ่หา?
เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อรักษาสุจริตชน
และบ้านเมืองจากม็อบป่าเถื่อน แกนนำอย่าง นายอดิศร เพียงเกษ ถึงกับ
ปลุกระดมให้หาตัวนายอภิสิทธิ์นายสุเทพเอามาให้ได้ และถึงกับจะจับแขวนคอ
เสื้อแดง นปช. ปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และกรูกันเข้าไปเหมือนสัตว์ป่า
ที่พร้อมจะขย้ำนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพไม่ว่าคุณจะเกลียดเขา 2 คนแค่ไหน
พวกเขาจะชั่วหรือดีอย่างไร
กฎหมายบ้านเมืองและกฎขั้นต่ำของความเป็นมนุษย์ก็ไม่อนุญาตให้คุณ
กระทำการเยี่ยงสัตว์ มุ่งทำร้าย หมายชีวิตด้วยวิธีการที่ต่ำทรามเช่นนั้นได้
ครั้นปี 2553 ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ นปช. เสื้อแดงได้ปลุกปั่นยุยง
ผู้คนมายึดกรุงเทพฯ ใหม่ โดยมีแก้ว 3 ประการ
คือพรรคการเมือง (มีการประกาศอย่างชัดเจน ให้ สส. ของพรรค
ขึ้นเวทีปลุกระดมประชาชน) มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ เป็นเครื่องมือ
ผลลัพธ์เป็นอย่างไรครับ กรุงเทพฯ ถูกเผาโดยไม่มีความผิดอะไร
พ่อค้าแม่ขายหมดเนื้อหมดตัว แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่โรงพยาบาลถูกบุก
สถาบันถูกจาบจ้วง ทหารถูกฆ่า ประชาชนถูกสังเวยเป็นเหยื่อความรุนแรง
ก่อนจะใช้สื่อสะกดความเชื่อของประชาชนที่รู้ไม่เท่าไม่ทันว่า นายอภิสิทธิ์
นายสุเทพ และทหาร ร่วมกันเข่นฆ่าประชาชนที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่ไม่พูดถึงคำสั่งศาลที่ชี้ว่า พวกเขาชุมนุมกันอย่างผิดกฎหมาย ไม่สงบมีอาวุธ
เป็นการชุมนุมที่เกินสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุกคามประชาชนคนอื่นๆ ละเมิดสิทธิ
คนอื่นเขา เป็นเหตุให้ต้องมีการสลายการชุมนุมเพื่อคืนความเป็นปกติสุขให้
แก่ผู้คนในสังคม ต่อมามีการยุบสภา เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่อัน
เป็นการลดเงื่อนไขของความขัดแย้งที่รุนแรงภายในชาติ ซึ่งเป็นการเสียสละ
ของพรรคการเมืองที่กำลังเป็นรัฐบาลอยู่ในเวลานั้น คือ พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งเขามีสิทธิเป็นรัฐบาลจนครบวาระในการเลือกตั้งครั้งนั้น ทักษิณกับบริวาร
หวนกลับสู่เกมชิงอำนาจใหม่อีกครั้ง ร่วมกันสร้างภาพว่าพวกเขาคือ
“ผู้มาเติมเต็ม”ด้วยนโยบายแก้จน นโยบายลดแลกแจกแถม
(บ้านหลังแรก รถคันแรกกองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาสตรี
บัตรเครดิตเกษตรกร บัตรเครดิตพลังงาน รับจำนำข้าว มันสำปะหลัง)
นโยบายเมกะโปรเจกท์ที่ดูเหมือนเทวดามาเนรมิตสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
(ถมอ่าวไทยได้พื้นที่เพิ่ม จัดสรรให้ต่างชาติเช่า ได้เงินมหาศาล, สร้างรถไฟฟ้า
20 สาย เก็บค่าบริการสายละ 20 บาท)จะทำให้ประเทศก้าวหน้า ทัดเทียมกับ
นานาอารยประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นโครงการด้านวัตถุ
และผันเงินเข้าสู่มือฐานเสียงไม่มีนโยบายสร้างมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ปรากฏเลย
แม้กระทั่งการศึกษา แทนที่จะมุ่งหน้าปรับปรุงพัฒนาคุณภาพครู คุณภาพหลักสูตร
ก็เลือกที่จะแจกวัตถุ คือ แท็บเลตพีซี
มาบัดนี้ นโยบายทั้งหมดที่หาเสียงไว้ ได้รับการขับเคลื่อนไหมถึงเวลาทำจริง
เป็นอย่างไร?
