ผมดูสดอยู่เมื่อสักพักช่องยูโรสปอร์ต ทำงานไปด้วย ดูไปดูมาไม่ได้ทำงานเลย
เลยเห็นอานุภาพของจักรยานลู่ว่ามันคือพวกรถแดร๊ก หรือพวกควอเตอร์ไมล์ของจักรยาน อะไรทำนองนี้นี่เอง
เป็นจักรยานที่สุดยอดจริงๆรถลู่เนี่ย เกิดมาไม่ทำอะไร สปรินท์เท่านั้น
คือทำไมมันไม่ปล่อยพร้อมกันน่ะครับ แบบควอเตอร์ไมล์ไปเลย เลนไม่พอก็ไม่ใช่เพราะแข่งแค่ทีละ 2 คัน จะว่าสนามโค้งก็สตาร์ทเอียงแบบวิ่งร้อยเมตรก็น่าจะเป๊ะกว่าว่าใครไวกว่าใครนะ
อันนี้ให้มาวิ่งดักหน้าดักหลัง แถมมีคอยเบียดคอยชลออีกฝ่ายมันดูพิลึกอยู่สำหรับการแข่งประเภทใครไวกว่าชนะแบบนี้ หรือจริงๆแล้วเขามีเหตุผลอื่นด้วย (ถ้าเหตุผลเป็นเพื่อแค่แท็คติกถ่วงอีกฝ่ายให้ช้าลงนี่ในความเห็นผมว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงมันดูตุ๊ดๆยังไงไม่รู้ แต่ไม่น่าใช่เหตุผลนี้หรอก)
แล้วทำไมคนที่สตาร์ทก่อนต้องคอยหันมามองด้วย เพราะที่เดาๆตอนออกตัวไปแรกๆน่าจะห้ามแซง
ก็ขี่ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เพราะแข่งกันที่ 69.77 กว่าๆ Km/h สปรินท์รอบเดียวจบแถมชนะกันครึ่งล้อนี่เวลาหันมามองก็อาจถึงแพ้ได้นะ
คนชนะมักเป็นคนตามอีกตะหาก คงเพราะไม่ต้องคอยหันตัวตอนก่อนสปรินท์
แต่จริงๆแล้วมันคงมีเหตุผลมี่ต้องคอยหันมองนะแต่ผมเดาไม่ออก
เร็วขนาดนี้นี่เองเขาเลยว่าอันตรายนักหนาที่จะเอาออกมาขี่บนถนน (ถ้าเป็นรถยนต์พวกรถแดร๊กมาขับถนนนี่โดนซิวแน่นอนนะผมว่า)
เบรคก็ไม่มี สับสปีดได้อย่างเดียว ขึ้นสปีดได้ไวมาก ดาวน์สปีดได้ช้ามาก
สปรินท์กันรอบเดียวกว่าจะหยุดได้ตั้ง 3-4 รอบ หยุดปั่นทันทีหัวทิ่มทันทีเช่นกัน ต้องฝึกดีมากๆทีเดียว
แต่จริงนะ แค่ดูการแข่งชิงแชมป์อะไรซักอย่างนี่ทีเดียว ทำเอาการมองจักรยานของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จากเคยชื่นชมแต่โรดไบค์ ชอบดูเสือหมอบคนอื่นวิ่ง ซื้อเองก็ซื้อเสือหมอบ (จอดเป็นของแต่งบ้านก็ยังสวย)
ฟิกซ์เกียร์แค่จักรยานสีแปร๋นที่ขี่ถอยหลังได้ กับต้องการการฝึกต่างจากจักรยานอื่นเท่านั้น
โอ้ .. ที่แท้มันสืบเชื้อสายมาจากสุดเทพระดับ 70 กม/ชม นี่เอง
แม้ผมไม่ชอบขับรถหรือแต่งรถ แต่ผมชอบรถแข่งเป็นอย่างมาก แข่งซูเปอร์ไบค์นี่ขอมีให้ดูเหอะผมติดขอบจอประจำครับ
การมองจักรยานแบบฟิกซ์เกียร์ของผมต่างไปโดยสิ้นเชิงครับ มันคือตัวควอเตอร์ไมล์ของโลกจักรยานนี่เอง
เหมือนกับเกรย์ฮาวน์ จะเลี้ยงยังไง อ้วนหรือขาหักก็ยังเป็นเกรย์ฮาวน์ ปลายแถวก็ยังเป็นเกรย์ฮาวน์ ไม่เป็นโกลเด้นหรือบางแก้วไปได้
