เรื่องนี้ผมจะมาพูดในความเกี่ยวพัน ระหว่าง ศรัทธา กับ ศาสนา และ ความเชื่อ
(ประเด็นแรกคือ ศรัทธา นั้น จำเป็น กับศาสนาไหม) ผมตอบเองก็ได้ ว่าจำเป็น กับทุกศาสนา เพราะ ถ้าไม่มี ศรัทธา ศาสนาคงไม่อยู่กันมาถึงทุกวันนี้ อันนี้คงไม่มีศาสนาไหนเถียง พอสรุปได้อย่างนี้ ว่า ศรัทธาจำเป็นกับศาสนา ผมก็จะพามาดูในประเด็นต่อไป
(ประเด็นที่สอง คือ ศรัทธานั้นคืออะไร ใช่ความเชื่อไหม หรือ คืออย่างอื่น) ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะ ถ้าเข้าใจ ศรัทธาผิด มันก็พาไปผิดทั้งหมด จากศรัทธา ที่มีคุณประโยชน์ จะกลายเป็น ความงมงายที่มีโทษมหาศาล ถ้าเราเหมาไปว่า ศรัทธา คือ ความเชื่อ จะเกิดโทษยังไง
1. ความเชื่อ ทำให้โง่ คนเราเมื่อเชื่อมากๆ ก็ จะมีความเข้าใจน้อย เพราะไม่ค่อยได้ใช้ พอไม่ใช้ บ่อยก็ กลายเป็นคน ไม่มีเหตุผล
2. ความเชื่อ ทำให้ทำเลว เมื่อคนเราเชื่อมากๆ ใครที่เราเชื่อ ให้เราทำอะไรเราก็ทำ ขาดสติยับยั่งชั่งใจ ต่อให้เลวร้ายแค่ไหนก็ทำ
3. ความเชื่อ ทำให้เสียทรัพย์ เมื่อคนเราเชื่อมากๆ ก็ทำให้เสียทรัพย์ได้ จากสิ่งที่เราเชื่อ โดนหลอกให้เสียทรัพแลกกับสิ่งที่เชื่อ
ทั้ง 3 ข้อนี้ผมไม่ได้พูดลอยๆ มันมีทั้งเหตุผลและหลักฐานรองรับ ดู จากที่คนเราฆ่ากัน ทะเลาะกันเพราะเรื่องศาสนา มีให้เห็นทั่วโลก ด้วยเหตุเพราะ เชื่อต่างกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ คนเราเสียทรัพย์ เพราะความเชื่อมากมาย ทั้ง หมอดู หวย
ธรรมกาย ( ที่สอนให้เสียทรัพย์ ) จนหมดเนื้อหมดตัว เดือดร้อนลูกเมีย ญาติมิตร ตอนให้ได้บุญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนจะ เอาตังคืนขอบุญ ไปแลก เจ้าอาวาสก็ไม่ยอม
(ฉะนั้นผมจึงสรุปได้เลยว่า ศรัทธา ไม่ใช่ความเชื่อ แต่ ศรัทธา คือ ความมุ่งมั่น เข้าใจ ในหลักคำสอน) นี่ต่างหากคือศรัทธา ลองคิดดู ถ้า คริสมุ่งมั่นและเข้าใจ ใน ความรัก อิสลาม มุ่งมั่นและเข้าใจ ในสันติ สงครามจะเกิดได้ไหม และ ถ้าพุทธ มุ่งมั่นเข้าใจในหลักความมีเหตุผลและพิสูจณ์ได้ แค่ธรรมที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะมีใครหมดตัว เพราะเสียตังค์ให้ธรรมกายไหม ( โดนหลอกว่าบุญของธรรมกายเป็นที่พึ่งแห่งตน )