รับจำนำข้าว จน ธ.ก.ส.จวนจะเจ๊ง สูญเสียแชมป์การส่งออกข้าว ตลาดข้าว
ถูกแย่งชิง สูญเสียรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล
ชาวนาได้รับประโยชน์ไม่ทั่วถึง โรงสีและอีเจ๊ ด. รวยวันรวยคืน
และมีโอกาสที่ประเทศจะล้มละลาย เป็นหนี้หัวโต
ค่าแรง 300 บาท เล่นเอากิจการเอสเอ็มอีต้องปิดตัวลงจำนวนมาก
ผู้ใช้แรงงานที่ฝันถึงค่าแรง 300 บาท ตามการกระตุ้นของพรรคการเมือง
กลายเป็นคนตกงาน หรือถูกใช้งานหนักขึ้นจากนโยบายปรับลดคนงาน
โรงงานและผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ
ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ
ตามมาอีกมากยกตัวอย่างแค่ 2 โครงการนี้ ประเทศก็อ่วมแล้วแต่ถามว่า
ความมุ่งมั่นที่แท้จริงของนางสาวยิ่งลักษณ์ และพลพรรคเพื่อไทยคืออะไร
เรื่องที่พวกเขาเอาจริงเอาจังที่สุด ไม่ใช่การแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่การคืนความสุขให้คนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่การติดตามเอา
ผิดผู้กระทำผิด ทำร้ายประเทศชาติ
ไม่ใช่การเร่งหาความเป็นธรรมให้แก่คนตายในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง
แต่เอาความตายนั้นไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองด้วยการเล่นงานนักการเมือง
และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
บัดนี้ พวกเขากำลังเล่นเกมชิงอำนาจใน กทม. มีข้อที่ผมอยากชวนคนกรุงคิด
หลายประการ
1) พงศพัศ ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย มีอิสระที่จะคิดเองทำเอง
หรือต้องทำตามคำบัญชาของทักษิณ ถ้าคุณเลือกพงศพัศ เบอร์ 9 (ของ ดร.เฉลิม)
คุณได้ผู้ว่าฯกทม. ที่แท้จริง หรือได้ทักษิณ มาเป็นผู้ว่าฯ?
2) คุณจะได้ จตุพร พรหมพันธุ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ หรือไม่?
3) ในขณะที่บางคนพร่ำบ่น ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่มีผลงานแล้วพงศพัศมีผลงานอะไร?
4) คุณต้องการคนทำงานหรือต้องการนักประชาสัมพันธ์ สร้างภาพ
คุณมีนายกฯ พริตตี้ แล้วคุณต้องมีผู้ว่าฯ แมสคอต ด้วยใช่ไหม?
5) คนที่อยู่รอบๆ ตัวพงศพัศ คือคนที่เคยก่อการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย นำคนมาตาย
แล้วพยายามย่ำยีกฎหมายด้วยการจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมใช่หรือเปล่า
6) คุณชอบพวกที่ไม่เคารพกติกากลาง แต่ชอบสร้างกติกาขึ้นมาเอง
เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิดอย่างนั้นหรือ
7) พงศพัศหาเสียงว่า “วางยุทธศาสตร์ สร้างอนาคตกรุงเทพฯ
ร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ” ถามว่า ถ้าเรามีรัฐบาลดีๆ
ที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นข้อแรก ไม่ว่าใครมาเป็นผู้ว่าฯกทม.
เขาก็ย่อมไม่สร้าง “รอยต่อ” ให้เกิดขึ้นใช่หรือไม่
8) พงศพัศบอกว่า “ผมขออาสา คืนความสุข สร้างรอยยิ้มให้คน กทม.”
ก็ควรตอบคน กทม.ว่า
การชุมนุมของ นปช.ที่ผ่านมา พงศพัศ คิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด
ทำไมแกนนำบางคนอยู่ในคณะหาเสียงของพงศพัศ เพราะการชุมนุมครั้งนั้น
ได้ลากรอยยิ้มและความสุขคน กทม.ไปข่มขืนและกระทืบจนตายคาตีน
คุณจะเอาความสุขและรอยยิ้มที่หายไปเพราะเหตุการณ์นี้ มาคืนคน กทม.ด้วยวิธีการใด
9) คุณเกลียดอภิสิทธิ์ ผิดหวังกับสุขุมพันธุ์ ขยะแขยงพรรคประชาธิปัตย์
จนพร้อมจะยกกรุงเทพฯ ให้พรรคเพื่อไทยให้พงศพัศ ให้จตุพร ให้ยิ่งลักษณ์
และให้ทักษิณกันเลยเชียวหรือ?
ถ้าคุณอยู่กับพวกเขาได้ รับกับ “วิธี” ของคนพวกนี้ได้คุณกาพงศพัศไปเลย
ไม่ต้องเป็นอีแอบ กาเบอร์อื่น เพียงเพื่อจะสั่งสอนพรรคประชาธิปัตย์หรอก
เพราะคนที่จะถูกสั่งสอน คือ ตัวคุณเอง!!
แต่ถ้าคุณรับไม่ได้ ก็กาเบอร์ 16 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร!!
http://www.naewna.com/politic/columnist/5561
ท้าวความย้อนหลังย้าว ...ยาว ปลุกอารมณ์ร่วม....
เพื่อบอกว่า อย่าเลือก เชียว เบอร์ 9 ...อันตราย
มาร่วมด้วย ช่วยเพื่อนๆ nonแดง เปิดตาคนเสื้อแดงค่ะ ...
วันนี้เห็นกระทู้ ที่ระดมกันตั้งเป็นแถว .....
บางคนบอกว่า ไม่ใช่โค้งสุดท้าย แต่เป็นทางตรง...ค่ะ
ตรงเข้าคูหา ...เลือกตั้ง ... ไงคะ ....ตาสว่าง ..หรือยัง




แนวหน้า ...มาอีกแล้ว... เปิดประวัติศาสตร์เสื้อแดง ... ร่วมด้วยช่วยกันตีแผ่ความจริง ห้ามพลาด ... อย่าหลงผิด
คนที่อยู่กับความเป็นจริง ไม่มีอะไรแอบแฝงหรือสมองผุ ย่อมทราบ
ดีว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม
ที่จะถึงนี้เป็นการชิงดำกันระหว่าง “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” เบอร์ 9
(ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอก) กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เบอร์ 16
ทั้งคู่ ส่งเข้าแข่งขันโดยพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย
กับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่เอาจริงเอาจังต่อการหาเสียง หาคะแนน
สะท้อนความมุ่งมั่นจะเป็นผู้ว่าฯกทม.ให้ได้ ซึ่งก็เหมือนอีกหลายท่านเช่น สุหฤท
สยามวาลา, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, โฆษิต สุวินิจจิต หรือแม้แต่ ดร.โสภณ
พรโชคชัย ที่อุตส่าห์ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
หรือแม้บางท่านที่อุตส่าห์แต่งตัวเป็นเจ้าแม่กวนอิม
ตัดเรื่องสีสัน เรื่องชวนขัน หรือเรื่องบ้าห้าร้อยจำพวกออกไป
ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่า คู่ชิงดำจริงๆ คือ พงศพัศ เบอร์ 9
(ของ ดร.เฉลิม) กับ สุขุมพันธุ์ เบอร์ 16
