วิปลาส

กระทู้สนทนา
ชายหนุ่ม รูปร่าง  หน้าตาดี  ตี๋ๆ ใส่แว่น  แลดูเป็นหนุ่มออฟฟิต  นั่งเงียบๆ อยู่ในร้านเหล้ากระจอกๆ แห่งหนึ่ง ตรงหน้ามีแก้ววางอยู่พร้อมกับน้ำสีทองอำพันเต็มแก้ว
เขายกแก้วขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดพร้อมกับสั่ง บาร์เทรนเดอร์  “ส่งมาให้อีก”
ใช่แล้ว ชายคนนั้นคือ ผมเอง

ผมมองดูซองสีขาวในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต  หลังจากดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งแก้วใหญ่  ภายในซองมีเงินจำนวนหนึ่ง คงประมาณ เงินเดือนคุณสาม  ตามอายุงานที่ผมควรจะได้หลังจากถูก”ให้ออก”
น้ำสีทองอำพัน ในแก้วเบียร์ใบใหญ่ ถูกวางมาไว้ตรงหน้าผมอีก  ผมยกขึ้นดื่ม  เหมือนคนกระหายอย่างหนัก  รวดเดียว หมดไปอีกหนึ่งแก้ว
“ไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ ร้านเราปิด ตี สอง และนี่ก็พึ่งจะ สองทุ่มเอง”  บาร์เทรนเดอร์แซวผม
ผมมองหน้าหมอนั่นไม่พูดอะไร  แต่ในใจคิด  “เรื่องของกู  กูมีเงินจ่าย”
แก้วที่สาม ถูกวางไว้ตรงหน้าผมอีก  คราวนี้ ผมกระดกไปครึ่งแก้ว  ท้องเริ่มอิ่ม  ใบหน้าเริ่มตึง นั่นบ่งบอกว่า ผมเริ่ม “เมา” แล้ว  และทำให้ผมรู้ว่า  การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากๆ นอกจากจะทำให้ ”ตับแข็ง” แล้ว ยังทำให้ ”คอแข็ง” ด้วย  เมื่อก่อนผมดื่มแค่ แก้วเดียว ผมก็เมาแล้ว ตอนนี้ ต้องสามแก้ว  ขึ้นไป  ถึงจะเริ่ม “ลืมความทุกข์ และสนุกกับค่ำคืนที่เดียวดาย”
“ช่างมัน อะไรจะเกิด ก็ปล่อยให้มันเกิดไป”  ผมคิดพลาง ยกขึ้นดื่มหมดไปอีกแก้ว
ผมแค่อยากจะลืมเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายของวันนี้เท่านั้น
.......

