เรื่องของเรื่องคือว่า เมื่อวันก่อนเรากับสามีพาหลานไปหาปู่ย่าตามปกติ ทุกอาทิตย์
นั่งทานอาหารกัน พ่อสามีพูดว่าตอนนี้ที่ทำงานเขา ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวน่ะ เงินเดือนขึ้นจาก 8200 เป็น 13000 แล้วนะ
แม่สามีบอกว่า
เรากับสามีทำงานสองคนและก็มีอาชีพเสริมคือขายของด้วย รายได้หน้าจะได้มากกว่านี้
เดือนๆ หน้าจะให้เขาหลักหมื่นนะ ขนาดลูกของป้า แต่ก่อนเงินเดือน 8000 ยังให้ป้าตั้งเดือนละ 4000 เลย
ปัจจุบันแฟนเราให้แม่เขาเดือนละ 5000 ไม่รวมพาไปนั่นนี่หรือซื้อของอะไรให้
พี่น้องสามีให้เดือน 1000 บางเดือนก็ไม่ให้ กินอยู่กับพ่อแม่ด้วยซ้ำ
แฟนเราบอกว่า
นั่นลูกป้าก็ทำได้สิ เพราะเขาตัวคนเดียว ให้ป้าเดือนละ 4000 แต่กินอยู่อะไรทั้งหมด ป้าเป็นคนออกให้ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้แทงบอล
ค่าใช้จ่ายครอบครัวเรา(เรา+สามี+ลูก)เยอะ ไหนจะบ้าน รถ บัตรเครดิต รวมๆแล้วเดือนนึงเกือบ 50000 ไม่รวมค่ากินอยู่ จิปาถะ
แม่สามีบอกว่า
เราสองคนน่ะใช้จ่ายเยอะ ไม่จำเป็น ลูกน่ะไม่ต้องกินนมแพงๆก็ได้ ขนาดตอนเขาเลี้ยงแฟนเราและพี่น้องแฟนเรา 3 คน
ยังไม่ต้องจ่ายแพงขนาดเราเลย เขาให้ลูกทานนมข้นตราหมีผสมน้ำ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แพมเพิสก็ไม่ต้องใช้
รถเข็นก็ไม่ต้องมี (แต่ตอนยังไม่ซื้อ...แม่สามีบอกหน้าจะมี --*)
สมัยก่อนพ่อสามีทำงานคนเดียว เขาเปิดร้านขายของชำ โดยใช้เงินลงทุน 5000 สามารถทำกำไรได้ 20000
เขาก็อยู่มาได้ เวลาเรียนก็ให้เรียนโรงเรียนวัดใกล้บ้านไม่ต้องเปลือง
รถเนี่ยซื้อมาทำไม แต่ก่อนก็นั่งรถเมล์ได้ พอมีเงินแล้วซื้อโนน่นี่
เกริ่นก่อนนะคะ เรากับสามีเริ่มต้นมีครอบครัวมาจากติดลบนะคะ
ย้ำ !! ว่าติดลบจริงๆ ไม่ใช่ ศูนย์
เราสองคนคบหากันตั้งแต่อายุ 18 ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ ตอนเราสองคนเรียนมหาลัยและทำงานไปด้วย
วันนึงเราเกิดท้องขึ้นมา ทางครอบครัวเราบอกว่าต้องแต่งงานเท่านั้นถึงจะยอม เราสองคนไม่รู้จะทำไง
ทางฝ่ายพ่อแม่สามีเขาไม่มีเงิน เขาบอกว่าให้ผูกข้อมือก็พอ แต่ทางบ้านเราไม่ยอม
ยังไงก็ต้องแต่ง พ่อแม่เราบอกว่าเรียกสินสอดแสนนึงพอเพราะสงสารสามีและจัดงานเล็กๆก็ได้
เรากับสามีต้องไปหากู้เงิน200000ส่วนนึงไว้เป็นสินสอด นอกนั้นเป็นค่าจัดงาน
ตอนจัดงานทางฝ่ายบ้านสามีไม่เคยมาช่วยมาอะไรเลย มีแต่ทางบ้านเราคอยช่วยกันจัดแจงทุกอย่าง
พี่สาวเราเกณฑ์เพื่อนๆ มาช่วยกันจัดดอกไม้ในงานกันถึงตีสี่ก่อนงานเริ่ม พอถึงเวลามางานทางบ้านสามีก็ตินั่นนี่
