วันไหนว่างๆ ผมชอบไปหากระทู้เก่าๆ ย้อนหลังหลายปีมานั่งอ่าน ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นเหมือนผมรึเปล่า?
วันนี้ก็เหมือนเดิมครับ นั่งคุ้ยหาข้อมูลเก่าๆมาอ่านเล่น เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วย
(^________^)
*ขอปรับย่อหน้าและตัดทอนบางข้อความจากต้นฉบับนิดนึง เพื่อจะได้อ่านได้อย่างต่อเนื่องง่ายขึ้นครับ
=======================================================
ก่อนอื่นต้องขอคารวะผู้รู้หลายท่านในห้องนี้ก่อนนะครับ เนื่องด้วยประสบการณ์ของผมอาจจะไม่มากเพียงพอ ถ้ายังไงก็อย่าถือสาหากมีข้อด้อยนะครับ
อืม..ถ้าท้าวความประวัติผมเอาคร่าวๆดีกว่านะครับ ส่วนแนวความคิดของผมเองผมอาจจะพูดมากหน่อย ผมได้เรียนรู้เรื่องหุ้นเพิ่มขึ้นมากมายก็เนื่องมาจากผมชนะเลิศแข่งหุ้นแล้วมีนักลงทุนฝรั่งมาสนใจจึงได้ศึกกษาและทำงานกับเค้าบ้าง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกใช่มั้ยครับ ผมว่าเอาเป็นผมได้เรียนรู้อะไรมาบ้างดีกว่า มาให้กำลังใจคนที่พยามครับ จะได้มีกำลังใจ
ความสามารถในการซื้อ-ขายหุ้น เราสามารถฝึกฝนได้ครับ เพราะเมื่อก่อนผมเป็นยิ่งกว่าแมงเม่าอีก เพราะยังไม่ทันบินเข้ากองไฟก็ตายเสียแล้ว อิอิ เรื่องขาดทุนเป็นเรื่องปกติครับเพียงแต่ว่าเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มหรือเปล่าจากการขาดทุนครั้งนั้นๆ หากเราไม่เรียนรู้อะไรแล้วเอาแต่โทษสภาวะแวดล้อมรอบด้าน เช่น รัฐบาล ฝรั่ง การก่อการร้าย ราคาน้ำมัน เฮดจ์ฟัน กลต.(อิอิ) นั่นก็แสดงว่าเราไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลยที่จะเข้ามาในสนามแห่งนี้ เพราะการกำไรขาดทุนจริงๆแล้วการตัดสินใจมันเริ่มอยู่ที่ตัวเราเองก่อนทั้งนั้นครับ ซึ่งเป็นธรรมดาถ้าเราไม่ได้เตรียมการอะไรเลยหากเกิดเหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยเข้ามาผลกระทบก็ย่อมเกิดขึ้นกับตัวเราเต็มๆครับ
เกริ่นมานานแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ สำหรับความพร้อมที่ผมคิดว่าต้องมีก่อนเข้าสู่เกมการเงินแบบนี้ นั้นมีแนวความคิดคร่าวๆดังนี้ครับ
1. การเข้ามาในตลาดหุ้น อย่าหวังเพียงเพื่อเป็นการเข้ามาหาเงินง่ายหรือเป็นการสร้างความร่ำรวยทางลัด หรือจะเรียกว่าอิสระทางการเงินอะไรก็แล้วแต่ปัจจุบันจะสรรหาคำพูดมา เพราะ เป้าล่อเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งดึงดูดเม็ดเงินของบรรดาเหล่านักล่า(ไม่พูดนะครับว่านักล่าเป็นพวกไหนบ้างละไว้แล้วกัน) ถ้าไม่มีผู้เล่นเข้ามามันจะล่าใครล่ะครับ ล่ากันเองนี่เหนื่อยนะครับ อย่างงนะครับว่าอ้าวถ้าไม่เข้ามาหาตังค์หรือทำเงินแล้วจะเข้ามาทำ....อะไร
จริงๆแล้วที่ผมพูดมันมีผลทางจิตวิทยากับสมองหรือระบบความคิดของเรานะครับ เพราะ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรามุ่งแต่จะทำเงินอย่างเดียวสิ่งที่สมองเรามองหาก็คือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในรูปแบบต่างๆที่จะทำเงินให้เราได้ เสร็จนักล่าล่ะครับ มันก็ทำรูปแบบต่างๆให้ดูว่าราคาหุ้นที่คุณจะซื้อดูทุกอย่างดี ข่าวก็เยี่ยม เทคนิคสวย(เรื่องเทคนิคเป็นเรื่องสำคัญ ไว้จะมาคุยต่อทีหลังนะครับ)