แล้วผมไม่ได้พูดลอยๆหรือคิดเอาเอง ในคำสอนของศาสนา มีสอนไว้ ถ้าพุทธ คือกาลามสูตร อย่าปลงใจเชื่อ 10 ประการ ให้ใช้ความเข้าใจ ( ใครจะแถ จะสลิ่มยังไง ก็ฟังไม่ขึ้น ) ในศาสนาคริสตร์เองก็มี คือ จงเชื่อในพระเจ้า ( งงละสิ ) จงเชื่อในพระเจ้าก็คือ ให้เชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่ให้เชื่อ คนที่อ้างพระเจ้า ไม่ได้ให้เชื่อ ประมุขศาสนา แต่ให้เชื่อในพระเจ้า ถ้าไม่ใช่พระเจ้าตรัส เราก็ควรจะคิดไตร่ตรองพิจารณา ไม่ใช่ใครอ้างพระเจ้าเราก็เหโลไปหมด ต่อให้ มีคนเหาะลงมาจากบนฟ้า เราก็ต้องมี ความเข้าใจ ไตร่ตรอง ว่านั้นพระเจ้าหรือซาตาน ถ้าเข้าใจถ่องแท้ว่าพระเจ้าแน่ๆ แล้วค่อยเชื่อ
แล้วถ้าย้อนไปดูอดีต ทั้งพุทธ คริส อิสลาม เผยแพร่ ศาสนา ได้ ก็เพราะ ความมีเหตุผลและ เข้าใจของคนเรา ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้ว เชื่อคริสอิสลามเลย เราก็ใช้ความเข้าใจ ถึงได้เลือกเชื่อ แต่มาวันนี้ ทำไมเราถึงจะเชื่อโดยไม่เข้าใจ
อยากให้เป็นอุทาหรไว้ กลุ่มคนที่พยายามสะกดจิต เราว่าศรัทธาคือ ความเชื่อ คือพวกชนชั้นปกครอง อยากให้ ประชาชนโง่ จะได้สนตะพายง่ายๆ แล้วมาบิดเบือน คำสอนที่ดีอยู่แล้วของศาสดาเรา
ลองคิดดูอีกนิด ถ้าโลกนี้ เข้าใจในศรัทธา ตรงกันที่ว่า คือความมุ่งมั่นในความเข้าใจ เราจะทะเลาะกันเพราะศาสนาได้ไหม จะมีการล่าแม่มดไหม จะมีสงครามจากศาสนาได้ยังไง และ ที่สำคัญ คงไม่มีใครหมดตัวเพราะธรรมกาย
ศาสนา ศรัทธา กับ ความเชื่อ
(ประเด็นแรกคือ ศรัทธา นั้น จำเป็น กับศาสนาไหม) ผมตอบเองก็ได้ ว่าจำเป็น กับทุกศาสนา เพราะ ถ้าไม่มี ศรัทธา ศาสนาคงไม่อยู่กันมาถึงทุกวันนี้ อันนี้คงไม่มีศาสนาไหนเถียง พอสรุปได้อย่างนี้ ว่า ศรัทธาจำเป็นกับศาสนา ผมก็จะพามาดูในประเด็นต่อไป
(ประเด็นที่สอง คือ ศรัทธานั้นคืออะไร ใช่ความเชื่อไหม หรือ คืออย่างอื่น) ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะ ถ้าเข้าใจ ศรัทธาผิด มันก็พาไปผิดทั้งหมด จากศรัทธา ที่มีคุณประโยชน์ จะกลายเป็น ความงมงายที่มีโทษมหาศาล ถ้าเราเหมาไปว่า ศรัทธา คือ ความเชื่อ จะเกิดโทษยังไง
1. ความเชื่อ ทำให้โง่ คนเราเมื่อเชื่อมากๆ ก็ จะมีความเข้าใจน้อย เพราะไม่ค่อยได้ใช้ พอไม่ใช้ บ่อยก็ กลายเป็นคน ไม่มีเหตุผล
2. ความเชื่อ ทำให้ทำเลว เมื่อคนเราเชื่อมากๆ ใครที่เราเชื่อ ให้เราทำอะไรเราก็ทำ ขาดสติยับยั่งชั่งใจ ต่อให้เลวร้ายแค่ไหนก็ทำ
3. ความเชื่อ ทำให้เสียทรัพย์ เมื่อคนเราเชื่อมากๆ ก็ทำให้เสียทรัพย์ได้ จากสิ่งที่เราเชื่อ โดนหลอกให้เสียทรัพแลกกับสิ่งที่เชื่อ
