Beautiful Creature เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก พลังเวทมนต์ หรือการเลือกตัวแสดง ทำให้ดูแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้การดูครั้งนี้คาใจผมอย่างลืมไม่ลงเช่นกัน
ณ เมเจอร์รัชโยธิน หนังรอบ 18:45 โรงที่ 14 แถว E12-13 ซึ่งอยู่ตรงกลางสุด ผมและกรกมลที่รัก เข้ามาช้ากว่าหนังโฆษณาฉายไป 5 นาที และเห็นเก้าอี้ ตรง E10-11 ก็ยังไม่มีคนมา...
เมื่อหนังเริ่มขึ้น ที่นั่งในโรงช่วงกลาง-บน ก็เต็มหมดแล้ว คนที่นั่ง E10-11 ก็มาเรียบร้อยเป็นคุณผู้หญิงวัยราวๆ 30ปลายๆ มาด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งดูดีเลยทีเดียว ผมยาว น่าจะใส่กางเกงขาสั้นนั่งตรง E11 ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงใส่แว่นกรอบขาว ผมยาวหน่อยใส่เสื้อสีขาว(ถ้าจำไม่ผิด) มานั่งตรงที่ E10
พอหนังเริ่มเรื่องเท่านั้นหล่ะ.... เสียงพูดที่เปล่งออกมาจากลำคอ และไม่ได้กระซิบกันด้วย เนื้อเสียงครบถ้วนเลยทีเดียว คำพูดของนางทั้งสองเริ่มดังเจื้อยแจ้วเป็นระยะ
ผมไม่ทราบหรอกว่า นางสองคนนี้ อ่านหนังสือมาก่อนหรือเปล่า เพราะเธอนั้น พูดกันเกือบจะแทบทุกตอนของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น วิจารณ์ตัวแสดง เสื้อผ้า หรือว่า การตกแต่งภายในของบ้านของเหล่า แคสเตอร์
หนังดำเนินไปเรื่อยๆ ลำโพงในโรงหนังผมก็ว่าดังแล้วนะ แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการลำโพงจาก ปากนางสองคนนั้นสักเท่าไหร่ เพราะพูดไม่หยุดจริงๆ ผมเริ่มกระแอม ก็ยังไม่รู้ตัว หันไปมองบ้างก็เหมือนจะมองไม่เห็น
ด้วยความเป็นห่วงของกรกมลที่รัก เค้าก้อ ทำเสียง ซุบซิบๆๆๆๆ เบาๆออกมาเป็นลมๆ ตอนที่นาง 2 คนนั้นคุยกัน...(เผื่อว่าเค้าจะรู้ตัวว่ากำลังรบกวนคนข้างๆอยู่) หนังดำเนินไปท้ายๆเรื่อง เธอก็ไม่หยุดคุยกัน จนกระทั้ง แคสเตอร์สาวที่กำลังสับสน เรียกพายุทอร์นนาโดออกมา โอ้วแม่เจ้าช่วยผมด้วยยยยย!!!!
ปั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดในใจ นี่ผมดูหนัง 4D อยู่ใช่ไหม พี่คนที่นั่งแถว D12 เตะเบาะผมรัวเลย เหมือนจะตื่นเต้นที่มีพายุ ฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ทำให้ผมหันไปมองหน้าพี่เขา 1 ครั้ง แล้วผมก็แก้ปัญหาโดยการนั่งแบบไม่พิงเบาะ
พอพี่คนนั้นหายตื่นเต้นแล้ว นางทั้งสองที่นั่งข้างๆ ก็คุยกันอีก ตอนนี้ผมเริ่มเซ็ง ก็เลยหันไปมองเลย ผู้หญิงที่นั่งข้างผมเหมือนจะรู้ตัวได้สักพักใหญ่เพราะสังเกตุจากน้ำเสียงที่พูดกับเพื่อนกลายเป็นการกระซิบ แต่คุณเพื่อนที่แสนน่ารักของเธอนั้น เหมือนเป็นคนไม่มีมารยาทเท่าที่ควร ก็ชวนคุยต่อ เป็นอย่างนี้ไปจนจบ
เมื่อหนังจบไฟเปิด สิ่งที่ผมเห็นคือ นางใส่แว่นกรอบขาวเหมือนอัดอั้นมานานพูดกันซะหูดับ ตับไหม้ จนทำให้ผมอยากจะเห็นว่าหน้าของนางทั้ง 2 นั้นเป็นอย่างไร พี่แว่นข้างหลังผม ผมให้อภัย เพราะแค่นิดหน่อยเท่านั้น
และเหตุการณ์นี้ทำให้ผมหัวเสียเดินออกไปจากจากโรง แต่ก็ขอขอบคุณหนังที่ทำให้ความเซ็งของผมทุเลาลงได้เยอะ
ทิ้งท้ายไว้สักนิด การดูหนังถึงเราจะเสียเงินเข้ามาเหมือนกัน บางทีเราก็ควรเคารพผู้ที่อยู่รอบข้างกันบ้าง เพื่อความสุขในการชมภาพยนตร์นะครับ
เผื่อเธอจะรับรู้ Beautiful Creature @รัชโยฯ รอบ 6:45 โรง14
ณ เมเจอร์รัชโยธิน หนังรอบ 18:45 โรงที่ 14 แถว E12-13 ซึ่งอยู่ตรงกลางสุด ผมและกรกมลที่รัก เข้ามาช้ากว่าหนังโฆษณาฉายไป 5 นาที และเห็นเก้าอี้ ตรง E10-11 ก็ยังไม่มีคนมา...