8:00 น.
ผมรีบกุลีกุจอออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ในบริษัท มหาชน แห่งหนึ่ง  วันนี้มีประชุมนัดสำคัญ  เรื่องการปรับโครงสร้างตำแหน่งต่างๆ ของบริษัทต่อบอร์ดคณะผู้บริหาร ซึ่งไม่แน่ว่า ผมอาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจาก ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก เป็นรองผู้จัดการแผนกเสียที  หลังจากอยู่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปี  ทางผู้จัดการก็รับปากผมมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่เราไปดื่มเลี้ยงฉลองกันทุกสิ้นเดือน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่เจ้าเล่ห์ของผู้จัดการ  รับปากผมทุกครั้งที่ผม หยิบบัตรเครดิตมา รูด เพื่อชำระค่า “สังสรรค์” ในแต่ละครั้ง  อย่างที่ผมปฏิเสธไม่ได้  
“เอาน่า ในการประชุมบอร์ดรอบหน้า ผมจะเสนอชื่อคุณให้เป็นรองผู้จัดการแผนก  เอ้อ...พอดีผมลืมเอากระเป๋าเงินมา คุณช่วยออกไปก่อนนะ”  ผู้จัดการตีหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  พร้อมกับพูดประโยคเดิมๆ  
ผมมาถึง สำนักงาน เกือบๆ เก้าโมง  มุ่งตรงไปที่ห้องประชุม  แต่ทว่าผมกลับไม่พบใครเลย  ผมเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ปลายสายคือเสียงผู้จัดการ สั่งให้ผมไปพบที่ห้องด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เช่นเดิม
ผมตรงไปเคาะประตูห้องด้วยใจระทึก  เหงื่อผุดซึมตรงหน้าผาก  ทุกครั้งที่ผมมีอาการตื่นเต้นก็จะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง  ผมมีคาดหวังอย่างมากที่จะได้รับข่าวดี  เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมา ไหว้พระบนหิ้ง และก้าวเท้าซ้ายก่อนออกจากบ้าน ด้วยความเชื่อว่า จะได้พบสิ่งดีๆ
“เข้ามา”  เสียงผู้จัดการดังมาจากข้างในห้อง  ผมเปิดประตูเข้าไป เห็นมีชายหนุ่มนั่งอยู่ด้วยคนหนึ่ง
“เชิญนั่ง”  ผู้จัดการเอ่ยเชิญชวน
“ผมมีเรื่องสำคัญแจ้งให้คุณทราบ เรื่องตำแหน่งงาน  ต่อไป หน้าที่ทั้งหมดของคุณผมจะให้ คุณสมชายเป็นคนดูแลแทนนะ  ส่วนคุณผมมีตำแหน่งใหม่ให้ และมีทางเลือกให้คุณ สองทาง” ผู้จัดการพูดเข้าประเด็นทันที  ผมรู้สึก ลิงโลด  นั่นไงๆ สิ่งที่อดทนรอคอยมานาน ยอมโดนหลอกให้เลี้ยงหลายครั้ง  กำลังจะปรากฏผลแล้ว  ตำแหน่ง รองผู้จัดการ พร้อมกับ เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว  
“คุณสมชาย เชิญคุณออกไปก่อน”  ผู้จัดการโบ้ยหน้าสั่งชายหนุ่มที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน  ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้และผละออกนอกห้องไป
“ส่วนคุณ ทางเลือกที่ว่า  คือ พอดีมีคำสั่งจากบอร์ดบริหารเรื่องโครงสร้างตำแหน่งงาน  ให้คุณสมชายดูแลงานแทนคุณทั้งหมด  และมีคำสั่งลดตำแหน่งคุณ พร้อมกับลดขึ้นเงินเดือนลงมา  ยี่สิบเปอร์เซ็นต์  หรือ  ถ้าคุณลาออกตอนนี้ เราอนุมัติเงินชดเชยให้คุณ สามเดือน คุณคิดว่า....”
รอยยิ้มบนใบหน้าผมเลือนหายไป  หัวใจหล่นวูบ  ความสับสน ความโกรธ ความแปลกใจ  ระคนกันหลากหลาย  ผมพึ่งเข้าใจคำว่า “งง เป็นไก่ตาแตก” ก็วันนี้เอง  หูผมเริ่มอื้ออึง หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม  ผมจำไม่ได้ว่า ผู้จัดการพูดอะไรต่ออีก แต่หูก็ยังแว่วประโยคสำคัญที่ทำให้ผม ตื่นจากภวังค์
“เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม  เป็นคำสั่งของบอร์ด ผมเสียใจด้วย  และผมคาดไม่ถึงว่าคุณจะเลือกอย่างหลัง คือ ลาออก  เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว ก็เชิญคุณออกไปเก็บข้าวของของคุณได้ และนี่คือ เงินชดเชยของคุณ”  น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ยังคงพล่ามต่อ  พร้อมยื่นซองขาวให้  ในขณะที่ผมจำไม่ได้ว่า ได้ตัดสินใจเลือกไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ผมเริ่มหน้ามืดอีกแล้ว
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่เดินมาถึงโต๊ะทำงาน   รู้สึกมีสายตาหลายคู่มองผมเหมือนเห็นคนแปลกหน้า ผมก้มหน้าเดิน ตรงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบของส่วนตัวสองสามอย่าง แล้วเดินออกจากสำนักงานไปยังรถเก๋งเก่าๆ  สตาร์ทเครื่องยนต์ และเหยียบคันเร่ง  รถพุ่งตัวออกไปยังท้องถนน หากแต่ไร้จุดหมาย

..........