จักรยานสปรินท์นี่เขากติกายังไงครับ
เลยเห็นอานุภาพของจักรยานลู่ว่ามันคือพวกรถแดร๊ก หรือพวกควอเตอร์ไมล์ของจักรยาน อะไรทำนองนี้นี่เอง
เป็นจักรยานที่สุดยอดจริงๆรถลู่เนี่ย เกิดมาไม่ทำอะไร สปรินท์เท่านั้น
คือทำไมมันไม่ปล่อยพร้อมกันน่ะครับ แบบควอเตอร์ไมล์ไปเลย เลนไม่พอก็ไม่ใช่เพราะแข่งแค่ทีละ 2 คัน จะว่าสนามโค้งก็สตาร์ทเอียงแบบวิ่งร้อยเมตรก็น่าจะเป๊ะกว่าว่าใครไวกว่าใครนะ
อันนี้ให้มาวิ่งดักหน้าดักหลัง แถมมีคอยเบียดคอยชลออีกฝ่ายมันดูพิลึกอยู่สำหรับการแข่งประเภทใครไวกว่าชนะแบบนี้ หรือจริงๆแล้วเขามีเหตุผลอื่นด้วย (ถ้าเหตุผลเป็นเพื่อแค่แท็คติกถ่วงอีกฝ่ายให้ช้าลงนี่ในความเห็นผมว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงมันดูตุ๊ดๆยังไงไม่รู้ แต่ไม่น่าใช่เหตุผลนี้หรอก)
แล้วทำไมคนที่สตาร์ทก่อนต้องคอยหันมามองด้วย เพราะที่เดาๆตอนออกตัวไปแรกๆน่าจะห้ามแซง
ก็ขี่ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เพราะแข่งกันที่ 69.77 กว่าๆ Km/h สปรินท์รอบเดียวจบแถมชนะกันครึ่งล้อนี่เวลาหันมามองก็อาจถึงแพ้ได้นะ
คนชนะมักเป็นคนตามอีกตะหาก คงเพราะไม่ต้องคอยหันตัวตอนก่อนสปรินท์
แต่จริงๆแล้วมันคงมีเหตุผลมี่ต้องคอยหันมองนะแต่ผมเดาไม่ออก
เร็วขนาดนี้นี่เองเขาเลยว่าอันตรายนักหนาที่จะเอาออกมาขี่บนถนน (ถ้าเป็นรถยนต์พวกรถแดร๊กมาขับถนนนี่โดนซิวแน่นอนนะผมว่า)
เบรคก็ไม่มี สับสปีดได้อย่างเดียว ขึ้นสปีดได้ไวมาก ดาวน์สปีดได้ช้ามาก
สปรินท์กันรอบเดียวกว่าจะหยุดได้ตั้ง 3-4 รอบ หยุดปั่นทันทีหัวทิ่มทันทีเช่นกัน ต้องฝึกดีมากๆทีเดียว
แต่จริงนะ แค่ดูการแข่งชิงแชมป์อะไรซักอย่างนี่ทีเดียว ทำเอาการมองจักรยานของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จากเคยชื่นชมแต่โรดไบค์ ชอบดูเสือหมอบคนอื่นวิ่ง ซื้อเองก็ซื้อเสือหมอบ (จอดเป็นของแต่งบ้านก็ยังสวย)
ฟิกซ์เกียร์แค่จักรยานสีแปร๋นที่ขี่ถอยหลังได้ กับต้องการการฝึกต่างจากจักรยานอื่นเท่านั้น
โอ้ .. ที่แท้มันสืบเชื้อสายมาจากสุดเทพระดับ 70 กม/ชม นี่เอง
แม้ผมไม่ชอบขับรถหรือแต่งรถ แต่ผมชอบรถแข่งเป็นอย่างมาก แข่งซูเปอร์ไบค์นี่ขอมีให้ดูเหอะผมติดขอบจอประจำครับ
การมองจักรยานแบบฟิกซ์เกียร์ของผมต่างไปโดยสิ้นเชิงครับ มันคือตัวควอเตอร์ไมล์ของโลกจักรยานนี่เอง
เหมือนกับเกรย์ฮาวน์ จะเลี้ยงยังไง อ้วนหรือขาหักก็ยังเป็นเกรย์ฮาวน์ ปลายแถวก็ยังเป็นเกรย์ฮาวน์ ไม่เป็นโกลเด้นหรือบางแก้วไปได้