เมื่อหนังเริ่มขึ้น ที่นั่งในโรงช่วงกลาง-บน ก็เต็มหมดแล้ว คนที่นั่ง E10-11 ก็มาเรียบร้อยเป็นคุณผู้หญิงวัยราวๆ 30ปลายๆ มาด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งดูดีเลยทีเดียว ผมยาว น่าจะใส่กางเกงขาสั้นนั่งตรง E11 ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงใส่แว่นกรอบขาว ผมยาวหน่อยใส่เสื้อสีขาว(ถ้าจำไม่ผิด) มานั่งตรงที่ E10
พอหนังเริ่มเรื่องเท่านั้นหล่ะ.... เสียงพูดที่เปล่งออกมาจากลำคอ และไม่ได้กระซิบกันด้วย เนื้อเสียงครบถ้วนเลยทีเดียว คำพูดของนางทั้งสองเริ่มดังเจื้อยแจ้วเป็นระยะ
ผมไม่ทราบหรอกว่า นางสองคนนี้ อ่านหนังสือมาก่อนหรือเปล่า เพราะเธอนั้น พูดกันเกือบจะแทบทุกตอนของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น วิจารณ์ตัวแสดง เสื้อผ้า หรือว่า การตกแต่งภายในของบ้านของเหล่า แคสเตอร์
หนังดำเนินไปเรื่อยๆ ลำโพงในโรงหนังผมก็ว่าดังแล้วนะ แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการลำโพงจาก ปากนางสองคนนั้นสักเท่าไหร่ เพราะพูดไม่หยุดจริงๆ ผมเริ่มกระแอม ก็ยังไม่รู้ตัว หันไปมองบ้างก็เหมือนจะมองไม่เห็น
ด้วยความเป็นห่วงของกรกมลที่รัก เค้าก้อ ทำเสียง ซุบซิบๆๆๆๆ เบาๆออกมาเป็นลมๆ ตอนที่นาง 2 คนนั้นคุยกัน...(เผื่อว่าเค้าจะรู้ตัวว่ากำลังรบกวนคนข้างๆอยู่) หนังดำเนินไปท้ายๆเรื่อง เธอก็ไม่หยุดคุยกัน จนกระทั้ง แคสเตอร์สาวที่กำลังสับสน เรียกพายุทอร์นนาโดออกมา โอ้วแม่เจ้าช่วยผมด้วยยยยย!!!!
ปั๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดในใจ นี่ผมดูหนัง 4D อยู่ใช่ไหม พี่คนที่นั่งแถว D12 เตะเบาะผมรัวเลย เหมือนจะตื่นเต้นที่มีพายุ ฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ทำให้ผมหันไปมองหน้าพี่เขา 1 ครั้ง แล้วผมก็แก้ปัญหาโดยการนั่งแบบไม่พิงเบาะ
พอพี่คนนั้นหายตื่นเต้นแล้ว นางทั้งสองที่นั่งข้างๆ ก็คุยกันอีก ตอนนี้ผมเริ่มเซ็ง ก็เลยหันไปมองเลย ผู้หญิงที่นั่งข้างผมเหมือนจะรู้ตัวได้สักพักใหญ่เพราะสังเกตุจากน้ำเสียงที่พูดกับเพื่อนกลายเป็นการกระซิบ แต่คุณเพื่อนที่แสนน่ารักของเธอนั้น เหมือนเป็นคนไม่มีมารยาทเท่าที่ควร ก็ชวนคุยต่อ เป็นอย่างนี้ไปจนจบ
เมื่อหนังจบไฟเปิด สิ่งที่ผมเห็นคือ นางใส่แว่นกรอบขาวเหมือนอัดอั้นมานานพูดกันซะหูดับ ตับไหม้ จนทำให้ผมอยากจะเห็นว่าหน้าของนางทั้ง 2 นั้นเป็นอย่างไร พี่แว่นข้างหลังผม ผมให้อภัย เพราะแค่นิดหน่อยเท่านั้น
และเหตุการณ์นี้ทำให้ผมหัวเสียเดินออกไปจากจากโรง แต่ก็ขอขอบคุณหนังที่ทำให้ความเซ็งของผมทุเลาลงได้เยอะ
ทิ้งท้ายไว้สักนิด การดูหนังถึงเราจะเสียเงินเข้ามาเหมือนกัน บางทีเราก็ควรเคารพผู้ที่อยู่รอบข้างกันบ้าง เพื่อความสุขในการชมภาพยนตร์นะครับ