พอจบงานแต่งมาบอกเราว่าเงินใส่ซองหน้าจะเยอะอยู่นะเพราะทั้งที่ทำงานเรา+สามี และเพื่อนๆ(ทางบ้านสามีไม่มีเลย)
แถมเอาอาหาร+เครื่องดื่มต่างๆกลับบ้านด้วยซ้ำ
พองานแต่งจบเราได้เงินใส่ซองมา70000 กับหนี้อีก200000
หลังจากนั้นเราให้สามีออกจากงานมาทำที่เดียวกันกับเราเพราะต้องหาเงินให้มากขึ้น ไหนจะลูกอีก หนี้สินอีก
จะได้รีบสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่ออนาคตของเรา
(ก่อนหน้าสามีเป็นลูกจ้างชั่วคราวราชการ ส่วนเราอยู่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่น)
เรากับสามีแต่งงานกันปี 54 เราใช้เวลา 1 ปี เคลียหนี้ 200000 ที่ยืมมาแต่งงาน
พร้อมกับดาวน์รถซีวิคป้ายแดงหนึ่งคัน เม.ย.55 กู้ซื้อบ้าน ม.ค.56 ตอนนี้เราสองคนอายุ 24 ลูกชายอายุ 1.5 ปี
คือเราสองคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อลบคำสบประมาทของหลายๆคนโดนเฉพาะทางบ้านสามีว่า
เราสองคนเรียนไม่จบ จะเอาเงินไหนเลี้ยงลูก อยู่กินอยู่ยังไงพอหรอ เดี๋ยวเขาก็ต้องมาลำบากรับเลี้ยง เยอะอ่ะ
คือ ณ ตอนนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเราสองคนกับสามีจะต้องรีบทำงานหาเงินเยอะๆ ไปทำไม หนี้เยอะหรอ
ทำไมต้องอยากได้อยากมีขนาดนั้น เอาแค่พออยู่พอกินก็พอ ไม่ต้องอยากได่อยากมีขนาดนั้นหรอก
คือทางบ้านสามีเขาชินกับการเข้างาน 8.30 เลิก 16.30 หยุดเสาร์อาทิตย์ มีแค่ไหนก็แค่นั้น
เขามองว่าแฟนเราอยู่เป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เดิมก็ดีแล้ว เสาร์อาทิตย์ได้หยุด เลิกงาน16.30 สบายๆ
ตอนนี้แฟนเราเป็นวิศวกรอยู่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่น ออก ตจว. อาทิตย์นึงกลับบ้านที บางทีก็สองวันกลับ
กินอยู่อย่างดี บริษัทดูแลตลอดทั้งที่พัก รถรับส่งพร้อมอย่างดี
ส่วนเราตั้งแต่คลอดลูก เราย้ายมาทำบริษัทใหม่เลิกงานงาน 17.00 หยุดเสาร์อาทิตย์ (ก็บริษัทเขาหยุดกัน)
เพราะเราต้องการมีเวลาให้ลูกมากขึ้นและขายของหาเสริมเพิ่มรายได้เอา
ทางพ่อแม่แฟนมองว่า แฟนเราเหนื่อยอยู่คนเดียว ต้องออก ตจว.ไกลบ้าน(แค่อยุธยา)
ต้องไปทำงานแบบนั้นเพราะเงินไม่พอใช้สินะ
หลายๆครั้งอธิบายอะไรไปเขาก็ไม่เชื่อ อันไหนทำแล้วได้เงินก็ทำ ไม่ได้เหนื่อยมากมายขนาดนั้น
เราก็มีเวลาพักผ่อนของเรา ไม่งั้นคนอื่นๆที่เขาทำก็ตายกันหมดแล้วสิ -*-
เขาคิดว่าที่เขาเข้าใจนี่แหละคือความจริง
เวลาไม่อธิบายก็บอกว่า มีอะไรไม่ยอมบอกให้ฟัง
คือเราเป็นคนเอาใจคนรอบข้างเสมอ พยายามให้ทุกคนแฮปปี้
