ไว้อาลัยและสดุดีคนดี

คุณประมวน สุวรรณโรจน์ R.I.P อมยิ้ม17
ดึกดื่นขนาดนั้นน้อยคนที่จะมีกล้าช่วยเหลือคุณเป็นหนึ่งในพันจริงๆ น่าเสียดายที่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้


สลดชนดับพลเมืองดี หนุ่มขับรถ 6 ล้อ หยุดจอดช่วยกระบะจอดเสียข้างทางวงแหวนตะวันออกสายธัญบุรีตัดวังน้อย ขณะผูกเชือกเตรียมลากจูงรถไปอู่ จู่ๆ รถพ่วง 22 ล้อที่ขับส่ายไปส่ายมาก็พุ่งชนท้าย จนอัดก๊อบปี้ทีเดียว 3 คันรวด พลเมืองดีเสียชีวิตคาที่ ส่วนเด็กรถ 6 ล้อผู้ช่วยอาการสาหัส ส่วน 5 ชีวิตในรถปิกอัพกระเด็นตกถนนไปคนละทิศละทาง ด้านคนขับรถพ่วงลงมายกมือไหว้ขอโทษ บอกหลับใน แล้วหายตัวไปก่อนเข้ามอบตัวที่สภ.ธัญบุรี เมียร่ำไห้รับศพระบุผัวชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 22 ก.พ. พ.ต.ท.อิทธิรัตน์ ศักดิ์เพชร พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุรถพ่วงชนกับรถกระบะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณถนนวงแหวนตะวันออกสายธัญบุรีตัดวังน้อย หมู่ที่ 4 ต.รังสิต หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู


ที่เกิดเหตุเส้นทางธัญบุรี-วังน้อย มุ่งหน้าถนนรังสิต-นครนายก ด้านหลังห้างดูโฮมคลองเจ็ด พบรถยนต์ 6 ล้อแบบตู้ทึบ อีซูซุ สีขาว ทะเบียนป้ายเหลือง 70-4905 พระนคร ศรีอยุธยา ของบริษัท อัจฉริยะทรานสปอร์ต จอดริมอยู่ทาง มีรถกระบะอีซูซุสภาพเก่า สีน้ำเงิน ทะเบียน บท-8284 ปราจีนบุรี ชนอัดก๊อบปี้ติดอยู่ท้ายรถสภาพพังยับเยิน บนฝากระโปรงรถกระบะพบศพนายประมวน สุวรรณโรจน์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 หมู่ที่ 9 ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

ด้านท้ายรถกระบะพบรถเทรลเลอร์ 22 ล้อ ฮีโน่ สีขาว หัวลากทะเบียนป้ายเหลือง 77-9971 กทม. ลูกพ่วงทะเบียน 76-3017 กทม. ของ บริษัท ไพรมัส คิสตอมโบรกเกอร์เรจ (ปทท.) จำกัด พุ่งชนอัดก๊อบปี้ติดอยู่ด้วยกันทั้ง 3 คัน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย หน่วยกู้ภัยนำส่งร.พ.ธัญบุรี คือ นายวิทยา ภานุทัศน์ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/1 หมู่ที่ 1 ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี

นายพรสิน เจดีย์ อายุ 49 ปี คนขับรถกระบะ อยู่บ้านเลขที่ 417 หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ให้การด้วยความตกใจว่า ตนขับรถมากับนางหนูแดง เจดีย์ อายุ 50 ปี ภรรยา และหลานรวม 5 คน เดินทางกลับภูมิลำเนา จ.ปราจีนบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเครื่องยนต์เกิดขัดข้อง จึงจอดรถไหล่ทางด้านซ้ายสุด เปิดไฟสัญญาณกะพริบ เพื่อรอความช่วยเหลือ ไม่นานนักมีพลเมืองดีขับรถยนต์ 6 ล้อผ่านมา และจอดรถไว้ด้านหน้ารถของตนก่อนลงมาช่วยเหลือ ทราบชื่อต่อมาว่านายประมวนผู้ตาย และเด็กรถอีกคนที่บาดเจ็บสาหัส