ผมขับรถออกมาไกลแค่ไหนไม่รู้  ไฟสีเหลืองๆ ตรงมาตรวัดน้ำมัน เตือนว่าน้ำมันจะหมดแล้ว  ผมหันซ้ายหันขวา หาปั้ม ป้ายข้างหน้าไม่ไกล บอกทาง อีก  10 กิโลเมตร ถึง จังหวัด สุราษฎร์ธานี  ผมรู้แล้ว ผมจะไปไหน  ถือโอกาสพักผ่อนที่ทะเลแถวนี้ก็แล้วกัน  เกาะสมุย หรือ เกาะพงัน ก็ได้  เคยมีคนบอกผมว่า “เมื่อใจซวนเซ ทะเลคือที่หมาย”  บางทีการได้มองอะไรกว้างๆ ก็อาจทำให้เราคิดอะไรๆ ได้มากขึ้น
ผมแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม  ถือโอกาสเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย
ภาพในกระจกห้องน้ำ  เห็นใบหน้าของชายหนุ่มสวมแว่น  วัยสามสิบห้าปี ที่อมทุกข์  ดวงตาไร้แวว  ทำไมนะ โชคชะตามักเล่นตลกกับผมเสมอ  ผมล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า  
ผมดึงชายเสื้อออกมาหวังเอามาเช็ดหน้าที่เปียกจากการล้างหน้า  ก็ให้สะดุดกึก  ทำไมชายเสื้อเชิ้ตผมมีสีแดงเข้มติดมาเป็นจุดๆ เต็มไปหมด  ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง  แต่ช่างมันเหอะ คงโดนขวดหมึกสีแดงที่ไว้เติมแป้นพิมพ์ตรายางหล่นใส่ ตอนที่ไปเก็บของบนโต๊ะทำงานอย่างไม่รู้ตัว  ทั้งๆ ที่ผมเคยบอกเลขาฯ หลายต่อหลายครั้งว่า ใช้เสร็จให้ปิดฝาขวดให้สนิทด้วยทุกครั้ง  ผมกัดฟันกรอดๆ อย่างเจ็บแค้น เมื่อคิดว่า คงไม่สามารถกลับไปตำหนิเลขาฯ ได้อีก  ก็โดนให้ออกจากงานมาแล้วนี่นะ เอาไว้ให้เป็นภาระของ  “คุณสมชาย” หัวหน้าคนใหม่ของหลอนก็แล้วกัน
ผมกลับมาที่รถ และขับออกไปมุ่งตรงสู่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี  คิดว่าคงไปที่เกาะสมุย มันน่าจะไปง่ายกว่า เกาะพงัน  เกาะสวาท หาดสวรรค์ที่ผมเคยใฝ่ฝัน คิดจะไปหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส
ผมเลี้ยวรถเข้าไปที่ จุดต่อเรือ  ปรากฏว่า เรือหมดเที่ยวแล้ว เป็นรอบใหม่ก็พรุ่งนี้เช้าเลย
ผมจำเป็นต้องหาที่ค้างอ้างแรมสักคืน  อาจเป็นบังกะโลหรือโรงแรมเล็กๆ ราคาย่อมเยาสักแห่ง ซึ่งก็หาไม่ยากนัก ในช่วงโลว์ซีซันแบบนี้

...............

หลังจากได้กุญแจห้องพักแล้ว ผมพาร่างอันอ่อนล้าขึ้นห้อง และทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ ของโรงแรม ระดับ สามดาว เหตุการณ์วันนี้ยังคงเวียนวน อยู่ในกระโหลกผมตลอดเวลา  
“ไอ้ผู้จัดการเจ้าเล่ห์เอ้ย...เฮ็งซวยที่สุด”  ผมสบถพึมพลำ กัดฟันกรอดๆ
“อยากเมาว่ะ”  ผมคิด  

.............