ทั้ง 3 ข้อนี้ผมไม่ได้พูดลอยๆ มันมีทั้งเหตุผลและหลักฐานรองรับ ดู จากที่คนเราฆ่ากัน ทะเลาะกันเพราะเรื่องศาสนา มีให้เห็นทั่วโลก ด้วยเหตุเพราะ เชื่อต่างกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ คนเราเสียทรัพย์ เพราะความเชื่อมากมาย ทั้ง หมอดู หวย ธรรมกาย ( ที่สอนให้เสียทรัพย์ ) จนหมดเนื้อหมดตัว เดือดร้อนลูกเมีย ญาติมิตร ตอนให้ได้บุญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนจะ เอาตังคืนขอบุญ ไปแลก เจ้าอาวาสก็ไม่ยอม
(ฉะนั้นผมจึงสรุปได้เลยว่า ศรัทธา ไม่ใช่ความเชื่อ แต่ ศรัทธา คือ ความมุ่งมั่น เข้าใจ ในหลักคำสอน) นี่ต่างหากคือศรัทธา ลองคิดดู ถ้า คริสมุ่งมั่นและเข้าใจ ใน ความรัก อิสลาม มุ่งมั่นและเข้าใจ ในสันติ สงครามจะเกิดได้ไหม และ ถ้าพุทธ มุ่งมั่นเข้าใจในหลักความมีเหตุผลและพิสูจณ์ได้ แค่ธรรมที่ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะมีใครหมดตัว เพราะเสียตังค์ให้ธรรมกายไหม ( โดนหลอกว่าบุญของธรรมกายเป็นที่พึ่งแห่งตน )
แล้วผมไม่ได้พูดลอยๆหรือคิดเอาเอง ในคำสอนของศาสนา มีสอนไว้ ถ้าพุทธ คือกาลามสูตร อย่าปลงใจเชื่อ 10 ประการ ให้ใช้ความเข้าใจ ( ใครจะแถ จะสลิ่มยังไง ก็ฟังไม่ขึ้น ) ในศาสนาคริสตร์เองก็มี คือ จงเชื่อในพระเจ้า ( งงละสิ ) จงเชื่อในพระเจ้าก็คือ ให้เชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่ให้เชื่อ คนที่อ้างพระเจ้า ไม่ได้ให้เชื่อ ประมุขศาสนา แต่ให้เชื่อในพระเจ้า ถ้าไม่ใช่พระเจ้าตรัส เราก็ควรจะคิดไตร่ตรองพิจารณา ไม่ใช่ใครอ้างพระเจ้าเราก็เหโลไปหมด ต่อให้ มีคนเหาะลงมาจากบนฟ้า เราก็ต้องมี ความเข้าใจ ไตร่ตรอง ว่านั้นพระเจ้าหรือซาตาน ถ้าเข้าใจถ่องแท้ว่าพระเจ้าแน่ๆ แล้วค่อยเชื่อ
แล้วถ้าย้อนไปดูอดีต ทั้งพุทธ คริส อิสลาม เผยแพร่ ศาสนา ได้ ก็เพราะ ความมีเหตุผลและ เข้าใจของคนเรา ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้ว เชื่อคริสอิสลามเลย เราก็ใช้ความเข้าใจ ถึงได้เลือกเชื่อ แต่มาวันนี้ ทำไมเราถึงจะเชื่อโดยไม่เข้าใจ
อยากให้เป็นอุทาหรไว้ กลุ่มคนที่พยายามสะกดจิต เราว่าศรัทธาคือ ความเชื่อ คือพวกชนชั้นปกครอง อยากให้ ประชาชนโง่ จะได้สนตะพายง่ายๆ แล้วมาบิดเบือน คำสอนที่ดีอยู่แล้วของศาสดาเรา
ลองคิดดูอีกนิด ถ้าโลกนี้ เข้าใจในศรัทธา ตรงกันที่ว่า คือความมุ่งมั่นในความเข้าใจ เราจะทะเลาะกันเพราะศาสนาได้ไหม จะมีการล่าแม่มดไหม จะมีสงครามจากศาสนาได้ยังไง และ ที่สำคัญ คงไม่มีใครหมดตัวเพราะธรรมกาย