นายพรสินให้การอีกว่า ขณะที่พลเมืองดีทั้งสองคนกำลังตรวจสอบเครื่องยนต์อยู่นั้น จู่ๆ รถพ่วง 22 ล้อขับพุ่งชนด้านท้ายรถกระบะของตนกระเด็นมาอัดท้ายรถ 6 ล้อของนายประมวนที่จอดอยู่ด้านหน้า ส่งผลให้นายประมวนพลเมืองดีเสียชีวิตคาที่ เด็กรถที่มาด้วยกันบาดเจ็บสาหัส ส่วนพวกตนกระเด็นออกไปตกลงข้างทางในสภาพสะบักสะบอม

นางหนูแดงภรรยานายพรสินกล่าวว่า ขณะที่พลเมืองดีทั้งสองและสามีกำลังช่วยกันผูกเชือก เพื่อลากจูงรถไปซ่อม โดยผู้เสียชีวิตเอ่ยปากอาสาจะช่วยลากไปส่งให้ถึง จ.ฉะเชิง เทรา เพราะเป็นเส้นทางผ่าน และสงสารเด็กๆ ทันใดนั้นรถคู่กรณีขับส่ายไปมาในเส้นทาง ตนเห็นท่าไม่ดีแน่จึงไปบอกหลานที่อุ้มลูกน้อยพากันกระโดดหลบไปในป่าหญ้าข้างทาง พร้อมร้องตะโกนให้ทุกคนหลบ แต่ไม่ทันสิ้นเสียง รถคู่กรณีพุ่งชนต่อกัน 3 คันรวด จนมี ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หลังเกิดเหตุคนขับคู่กรณีลงมายกมือไหว้ขอโทษพร้อมกล่าวว่า ?ผมเผลอหลับในครับ ต้องขอโทษด้วย? จากนั้นอาศัยจังหวะหลบหนีไป



ต่อมานางดรุณี มะลิ อายุ 36 ปี ภรรยานายประมวน พลเมืองดีที่เสียชีวิตรุดมาที่เกิดเหตุ ถึงกับร่ำไห้โฮเมื่อเห็นสภาพศพสามี โดยกล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีเป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น หากพบใครที่ต้องการความช่วยเหลือหรือด้อยโอกาสกว่ามักจะจอดรถลงไปช่วยเหลือเสมอ วันหยุดก็จะออกเก็บผัก ทอดแหตกปลาเพื่อนำมาเลี้ยงครอบครัว ขณะเกิดเหตุสามีไปรับสินค้าจากคลังวังน้อย ไปส่งจุดหมาย จ.ชลบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้านายคมสันต์ นาขาว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ที่ 6 ต.สวนหม่อม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น คนขับรถพ่วง 22 ล้อเข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.ธัญบุรี เจ้าหน้าที่สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ที่สถาบันนิติ วิทยาศาสตร์ ร.พ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระ เกียรติ ศูนย์รังสิต นางดรุณี และน.ส.กาญจนา สุวรรณโรจน์ น้องสาว มารับศพนายประมวน ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดลาดแค ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

นางดรุณีเปิดเผยทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า ตนและนายประมวนพักอาศัยอยู่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สามีเพิ่งได้งานเป็นพนักงานขับรถบริษัท อัจฉริยะทรานสปอร์ต ไม่ถึงเดือน ส่วนตนทำงานโรงงานย่านอ.วัง น้อย เช่นกัน เมื่อคืนเวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง สามีบอกว่าจะขับรถไปส่งของที่จ.ชลบุรี ชวนตนนั่งรถไปเที่ยวด้วย แต่ตนตอบปฏิเสธ เนื่องจากต้องไปทำงานกะเช้า สามีจึงไปกับเด็กรถอีกคน กระทั่งประมาณตี 2 เด็กรถโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าสามีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ

นางดรุณีกล่าวอีกว่า อยู่กินกับสามีมากว่า 10 ปี มีลูกสาววัย 10 ขวบ แต่ให้ปู่ย่าเลี้ยงดูที่ จ.เพชรบูรณ์ ตนกับสามีมาหางานทำส่งเงินไปให้ลูก เสียใจมากที่ต้องสูญเสียสามีที่เป็นเสาหลักของบ้าน เพราะต้องทำมาหากินส่งเงินไปให้ลูก พ่อและแม่ของสามีก็แก่ชรามากแล้ว ต่อจากนี้ชีวิตก็ต้องหากินเลี้ยงลูกต่อไป และจะสอนลูกให้เป็นคนดีอย่างพ่อด้วย


ขอบคุณ ข่าวสด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่