แต่เราเจอแบบนี้ตลอด เราเครียดและรู้สึกถูกกดดันตลอดเวลา
แต่ในส่วนของสามีเราเขาเฉยๆและชิน เพราะเขาเจอแบบนี้มาตลอด
ด้วยความคิดส่วนตัวของเราเองคือ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ เมื่อลูกทำมาหากินขึ้น ไม่ทำให้ร้อนใจ กลับมาตอบแทนเลี้ยงดู
ก็ควรจะอวยพรและให้กำลังใจและภูมิใจไม่ใช่หรอ(เวลาลูกมีอะไรก็เอาไปพูดอวดชาวบ้าน)
เขาจ้องจะจับผิดตลอดเวลา ทำดีเสมอตัวไม่เคยได้รับคำชม แต่ถ้าทำดีแต่ไม่เท่าที่เขาต้องการก็จะโดนต่อว่า
แต่พอเวลามีปัญหารึอะไรก็เรียกหาแต่เรากับสามี
ส่วนพี่น้องคนอื่นของสามี ไม่เคยมาอะไรเลยก็เสมอตัวไป ถึงไม่ได้คำชมแต่ก็ไม่โดนต่อว่า
บางทีเรากับสามีก็รู้สึกน้อยใจ เหมือนกับแบบว่าไอที่เราพยายามทำงานหาเงินเยอะๆนั้น
เพราะเราหนี้เยอะ ใช้จ่ายเกินตัว ไม่เชื่อว่าจริงๆแล้ว เราอยากรวยอยากมีเก็บ
เฮ่อ...มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยจริงๆ
เราพยายามทำตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ดี เพราะเรามีลูกชาย
เราก็หวังว่าอย่างน้อยความดีของเราจะส่งผลให้ลูกสะใภ้ในอนาคตของเราดีกับเรา
แต่พอเจอแบบนี้ตลอดๆ เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่โต ตีโพยตีพายตลอด หดหู่เหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง
กลุ้มใจกับ พ่อแม่สามี !! เขามองว่าเราเอาลูกเขามาลำบาก
นั่งทานอาหารกัน พ่อสามีพูดว่าตอนนี้ที่ทำงานเขา ตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวน่ะ เงินเดือนขึ้นจาก 8200 เป็น 13000 แล้วนะ
แม่สามีบอกว่า
เรากับสามีทำงานสองคนและก็มีอาชีพเสริมคือขายของด้วย รายได้หน้าจะได้มากกว่านี้
เดือนๆ หน้าจะให้เขาหลักหมื่นนะ ขนาดลูกของป้า แต่ก่อนเงินเดือน 8000 ยังให้ป้าตั้งเดือนละ 4000 เลย
ปัจจุบันแฟนเราให้แม่เขาเดือนละ 5000 ไม่รวมพาไปนั่นนี่หรือซื้อของอะไรให้
พี่น้องสามีให้เดือน 1000 บางเดือนก็ไม่ให้ กินอยู่กับพ่อแม่ด้วยซ้ำ
แฟนเราบอกว่า
นั่นลูกป้าก็ทำได้สิ เพราะเขาตัวคนเดียว ให้ป้าเดือนละ 4000 แต่กินอยู่อะไรทั้งหมด ป้าเป็นคนออกให้ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้แทงบอล
ค่าใช้จ่ายครอบครัวเรา(เรา+สามี+ลูก)เยอะ ไหนจะบ้าน รถ บัตรเครดิต รวมๆแล้วเดือนนึงเกือบ 50000 ไม่รวมค่ากินอยู่ จิปาถะ
แม่สามีบอกว่า
เราสองคนน่ะใช้จ่ายเยอะ ไม่จำเป็น ลูกน่ะไม่ต้องกินนมแพงๆก็ได้ ขนาดตอนเขาเลี้ยงแฟนเราและพี่น้องแฟนเรา 3 คน
ยังไม่ต้องจ่ายแพงขนาดเราเลย เขาให้ลูกทานนมข้นตราหมีผสมน้ำ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แพมเพิสก็ไม่ต้องใช้
