ปล. อ้าว! ยังไม่ได้เขียนอะไร มี ปล. ได้แล้วเหรอ ?
ปล. 2 นิยายนี้มีพาดพิงหลายล็อกอิน หากทำให้ไม่พอใจ จขกท. ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ปล. 3 จะมีใครบ้าง ตามอ่านกันเลยนะคะ
...................................................
แสงแดดกระทบผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มกลายเป็นประกายระยิบระยับสะท้อนขึ้นมาจากท้องทะเลกว้างใหญ่ ประดุจประกายแสงของเพชร .... เพชรแห่งท้องทะเลสีน้ำเงิน ....
เพชรน้ำนิล
หญิงสาวนั่งอยู่บนเวิ้งหน้าผา ใต้ต้นมะ
ม่วงคันต้นใหญ่ มะม่วงชนิดนี้เป็นมะม่วงป่าที่ผลดิบของมันเปรี้ยวจัด มียางมาก แม้เมื่อผลสุกแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครเก็บมารับประทาน เพราะเนื้อน้อย เม็ดในใหญ่ มันจึงเป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม เพราะหาประโยชน์ได้น้อยนิด แต่เมื่อต้นมันเกิดในป่าเขาที่ผู้คนเข้าไปบุกรุกได้ยาก มันจึงอยู่ยงคงกะพันมาหลายปี กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเป็นที่อาศัยของหมู่นกกระจิบ นกกระจอก ชะนี และอีแร้ง ...
จุดที่หญิงสาวนั่งอยู่นี้หากทอดสายตามองลงไปด้านล่างเห็นทะเลสะท้อนแสงแดดเป็นสีเงินยวงเวิ้งว้างตัดเส้นขอบฟ้าอันไกลลิบ ... เป็นจุดเชื่อมของ
ภูเขาทะเล
สาย
ลมสบาย ประดุจหนึ่ง
สายลมรักพัดผ่านผิวกาย กลิ่นหอมอ่อนของดอก
จำปูน ละมุนละไมมากับสายลม หญิงสาวหลับตาลงพร้อมสูดหายใจรับเอาอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ....ปล่อยใจให้ล่องลอยอิสระเข้าสู่ภวังค์ หลังจากที่เหนื่อยล้าคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงานมานาน
เนิ่น...นาน...ผ่านไป ...พระจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นเหนือน้ำส่องแสง
ทองรำไรไปทั่วดังกับคำกล่าวที่ว่าคืน
บางระจันวันเพ็ญ หูแว่วได้ยินเสียงพิณดังมาจาก
สายพิณ ชั้นดีที่ประดิษฐ์ขึ้นจากบรมครูแห่งพิณ ..จิตกระหวัด
ตระกองขวัญ หวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งไปชุมนุมเมื่อปี 2553 ถนนราชดำเนินทั้งสายเป็นสีแดงแห่งความสามัคคี ภาพคุณลุง
เฒ่าวัย 56 คนหนึ่งยื่นขวดน้ำดื่มให้เด็กน้อยไร้เดียงสาที่มากับคุณแม่สุดสวย ทั้งคุณ
แม่น้องเพ้นท์ คุณ
แม่น้องเบนส์ มากันพร้อมหน้าด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพและความจริงใจ
น้ำมิตรน้ำใจของคนเสื้อแดง แผ่กระจายไปทั่วทุกซอกทุกซอนไม่เว้นแม้ซอก
ซอนต๊อกต๋อย
... พลันนั้น ! ท้องทะเลที่น่ารื่นรมย์เมื่อครู่ กลายเป็นสีแดงเพลิง ปรากฏร่างๆหนึ่งสี
เขียวใสแสงดั่งปีกแมลงทับ ใบหน้าถมิงทึง ลำคอคล้องด้วย
บงบุษบาสีดำ บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎขนนกคล้ายเคยเป็น
อดีตหัวหน้าเผ่าดึกดำบรรพ์ ในมือถือไม้คล้าย
ศรอรชุนหัก เยื้องกรายออกมาจากโคนต้นม่วงคัน
จิ้งจกน่าหยอก ตกใจร้องทักขึ้นด้วยเสียงอันดัง แต่พลังเสียงที่น้อยนิดหรือจะนำพา
...หญิงสาวเพ่งดูร่างนั้นด้วยสายตาที่ไม่กระพริบ จากภาพที่เลือนรางค่อยๆเด่นชัดขึ้น ชัดขึ้น ... ร่างสีเขียวนั้น กลายเป็นชุดพรางคล้ายชุดทหาร มงกุฎนั้นก็คือหมวก ในมือที่ตอนแรกเห็นเป็นศรนั้นแท้จริงคือสไนเปอร์ ส่วนดอกไม้สีดำที่คล้องคออยู่นั้น มันคือสายกระสุนสีดำเพชฌฆาต ต้นม่วงคันใหญ่กลายเป็นรางรถไฟฟ้า บีทีเอส และทะเลสีแดงเพลิง .... มันคือสีของเสื้อแดงที่อาบโชกไปด้วยเลือด ... 90 กว่าศพ !!
เสียงกรีดโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่น เหงื่อออกท่วมตัว แต่หัวใจเต้นแรง เมื่อเห็นรูปภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง ทานยาแล้วใช่ไหม?” เสียงห่วงใยแฝงอาทรดังมาตามสาย ....อาการปวดและหนักอึ้งบนศีรษะหายไป กลายเป็นความเบาโล่งและปลอดโปร่งเข้ามาแทน
......................................................