เพียงไม่ถึงห้านาที  ผมก็พาตัวเองมาอยู่ร้านเหล้ากระจอกๆ แห่งหนึ่ง  ตั้งอยู่ข้างโรงแรม  ไฟในร้านเปิดให้สลัวๆ พอให้แขกมองเห็นเงาของตัวเอง  แอร์เย็นยะเยือก กลิ่นอับๆ ผสมกลิ่นควันบุหรีที่ถูกพ่นออกมาจากปากของแขกโต๊ะข้างๆ ซึ่งกำลังสวนเสเฮฮา  สุรา นารี ชายสามหญิงสาม  ช่างพอดีกันนัก...
ผมไม่ค่อยแปลกใจเลยว่า บรรดาพ่อค้าที่ ขายเหล้าขายเบียร์ ถึงร่ำรวยกันนัก  แม้จะมีการแข่งขันที่สูง  แต่ก็ไม่มีเจ้าไหนเลยที่ไม่รวย  เพราะผู้คนต่างผจญอยู่กับความเสียใจ ความเครียด ความดีใจ พ่อตาย แม่ยายเสีย เอะอะอะไร ก็ “เหล้า” “เบียร์”  ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น  มันช่วยได้จริงๆ  แม้จะมีการเตือนจากสื่อต่างๆ ว่าทำให้ “ตับแข็ง” แต่เชื่อเถอะว่ามันก็ทำให้ “ใจ” เรา “แข็งแรง”  และยังสร้างความ สุข หฤหรรษ์ เมามัน  ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้
นั่นเป็นสาเหตุทั้งหมดของการที่ผมต้องมานั่งอยู่ที่นี่  อยู่ที่ บาร์กระจอกๆ กับบาร์เทรนเดอร์จอมเจ๋อ.
เบียร์แก้วที่สี่วางตรงหน้า  ผมยกขึ้นดื่มอย่างไหลลื่น พลางก้มหน้ามองเสื้อตัวเอง  
“มันเปื้อนสีหมึกแบบนี้ มันจะซักออกไหมวะ”  ผมคิด

“”””””””””””””””””

ผมรู้สึกตัวตื่น  มองไปรอบถึงได้รู้ว่าเป็นห้องพักของโรงแรม  รู้สึกปวดหัวตุบๆ  คงจากฤทธิ์เมาค้างเมื่อคืน  ผมพยายามทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อคืนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้าง  จำไม่ได้  ผมจำอะไรไม่ได้เลย  รู้แต่ว่า มันสนุกมากๆ
ผมลากร่างกายอันกระปรกกระเปลี้ย  ตรงไปยังห้องน้ำ  หัวผมยังมีอาการวิ้งๆ  มึนๆ  
ประตูห้องน้ำถูกผลักเข้าไป  ภาพเบื้องหน้าทำให้ผมผงะ จนแทบช็อก
โอ...พระเจ้า  มีศพอยู่ในห้องน้ำ  เป็นหญิงสาว อายุประมาณ ยี่สิบปี นอนตายอยู่ในสภาพเปลือยจมกองเลือด  มีแผลเหวอะหวะทั่วตัว ที่ลำคอมีมีดปักอยู่มิดด้าม  ดวงตาของเธอ เบิกโพลงเหลือกออกมาจะถลนออกมานอนเบ้า ทั้งบริเวณห้องน้ำ  เต็มไปด้วยเลือด  อา....มีเหตุฆาตกรรมขึ้นที่ห้องผม   ผมผละออกจากประตู ห้องน้ำ แต่ร่างเซล้มทั้งยืน  และ ของเก่าเมื่อคืนก็ตืกลับ พุ่งสวนออกมาจากปากผม แทบหมดไส้หมดพุง  ผมก้มมองดูตัวเอง  สภาพเสื้อผ้าผมก็ขาดวิ่น  มีเลือดเต็มตัวผมไปหมด  
“อา...เกิดอะไรขึ้นกันนี่ เราเป็นฆาตกร ไม่นะ เราเป็นฆาตกร...”
เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่ม ผู้ล้มเหลวในชีวิต กรี๊ดลั่นอย่างกับหญิงสาวเจอกระเป๋าหลุยส์ลด 80% ในห้างแถวลาดพร้าว  
ย้อนกลับไปตั้งแต่เดินออกจากที่ทำงาน ชั่วพริบตา สติสัมปัชชัญญะ ของเขาดับวูบ  ใบหน้าที่มีเลือดกระเซ็นติดแว่นสายตาบนใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยมนั้น  แววตาที่ไร้ชีวิต เหม่อลอย ริมฝีปากแสยะยิ้มให้กับ “ศพ” ของผู้จัดการที่นอนจมกองเลือดฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน  ในมือของเขาถือแป้นทับกระดาษที่เปื้อนเลือด...

To be continue.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่