----> สรุปก็คือการมองแต่จะทำเงินอย่างเดียวมันกลับทำให้ระบบความคิดของสมองเราถูกจำกัดให้แคบลง เพราะเราเป็นคนไปโปรแกรมสมองมันเองว่าเป้าหมายจะทำเงิน ดังนั้น ระบบสมองซึ่งรับฟังคำสั่งโปรแกรมของเราก็จะมองอยู่ในกรอบเท่าที่เราโปรแกรมไว้ครับ ทำให้เราสงสัยว่าปัญหาเดิมๆทำไมเกิดขึ้นกับเราตลอดเช่น ขายขาดทุนปุ๊บขึ้นปั๊บ เป็นต้น
---> สำหรับผมเลยโปรแกรมสอมงมันใหม่ว่าเข้ามาเพื่ออยากจะดวลสมองหรือเล่ห์เหลี่ยม อ่านเกม กับคนเก่งๆหลายๆท่านในตลาด แล้วฝีมือของผมก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างสังเกตุได้ครับ(เมื่อก่อนเคยคิดเหมือนกันว่าฝีมือระดับนี้คงพอแล้วตอนชนะเลิศหุ้น แต่พอได้เรียนรู้จากนักลงทุนฝรั่งทำให้รู้ว่าขีดความสามารถในการเทรดของคนเรานี่มันน่ากลัวจริงๆ จริงเป็นพวกมืออาชีพระดับตลาดอินเตอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ให้ลองจินตนาการว่าผมเป็นแค่นักกีฬาชนะเลิศของจังหวัด แต่ ต้องเจอกับนักกีฬาโอลิมปิกอย่างนี้เป็นต้น (บางทีเราเวลาเราดูกีฬาระดับโลกเรายอมรับเพราะเห็นว่าระดับความแตกต่างของฝีมือมันมากเหลือเกิน แต่เวลาเกมตลาดเงินเรามักคิดเองว่าพวกนี้ไม่เท่าไร เห็นได้จากการไปดวลต่อสู้ต่างๆในเกมการเงินระดับนานาชาติที่เรามักต้องแบกรับความเจ็บปวดกลับมา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะสู้เค้าไม่ได้นะครับ ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ผมเคยเห็นคนไทยในระดับนานาชาติเก่งๆเยอะเหมือนกัน)
เนื้อหาดีๆ จากปี'47
วันนี้ก็เหมือนเดิมครับ นั่งคุ้ยหาข้อมูลเก่าๆมาอ่านเล่น เลยเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วย
(^________^)
*ขอปรับย่อหน้าและตัดทอนบางข้อความจากต้นฉบับนิดนึง เพื่อจะได้อ่านได้อย่างต่อเนื่องง่ายขึ้นครับ
=======================================================
ก่อนอื่นต้องขอคารวะผู้รู้หลายท่านในห้องนี้ก่อนนะครับ เนื่องด้วยประสบการณ์ของผมอาจจะไม่มากเพียงพอ ถ้ายังไงก็อย่าถือสาหากมีข้อด้อยนะครับ
อืม..ถ้าท้าวความประวัติผมเอาคร่าวๆดีกว่านะครับ ส่วนแนวความคิดของผมเองผมอาจจะพูดมากหน่อย ผมได้เรียนรู้เรื่องหุ้นเพิ่มขึ้นมากมายก็เนื่องมาจากผมชนะเลิศแข่งหุ้นแล้วมีนักลงทุนฝรั่งมาสนใจจึงได้ศึกกษาและทำงานกับเค้าบ้าง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกใช่มั้ยครับ ผมว่าเอาเป็นผมได้เรียนรู้อะไรมาบ้างดีกว่า มาให้กำลังใจคนที่พยามครับ จะได้มีกำลังใจ
ความสามารถในการซื้อ-ขายหุ้น เราสามารถฝึกฝนได้ครับ เพราะเมื่อก่อนผมเป็นยิ่งกว่าแมงเม่าอีก เพราะยังไม่ทันบินเข้ากองไฟก็ตายเสียแล้ว อิอิ เรื่องขาดทุนเป็นเรื่องปกติครับเพียงแต่ว่าเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มหรือเปล่าจากการขาดทุนครั้งนั้นๆ หากเราไม่เรียนรู้อะไรแล้วเอาแต่โทษสภาวะแวดล้อมรอบด้าน เช่น รัฐบาล ฝรั่ง การก่อการร้าย ราคาน้ำมัน เฮดจ์ฟัน กลต.(อิอิ) นั่นก็แสดงว่าเราไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลยที่จะเข้ามาในสนามแห่งนี้ เพราะการกำไรขาดทุนจริงๆแล้วการตัดสินใจมันเริ่มอยู่ที่ตัวเราเองก่อนทั้งนั้นครับ ซึ่งเป็นธรรมดาถ้าเราไม่ได้เตรียมการอะไรเลยหากเกิดเหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยเข้ามาผลกระทบก็ย่อมเกิดขึ้นกับตัวเราเต็มๆครับ