รถเข็นก็ไม่ต้องมี (แต่ตอนยังไม่ซื้อ...แม่สามีบอกหน้าจะมี --*)
สมัยก่อนพ่อสามีทำงานคนเดียว เขาเปิดร้านขายของชำ โดยใช้เงินลงทุน 5000 สามารถทำกำไรได้ 20000
เขาก็อยู่มาได้ เวลาเรียนก็ให้เรียนโรงเรียนวัดใกล้บ้านไม่ต้องเปลือง
รถเนี่ยซื้อมาทำไม แต่ก่อนก็นั่งรถเมล์ได้ พอมีเงินแล้วซื้อโนน่นี่
เกริ่นก่อนนะคะ เรากับสามีเริ่มต้นมีครอบครัวมาจากติดลบนะคะ
ย้ำ !! ว่าติดลบจริงๆ ไม่ใช่ ศูนย์
เราสองคนคบหากันตั้งแต่อายุ 18 ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ ตอนเราสองคนเรียนมหาลัยและทำงานไปด้วย
วันนึงเราเกิดท้องขึ้นมา ทางครอบครัวเราบอกว่าต้องแต่งงานเท่านั้นถึงจะยอม เราสองคนไม่รู้จะทำไง
ทางฝ่ายพ่อแม่สามีเขาไม่มีเงิน เขาบอกว่าให้ผูกข้อมือก็พอ แต่ทางบ้านเราไม่ยอม
ยังไงก็ต้องแต่ง พ่อแม่เราบอกว่าเรียกสินสอดแสนนึงพอเพราะสงสารสามีและจัดงานเล็กๆก็ได้
เรากับสามีต้องไปหากู้เงิน200000ส่วนนึงไว้เป็นสินสอด นอกนั้นเป็นค่าจัดงาน
ตอนจัดงานทางฝ่ายบ้านสามีไม่เคยมาช่วยมาอะไรเลย มีแต่ทางบ้านเราคอยช่วยกันจัดแจงทุกอย่าง
พี่สาวเราเกณฑ์เพื่อนๆ มาช่วยกันจัดดอกไม้ในงานกันถึงตีสี่ก่อนงานเริ่ม พอถึงเวลามางานทางบ้านสามีก็ตินั่นนี่
พอจบงานแต่งมาบอกเราว่าเงินใส่ซองหน้าจะเยอะอยู่นะเพราะทั้งที่ทำงานเรา+สามี และเพื่อนๆ(ทางบ้านสามีไม่มีเลย)
แถมเอาอาหาร+เครื่องดื่มต่างๆกลับบ้านด้วยซ้ำ
พองานแต่งจบเราได้เงินใส่ซองมา70000 กับหนี้อีก200000
หลังจากนั้นเราให้สามีออกจากงานมาทำที่เดียวกันกับเราเพราะต้องหาเงินให้มากขึ้น ไหนจะลูกอีก หนี้สินอีก
จะได้รีบสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่ออนาคตของเรา
(ก่อนหน้าสามีเป็นลูกจ้างชั่วคราวราชการ ส่วนเราอยู่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่น)
เรากับสามีแต่งงานกันปี 54 เราใช้เวลา 1 ปี เคลียหนี้ 200000 ที่ยืมมาแต่งงาน
พร้อมกับดาวน์รถซีวิคป้ายแดงหนึ่งคัน เม.ย.55 กู้ซื้อบ้าน ม.ค.56 ตอนนี้เราสองคนอายุ 24 ลูกชายอายุ 1.5 ปี
คือเราสองคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อลบคำสบประมาทของหลายๆคนโดนเฉพาะทางบ้านสามีว่า
เราสองคนเรียนไม่จบ จะเอาเงินไหนเลี้ยงลูก อยู่กินอยู่ยังไงพอหรอ เดี๋ยวเขาก็ต้องมาลำบากรับเลี้ยง เยอะอ่ะ
คือ ณ ตอนนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเราสองคนกับสามีจะต้องรีบทำงานหาเงินเยอะๆ ไปทำไม หนี้เยอะหรอ