ปล. นิยายเรื่องนี้เขียนมาจากเรื่องจริง .... สืบเนื่องมาจากอาการเพ้อไข้ของ จขกท. เองค่ะ อิอิ
+ + + + + ขอส่งเรื่องสั้นเข้าประกวดด้วยคนค่ะ + + + + +
ปล. 2 นิยายนี้มีพาดพิงหลายล็อกอิน หากทำให้ไม่พอใจ จขกท. ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ปล. 3 จะมีใครบ้าง ตามอ่านกันเลยนะคะ
...................................................
แสงแดดกระทบผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มกลายเป็นประกายระยิบระยับสะท้อนขึ้นมาจากท้องทะเลกว้างใหญ่ ประดุจประกายแสงของเพชร .... เพชรแห่งท้องทะเลสีน้ำเงิน .... เพชรน้ำนิล
หญิงสาวนั่งอยู่บนเวิ้งหน้าผา ใต้ต้นมะม่วงคันต้นใหญ่ มะม่วงชนิดนี้เป็นมะม่วงป่าที่ผลดิบของมันเปรี้ยวจัด มียางมาก แม้เมื่อผลสุกแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครเก็บมารับประทาน เพราะเนื้อน้อย เม็ดในใหญ่ มันจึงเป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม เพราะหาประโยชน์ได้น้อยนิด แต่เมื่อต้นมันเกิดในป่าเขาที่ผู้คนเข้าไปบุกรุกได้ยาก มันจึงอยู่ยงคงกะพันมาหลายปี กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเป็นที่อาศัยของหมู่นกกระจิบ นกกระจอก ชะนี และอีแร้ง ...
จุดที่หญิงสาวนั่งอยู่นี้หากทอดสายตามองลงไปด้านล่างเห็นทะเลสะท้อนแสงแดดเป็นสีเงินยวงเวิ้งว้างตัดเส้นขอบฟ้าอันไกลลิบ ... เป็นจุดเชื่อมของ ภูเขาทะเล
สายลมสบาย ประดุจหนึ่งสายลมรักพัดผ่านผิวกาย กลิ่นหอมอ่อนของดอกจำปูน ละมุนละไมมากับสายลม หญิงสาวหลับตาลงพร้อมสูดหายใจรับเอาอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ....ปล่อยใจให้ล่องลอยอิสระเข้าสู่ภวังค์ หลังจากที่เหนื่อยล้าคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงานมานาน
เนิ่น...นาน...ผ่านไป ...พระจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นเหนือน้ำส่องแสงทองรำไรไปทั่วดังกับคำกล่าวที่ว่าคืนบางระจันวันเพ็ญ หูแว่วได้ยินเสียงพิณดังมาจาก สายพิณ ชั้นดีที่ประดิษฐ์ขึ้นจากบรมครูแห่งพิณ ..จิตกระหวัดตระกองขวัญ หวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งไปชุมนุมเมื่อปี 2553 ถนนราชดำเนินทั้งสายเป็นสีแดงแห่งความสามัคคี ภาพคุณลุงเฒ่าวัย 56 คนหนึ่งยื่นขวดน้ำดื่มให้เด็กน้อยไร้เดียงสาที่มากับคุณแม่สุดสวย ทั้งคุณแม่น้องเพ้นท์ คุณแม่น้องเบนส์ มากันพร้อมหน้าด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพและความจริงใจ น้ำมิตรน้ำใจของคนเสื้อแดง แผ่กระจายไปทั่วทุกซอกทุกซอนไม่เว้นแม้ซอกซอนต๊อกต๋อย
... พลันนั้น ! ท้องทะเลที่น่ารื่นรมย์เมื่อครู่ กลายเป็นสีแดงเพลิง ปรากฏร่างๆหนึ่งสีเขียวใสแสงดั่งปีกแมลงทับ ใบหน้าถมิงทึง ลำคอคล้องด้วยบงบุษบาสีดำ บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎขนนกคล้ายเคยเป็นอดีตหัวหน้าเผ่าดึกดำบรรพ์ ในมือถือไม้คล้ายศรอรชุนหัก เยื้องกรายออกมาจากโคนต้นม่วงคัน จิ้งจกน่าหยอก ตกใจร้องทักขึ้นด้วยเสียงอันดัง แต่พลังเสียงที่น้อยนิดหรือจะนำพา
...หญิงสาวเพ่งดูร่างนั้นด้วยสายตาที่ไม่กระพริบ จากภาพที่เลือนรางค่อยๆเด่นชัดขึ้น ชัดขึ้น ... ร่างสีเขียวนั้น กลายเป็นชุดพรางคล้ายชุดทหาร มงกุฎนั้นก็คือหมวก ในมือที่ตอนแรกเห็นเป็นศรนั้นแท้จริงคือสไนเปอร์ ส่วนดอกไม้สีดำที่คล้องคออยู่นั้น มันคือสายกระสุนสีดำเพชฌฆาต ต้นม่วงคันใหญ่กลายเป็นรางรถไฟฟ้า บีทีเอส และทะเลสีแดงเพลิง .... มันคือสีของเสื้อแดงที่อาบโชกไปด้วยเลือด ... 90 กว่าศพ !!
เสียงกรีดโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่น เหงื่อออกท่วมตัว แต่หัวใจเต้นแรง เมื่อเห็นรูปภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง ทานยาแล้วใช่ไหม?” เสียงห่วงใยแฝงอาทรดังมาตามสาย ....อาการปวดและหนักอึ้งบนศีรษะหายไป กลายเป็นความเบาโล่งและปลอดโปร่งเข้ามาแทน
......................................................
ปล. นิยายเรื่องนี้เขียนมาจากเรื่องจริง .... สืบเนื่องมาจากอาการเพ้อไข้ของ จขกท. เองค่ะ อิอิ