เกริ่นมานานแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่าเนอะ สำหรับความพร้อมที่ผมคิดว่าต้องมีก่อนเข้าสู่เกมการเงินแบบนี้ นั้นมีแนวความคิดคร่าวๆดังนี้ครับ
1. การเข้ามาในตลาดหุ้น อย่าหวังเพียงเพื่อเป็นการเข้ามาหาเงินง่ายหรือเป็นการสร้างความร่ำรวยทางลัด หรือจะเรียกว่าอิสระทางการเงินอะไรก็แล้วแต่ปัจจุบันจะสรรหาคำพูดมา เพราะ เป้าล่อเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งดึงดูดเม็ดเงินของบรรดาเหล่านักล่า(ไม่พูดนะครับว่านักล่าเป็นพวกไหนบ้างละไว้แล้วกัน) ถ้าไม่มีผู้เล่นเข้ามามันจะล่าใครล่ะครับ ล่ากันเองนี่เหนื่อยนะครับ อย่างงนะครับว่าอ้าวถ้าไม่เข้ามาหาตังค์หรือทำเงินแล้วจะเข้ามาทำ....อะไร
จริงๆแล้วที่ผมพูดมันมีผลทางจิตวิทยากับสมองหรือระบบความคิดของเรานะครับ เพราะ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรามุ่งแต่จะทำเงินอย่างเดียวสิ่งที่สมองเรามองหาก็คือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในรูปแบบต่างๆที่จะทำเงินให้เราได้ เสร็จนักล่าล่ะครับ มันก็ทำรูปแบบต่างๆให้ดูว่าราคาหุ้นที่คุณจะซื้อดูทุกอย่างดี ข่าวก็เยี่ยม เทคนิคสวย(เรื่องเทคนิคเป็นเรื่องสำคัญ ไว้จะมาคุยต่อทีหลังนะครับ)
----> สรุปก็คือการมองแต่จะทำเงินอย่างเดียวมันกลับทำให้ระบบความคิดของสมองเราถูกจำกัดให้แคบลง เพราะเราเป็นคนไปโปรแกรมสมองมันเองว่าเป้าหมายจะทำเงิน ดังนั้น ระบบสมองซึ่งรับฟังคำสั่งโปรแกรมของเราก็จะมองอยู่ในกรอบเท่าที่เราโปรแกรมไว้ครับ ทำให้เราสงสัยว่าปัญหาเดิมๆทำไมเกิดขึ้นกับเราตลอดเช่น ขายขาดทุนปุ๊บขึ้นปั๊บ เป็นต้น
---> สำหรับผมเลยโปรแกรมสอมงมันใหม่ว่าเข้ามาเพื่ออยากจะดวลสมองหรือเล่ห์เหลี่ยม อ่านเกม กับคนเก่งๆหลายๆท่านในตลาด แล้วฝีมือของผมก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างสังเกตุได้ครับ(เมื่อก่อนเคยคิดเหมือนกันว่าฝีมือระดับนี้คงพอแล้วตอนชนะเลิศหุ้น แต่พอได้เรียนรู้จากนักลงทุนฝรั่งทำให้รู้ว่าขีดความสามารถในการเทรดของคนเรานี่มันน่ากลัวจริงๆ จริงเป็นพวกมืออาชีพระดับตลาดอินเตอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ให้ลองจินตนาการว่าผมเป็นแค่นักกีฬาชนะเลิศของจังหวัด แต่ ต้องเจอกับนักกีฬาโอลิมปิกอย่างนี้เป็นต้น (บางทีเราเวลาเราดูกีฬาระดับโลกเรายอมรับเพราะเห็นว่าระดับความแตกต่างของฝีมือมันมากเหลือเกิน แต่เวลาเกมตลาดเงินเรามักคิดเองว่าพวกนี้ไม่เท่าไร เห็นได้จากการไปดวลต่อสู้ต่างๆในเกมการเงินระดับนานาชาติที่เรามักต้องแบกรับความเจ็บปวดกลับมา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะสู้เค้าไม่ได้นะครับ ถ้าเราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ผมเคยเห็นคนไทยในระดับนานาชาติเก่งๆเยอะเหมือนกัน)