ยกเว้นอิสรชนที่ไม่แคร์ว่า คนที่ตนเลือกต้องชนะ และใครจะชนะ
จะนำพากรุงเทพมหานครกับบ้านเมืองไปจบลงที่ตรงไหน
ก็ช่างหัวมัน ฉันจะรักษาความเป็นอิสรชนของฉันให้มั่นคง กับพวก“แนวร่วมมุมกลับ”
หรือ “อีแอบ” ที่แสร้งชูผู้สมัครอิสระบางรายมายักย้ายถ่ายเทคะแนน
โดยที่ระดับสมองของพวกเขาไม่มีวันไม่รู้หรอกว่า เป็นการกระทำที่ช่วย
พงศพัศ เบอร์ 9 (ของ ดร.เฉลิม)
บางคนบ้า ถึงขั้นบอกผู้สมัครจากพรรคการเมืองว่าให้ถอนตัว เพื่อให้ผู้สมัครอิสระชนะ
เอาเถอะครับ รักใคร ชอบใคร เชียร์ใคร ด้วยความรัก ความเกลียด
หรือได้รับผลประโยชน์ใดๆ ก็ทำกันให้เต็มที่ เช่นเดียวกับผู้สมัครทั้งหลาย
ที่ก็ต้องเสนอตัวกันให้เต็มที่แต่ผมนั้น มองเหมือนอีกหลายท่าน คือ ดูผลลัพธ์
อุดมคติของพวกเราแต่ละคนจะเป็นอย่างไรไม่ทราบแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ย่อมหนีไม่พ้น พงศพัศ หรือสุขุมพันธุ์ไม่มีเหตุใดๆ ที่จะทำให้ผู้สมัครสองคนนี้ถอนตัว
ตามข้อเสนอบ้าๆ บอๆผมจึงขอเชิญชวนทุกท่าน มาอยู่กับโลก ของความเป็นจริง
ที่ไม่ได้สวยงามอะไร แต่มันคือ ชีวิตจริงของ กทม. ของประเทศไทยในวันนี้
เชื่อว่าหลายคน คงมีความระแวงว่า “พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ” ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
เบอร์ 9 ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเหมือนกับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คือ
มีพฤติกรรมเป็นหุ่นเชิดโง่ๆ ของระบอบทักษิณ โดยผู้เชิดหุ่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่หลบหนีกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างขี้ขลาดอยู่ในต่างประเทศด้วยการอำนวย
ความสะดวก จัดทำพาสปอร์ต ซึ่งเป็นเครื่องมือ
สำคัญในการหลบหนีจาก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ระบอบทักษิณนั้น มุ่งมั่นจะครองอำนาจในบ้านเมืองของเราอย่างเบ็ดเสร็จ
โดยไม่คำนึงถึงกติกาที่บ้านเมืองวางไว้ ใช้เงินและสื่อสร้างภาพ
บิดเบือนปัญญาของประชาชน และสร้างความหวังขึ้นมาลวงตา โดยเล่นกับ
“ความอยากได้อยากมี” และ “ปมด้อย” ของคนในชาติ
ดังนั้น ระบอบทักษิณจึง “ทุ่มทุนสร้าง” ใช้เวลา 49 วัน ขายฝัน กระทืบปมด้อยของคน
แล้วกระตุ้นความอยากได้อยากมี
ของคน แล้วส่งตุ๊กตาบาร์บี้สมองกลวงมาสร้างภาพเป็นเทพธิดาปัญญาล้ำ
จะมานำคนไทยพ้นทุกข์
พวกเขาเริ่มต้นจากทำให้คนรู้สึก “ขาด” และ “ยากไร้” แถม“ได้ไม่เท่าคนอื่น”
ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการปลุกระดมมวลชน
จึงเกิดวาทกรรม “ไพร่-อำมาตย์” (บางชนชั้นสุขสบาย ทำไมพวกเรายังยากจนอยู่?)
จึงเกิดการทำให้อีกพวกหนึ่ง “ไม่เป็นประชาธิปไตย” (เช่น ไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
แต่ไม่พูดถึงการลงคะแนนเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร
ที่เป็นขั้นตอนแท้จริงที่ตราไว้ในกฎหมาย กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด
ตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีแทนคนทั้งชาติ ด้วยการขานที่ละคน ซึ่ง สส.ส่วนใหญ่
เลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีคู่แข่งคือ พล.ต.อ.ประชา
พรหมนอก ที่สังกัดพรรคเล็ก
ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยและไม่ได้เป็นแม้กระทั่งหัวหน้าพรรคเล็กๆ
ที่ตนสังกัดด้วยซ้ำเป็นฝ่ายพ่ายแพ้)
เมื่อคนฝ่ายที่ตนเสนอแพ้ แทนที่จะยอมรับกระบวนการประชาธิปไตยในสภา
กลับหาเรื่องบิดประเด็น ผูกเรื่องว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับคณะรัฐประหาร
ลากเอาคนที่ทักษิณคิดว่าเป็นศัตรูทั้งหมดของตนไปผูกเป็นมัดเดียวกัน
แล้วหลอกชาวบ้านมาช่วยกัน “ขนลุก”
ปลุกระดมชาวบ้านมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ใช้วิธีการที่รุนแรง ป่าเถื่อน
คุกคามสิทธิของคนอื่นๆ เช่นปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนคนไข้ไม่สามารถ
เข้า-ออกโรงพยาบาลในย่านนั้นได้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลราชวิถี ในปี 2552
ก่อนจะเคลื่อนขบวนกันไปแสดงความป่าเถื่อให้ผู้นำกลุ่มอาเซียนและพันธมิตรได้เห็น
ที่พัทยา ด้วยการใช้กำลังทุบทำลายกระจกของโรงแรมรอยัลคลิฟ
ทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจนพินาศ ภาพลักษณ์ของประเทศไทย
ในสายตาต่างชาติ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน นั่นหรือคือ ประชาธิปไตยที่
พรรคเพื่อไทยกับเสื้อแดง นปช. ใฝ่หา?
เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อรักษาสุจริตชน
และบ้านเมืองจากม็อบป่าเถื่อน แกนนำอย่าง นายอดิศร เพียงเกษ ถึงกับ
ปลุกระดมให้หาตัวนายอภิสิทธิ์นายสุเทพเอามาให้ได้ และถึงกับจะจับแขวนคอ
เสื้อแดง นปช. ปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และกรูกันเข้าไปเหมือนสัตว์ป่า
ที่พร้อมจะขย้ำนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพไม่ว่าคุณจะเกลียดเขา 2 คนแค่ไหน
พวกเขาจะชั่วหรือดีอย่างไร
กฎหมายบ้านเมืองและกฎขั้นต่ำของความเป็นมนุษย์ก็ไม่อนุญาตให้คุณ
กระทำการเยี่ยงสัตว์ มุ่งทำร้าย หมายชีวิตด้วยวิธีการที่ต่ำทรามเช่นนั้นได้
ครั้นปี 2553 ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ นปช. เสื้อแดงได้ปลุกปั่นยุยง
ผู้คนมายึดกรุงเทพฯ ใหม่ โดยมีแก้ว 3 ประการ
คือพรรคการเมือง (มีการประกาศอย่างชัดเจน ให้ สส. ของพรรค
ขึ้นเวทีปลุกระดมประชาชน) มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ เป็นเครื่องมือ
ผลลัพธ์เป็นอย่างไรครับ กรุงเทพฯ ถูกเผาโดยไม่มีความผิดอะไร
พ่อค้าแม่ขายหมดเนื้อหมดตัว แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่โรงพยาบาลถูกบุก
สถาบันถูกจาบจ้วง ทหารถูกฆ่า ประชาชนถูกสังเวยเป็นเหยื่อความรุนแรง
ก่อนจะใช้สื่อสะกดความเชื่อของประชาชนที่รู้ไม่เท่าไม่ทันว่า นายอภิสิทธิ์
นายสุเทพ และทหาร ร่วมกันเข่นฆ่าประชาชนที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่ไม่พูดถึงคำสั่งศาลที่ชี้ว่า พวกเขาชุมนุมกันอย่างผิดกฎหมาย ไม่สงบมีอาวุธ
เป็นการชุมนุมที่เกินสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุกคามประชาชนคนอื่นๆ ละเมิดสิทธิ
คนอื่นเขา เป็นเหตุให้ต้องมีการสลายการชุมนุมเพื่อคืนความเป็นปกติสุขให้
แก่ผู้คนในสังคม ต่อมามีการยุบสภา เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่อัน
เป็นการลดเงื่อนไขของความขัดแย้งที่รุนแรงภายในชาติ ซึ่งเป็นการเสียสละ
ของพรรคการเมืองที่กำลังเป็นรัฐบาลอยู่ในเวลานั้น คือ พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งเขามีสิทธิเป็นรัฐบาลจนครบวาระในการเลือกตั้งครั้งนั้น ทักษิณกับบริวาร
หวนกลับสู่เกมชิงอำนาจใหม่อีกครั้ง ร่วมกันสร้างภาพว่าพวกเขาคือ
“ผู้มาเติมเต็ม”ด้วยนโยบายแก้จน นโยบายลดแลกแจกแถม
(บ้านหลังแรก รถคันแรกกองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาสตรี
บัตรเครดิตเกษตรกร บัตรเครดิตพลังงาน รับจำนำข้าว มันสำปะหลัง)
นโยบายเมกะโปรเจกท์ที่ดูเหมือนเทวดามาเนรมิตสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
(ถมอ่าวไทยได้พื้นที่เพิ่ม จัดสรรให้ต่างชาติเช่า ได้เงินมหาศาล, สร้างรถไฟฟ้า
20 สาย เก็บค่าบริการสายละ 20 บาท)จะทำให้ประเทศก้าวหน้า ทัดเทียมกับ
นานาอารยประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นโครงการด้านวัตถุ
และผันเงินเข้าสู่มือฐานเสียงไม่มีนโยบายสร้างมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ปรากฏเลย
แม้กระทั่งการศึกษา แทนที่จะมุ่งหน้าปรับปรุงพัฒนาคุณภาพครู คุณภาพหลักสูตร
ก็เลือกที่จะแจกวัตถุ คือ แท็บเลตพีซี
มาบัดนี้ นโยบายทั้งหมดที่หาเสียงไว้ ได้รับการขับเคลื่อนไหมถึงเวลาทำจริง
เป็นอย่างไร?
รับจำนำข้าว จน ธ.ก.ส.จวนจะเจ๊ง สูญเสียแชมป์การส่งออกข้าว ตลาดข้าว
ถูกแย่งชิง สูญเสียรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล
ชาวนาได้รับประโยชน์ไม่ทั่วถึง โรงสีและอีเจ๊ ด. รวยวันรวยคืน
และมีโอกาสที่ประเทศจะล้มละลาย เป็นหนี้หัวโต
ค่าแรง 300 บาท เล่นเอากิจการเอสเอ็มอีต้องปิดตัวลงจำนวนมาก
ผู้ใช้แรงงานที่ฝันถึงค่าแรง 300 บาท ตามการกระตุ้นของพรรคการเมือง
กลายเป็นคนตกงาน หรือถูกใช้งานหนักขึ้นจากนโยบายปรับลดคนงาน
โรงงานและผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ
ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ
ตามมาอีกมากยกตัวอย่างแค่ 2 โครงการนี้ ประเทศก็อ่วมแล้วแต่ถามว่า
ความมุ่งมั่นที่แท้จริงของนางสาวยิ่งลักษณ์ และพลพรรคเพื่อไทยคืออะไร
เรื่องที่พวกเขาเอาจริงเอาจังที่สุด ไม่ใช่การแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่การคืนความสุขให้คนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่การติดตามเอา
ผิดผู้กระทำผิด ทำร้ายประเทศชาติ
ไม่ใช่การเร่งหาความเป็นธรรมให้แก่คนตายในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง
แต่เอาความตายนั้นไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองด้วยการเล่นงานนักการเมือง
และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
บัดนี้ พวกเขากำลังเล่นเกมชิงอำนาจใน กทม. มีข้อที่ผมอยากชวนคนกรุงคิด
หลายประการ
1) พงศพัศ ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย มีอิสระที่จะคิดเองทำเอง
หรือต้องทำตามคำบัญชาของทักษิณ ถ้าคุณเลือกพงศพัศ เบอร์ 9 (ของ ดร.เฉลิม)
คุณได้ผู้ว่าฯกทม. ที่แท้จริง หรือได้ทักษิณ มาเป็นผู้ว่าฯ?
2) คุณจะได้ จตุพร พรหมพันธุ์ มาเป็นรองผู้ว่าฯ หรือไม่?
3) ในขณะที่บางคนพร่ำบ่น ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่มีผลงานแล้วพงศพัศมีผลงานอะไร?
4) คุณต้องการคนทำงานหรือต้องการนักประชาสัมพันธ์ สร้างภาพ
คุณมีนายกฯ พริตตี้ แล้วคุณต้องมีผู้ว่าฯ แมสคอต ด้วยใช่ไหม?
5) คนที่อยู่รอบๆ ตัวพงศพัศ คือคนที่เคยก่อการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย นำคนมาตาย
แล้วพยายามย่ำยีกฎหมายด้วยการจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมใช่หรือเปล่า
6) คุณชอบพวกที่ไม่เคารพกติกากลาง แต่ชอบสร้างกติกาขึ้นมาเอง
เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิดอย่างนั้นหรือ
7) พงศพัศหาเสียงว่า “วางยุทธศาสตร์ สร้างอนาคตกรุงเทพฯ
ร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ” ถามว่า ถ้าเรามีรัฐบาลดีๆ
ที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นข้อแรก ไม่ว่าใครมาเป็นผู้ว่าฯกทม.
เขาก็ย่อมไม่สร้าง “รอยต่อ” ให้เกิดขึ้นใช่หรือไม่
8) พงศพัศบอกว่า “ผมขออาสา คืนความสุข สร้างรอยยิ้มให้คน กทม.”
ก็ควรตอบคน กทม.ว่า
การชุมนุมของ นปช.ที่ผ่านมา พงศพัศ คิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด
ทำไมแกนนำบางคนอยู่ในคณะหาเสียงของพงศพัศ เพราะการชุมนุมครั้งนั้น
ได้ลากรอยยิ้มและความสุขคน กทม.ไปข่มขืนและกระทืบจนตายคาตีน
คุณจะเอาความสุขและรอยยิ้มที่หายไปเพราะเหตุการณ์นี้ มาคืนคน กทม.ด้วยวิธีการใด
9) คุณเกลียดอภิสิทธิ์ ผิดหวังกับสุขุมพันธุ์ ขยะแขยงพรรคประชาธิปัตย์
จนพร้อมจะยกกรุงเทพฯ ให้พรรคเพื่อไทยให้พงศพัศ ให้จตุพร ให้ยิ่งลักษณ์
และให้ทักษิณกันเลยเชียวหรือ?
ถ้าคุณอยู่กับพวกเขาได้ รับกับ “วิธี” ของคนพวกนี้ได้คุณกาพงศพัศไปเลย
ไม่ต้องเป็นอีแอบ กาเบอร์อื่น เพียงเพื่อจะสั่งสอนพรรคประชาธิปัตย์หรอก
เพราะคนที่จะถูกสั่งสอน คือ ตัวคุณเอง!!
แต่ถ้าคุณรับไม่ได้ ก็กาเบอร์ 16 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร!!
http://www.naewna.com/politic/columnist/5561
ท้าวความย้อนหลังย้าว ...ยาว ปลุกอารมณ์ร่วม....
เพื่อบอกว่า อย่าเลือก เชียว เบอร์ 9 ...อันตราย
มาร่วมด้วย ช่วยเพื่อนๆ nonแดง เปิดตาคนเสื้อแดงค่ะ ...
วันนี้เห็นกระทู้ ที่ระดมกันตั้งเป็นแถว .....
บางคนบอกว่า ไม่ใช่โค้งสุดท้าย แต่เป็นทางตรง...ค่ะ
ตรงเข้าคูหา ...เลือกตั้ง ... ไงคะ ....ตาสว่าง ..หรือยัง