ทำไมต้องอยากได้อยากมีขนาดนั้น เอาแค่พออยู่พอกินก็พอ ไม่ต้องอยากได่อยากมีขนาดนั้นหรอก
คือทางบ้านสามีเขาชินกับการเข้างาน 8.30 เลิก 16.30 หยุดเสาร์อาทิตย์ มีแค่ไหนก็แค่นั้น
เขามองว่าแฟนเราอยู่เป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เดิมก็ดีแล้ว เสาร์อาทิตย์ได้หยุด เลิกงาน16.30 สบายๆ
ตอนนี้แฟนเราเป็นวิศวกรอยู่บริษัทก่อสร้างของญี่ปุ่น ออก ตจว. อาทิตย์นึงกลับบ้านที บางทีก็สองวันกลับ
กินอยู่อย่างดี บริษัทดูแลตลอดทั้งที่พัก รถรับส่งพร้อมอย่างดี
ส่วนเราตั้งแต่คลอดลูก เราย้ายมาทำบริษัทใหม่เลิกงานงาน 17.00 หยุดเสาร์อาทิตย์ (ก็บริษัทเขาหยุดกัน)
เพราะเราต้องการมีเวลาให้ลูกมากขึ้นและขายของหาเสริมเพิ่มรายได้เอา
ทางพ่อแม่แฟนมองว่า แฟนเราเหนื่อยอยู่คนเดียว ต้องออก ตจว.ไกลบ้าน(แค่อยุธยา)
ต้องไปทำงานแบบนั้นเพราะเงินไม่พอใช้สินะ
หลายๆครั้งอธิบายอะไรไปเขาก็ไม่เชื่อ อันไหนทำแล้วได้เงินก็ทำ ไม่ได้เหนื่อยมากมายขนาดนั้น
เราก็มีเวลาพักผ่อนของเรา ไม่งั้นคนอื่นๆที่เขาทำก็ตายกันหมดแล้วสิ -*-
เขาคิดว่าที่เขาเข้าใจนี่แหละคือความจริง
เวลาไม่อธิบายก็บอกว่า มีอะไรไม่ยอมบอกให้ฟัง
คือเราเป็นคนเอาใจคนรอบข้างเสมอ พยายามให้ทุกคนแฮปปี้
แต่เราเจอแบบนี้ตลอด เราเครียดและรู้สึกถูกกดดันตลอดเวลา
แต่ในส่วนของสามีเราเขาเฉยๆและชิน เพราะเขาเจอแบบนี้มาตลอด
ด้วยความคิดส่วนตัวของเราเองคือ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ เมื่อลูกทำมาหากินขึ้น ไม่ทำให้ร้อนใจ กลับมาตอบแทนเลี้ยงดู
ก็ควรจะอวยพรและให้กำลังใจและภูมิใจไม่ใช่หรอ(เวลาลูกมีอะไรก็เอาไปพูดอวดชาวบ้าน)
เขาจ้องจะจับผิดตลอดเวลา ทำดีเสมอตัวไม่เคยได้รับคำชม แต่ถ้าทำดีแต่ไม่เท่าที่เขาต้องการก็จะโดนต่อว่า
แต่พอเวลามีปัญหารึอะไรก็เรียกหาแต่เรากับสามี
ส่วนพี่น้องคนอื่นของสามี ไม่เคยมาอะไรเลยก็เสมอตัวไป ถึงไม่ได้คำชมแต่ก็ไม่โดนต่อว่า
บางทีเรากับสามีก็รู้สึกน้อยใจ เหมือนกับแบบว่าไอที่เราพยายามทำงานหาเงินเยอะๆนั้น
เพราะเราหนี้เยอะ ใช้จ่ายเกินตัว ไม่เชื่อว่าจริงๆแล้ว เราอยากรวยอยากมีเก็บ
เฮ่อ...มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยจริงๆ
เราพยายามทำตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ดี เพราะเรามีลูกชาย
เราก็หวังว่าอย่างน้อยความดีของเราจะส่งผลให้ลูกสะใภ้ในอนาคตของเราดีกับเรา
แต่พอเจอแบบนี้ตลอดๆ เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่โต ตีโพยตีพายตลอด หดหู่เหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไง