นี่คือเรื่องจริง ส่งสานส์ถึง พวกค้านหัวชนฝา (เอ็นจีโอ) สว.เรสนาและพวก เลิกทำตัวถ่วงความเจริญของประเทศได้แล้ว

นี่คือเรื่องจริง ส่งสานส์ถึง พวกค้านหัวชนฝา (เอ็นจีโอ) สว.เรสนาและพวก เลิกทำตัวถ่วงความเจริญของประเทศได้แล้ว
นี่คือภาพปัจจุบันวันนี้ ซึ่งไม่อีกไม่นานประเทศไทยผลิตไฟฟ้าได้เอง 94% ที่เหลือซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและพม่า  โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้ จำเป็นต้องซื้อหรือเรียกง่ายๆ ว่าต้องพึ่งพาเพื่อนบ้านอาจจะสูงถึง 20% เนื่องจากไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศได้เพิ่มเติม เพราะถูกต่อต้านจากชุมชน ซึ่งจริงๆแล้ว ตัวตนจริงๆ ของชุมชน ก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ แต่ในทุกๆครั้ง ก็สามารถเป็นตัวถ่วงความเจริญปิดกั้นการพัฒนาได้ทุกทีซิน่า  โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหิน แม้จะได้รับการยืนยันที่ชัดเจนว่าเป็นพลังงานที่ต้นทุนต่ำที่สุดเกือบจะว่าได้ แต่ก็ต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
ปรากฏการณ์จากข่าวที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทันทีที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหมายถึง ประเทศพม่า และมาเลเซีย ซึ่งเราพึ่งพาในเรื่องของพลังงานก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ยิ่งตอกย้ำว่าความมั่นคงของพลังงานในประเทศไม่มีหรืออยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่กระทบต่อ การพัฒนาด้านเศราฐกิจของประเทศ นอกเหนือจากความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนที่ถดถอยลง
อย่างเช่นโรงไฟฟ้าแถบตะวันตก เช่น ราชบุรี หรือวังน้อย ก็ใช้ก๊าซจากพม่า ไม่ใช่จากอ่าวไทย
ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยพึงตระหนัก และหันหน้าร่วมกันพิจารณาและเรียนรู้สถานการณ์พลังงานไทยอย่างจริงจัง เพื่อจะได้เดินหน้าพัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนในรูปแบบที่หลากหลายร่วมกัน โดยไม่มีความคลางแคลงและตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบางจำพวกในบ้านเมืองนี้ ที่มีอยู่มากมาย เพียงเพราะเล็งเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ทำลายโอกาสและปิดกั้นโอกาสการพัฒนาพลังงานของประเทศไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทย ควรหันมาให้ความสำคัญในสนับสนุนแผนพัฒนาพลังงานของประเทศอย่างจริงจัง โดยเริ่มแรกคือการให้การสนับสนุน ในแผนพัฒนาพลังงานของภาครัฐ ที่เล็งเห็นแล้วว่าเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยแยกข้อกังวลตั้งไว้ก่อน  อย่างเช่น ต้นทุนแพง เกิดผลกระทบในเรื่องมลภาวะ มีการคอรัปชั่น ฯลฯ
หลังจากที่ประชาชนได้พิจารณาเนื้อแท้ของรูปแบบการพัฒนาพลังงานทดแทนรูปแบบต่างๆ แล้วว่ามีความเป็นไปได้สำหรับประเทศไทย ก็ให้การสนับสนุน หลังจากนั้นพลังประชาชนก็ทำหน้าที่อีกบทบาทหนึ่งอย่างเข้มแข็ง ในสิ่งที่วิตกกังวล โดยทำหน้าที่ร่วมตรวจสอบในสิ่งที่ตั้งข้อสงสัยและข้อกังวล เพื่อนำไปสู่การสร้างกระบวนการแก้ไข กระบวนการเฝ้าระวัง อย่างเป็นระบบ โอกาสที่จะเกิดผลกระทบด้านลบในการพัฒนาพลังงานทดแทนแต่ละรูปแบบก็จะลดลงและประเทศไทยก็จะไม่เสียโอกาส ประโยชน์สูงสุดก็จเกิดต่อการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ประชาชนคนไทยก็จะได้ประโยชน์ร่วมกันทั่วหน้า
ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน มีการส่งเสริมการศึกษาวิจัยพลังงานทดแทน โดยเฉพาะก๊าซชีวภาพ  อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันการวิจัยเราถือว่าประสบผลสำเร็จ หลากหลายรูปแบบ อาทิ การนำของเสียมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ จนสามารถนำมาปรับใช้เพื่อทดแทนก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือนได้แล้ว และยังสามารถวิจัยจนสามารถอัดลงถังเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ได้
ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่เราพัฒนาและวิจัยขึ้นได้กลายเป็นเทคโนโลยีของประเทศไปแล้ว และเราก็สามารถผลิตขึ้นได้เองถือเป็นความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อนำมาปรับใช้ถือว่ามีคุณค่าและมีราคามาก  
นอกจากมิติด้านสังคม พลังงาน ยังมีมิติเรื่องชุมชน ที่เป็นความต่อเนื่องในการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพ ทำให้ประเทศไทยเราอยู่ได้อย่างยั่งยืน ณ จุดนี้ หากประชาชนเล็งเห็นว่าการพัฒนาพลังงานทดแทนใด สามารถเสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนที่ชัดเจนก็ควรให้การสนับสนุน
เช่นเดียวกับนโยบายการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าโดยใช้หญ้าเนเปียร์ หญ้ายักษ์ หรือหญ้าเลี้ยงช้าง กระทรวงพลังงานมีผลวิจัยที่ชัดเจน ซึ่งประชาชนสามารถหาข้อมูลความรู้ได้อย่างเปิดเผย หากมีความพร้อมในการเข้าร่วมปลูกหญ้า มีจิตใจที่ชอบภาคเกษตร และมีความพร้อมในเรื่องที่ดิน และเป็นที่ดินที่อยู่ในโซนของการพัฒนาพลังงานทดแทนนี้ ใคร ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้
หากประชาชนมีข้อสงสัย ก็สามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครปิดกั้น อย่ายอมเสียโอกาสโดยที่ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพียงเพราะหลงเชื่อกลุ่มคนที่หลอกชาวบ้านประชาชีจนเป็นอาชีพ ท้ายที่สุดจะเสียใจเพราะรู้เมื่อสายว่ามันคือของปลอม
เช่นเดียวกับการพัฒนาพลังงานถ่านหิน  เมื่อประชาชนมีข้อกังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อมลภาวะ ก็ต้องหันมาศึกษาข้อมูลหรือแนวทางแก้ไขและป้องกันที่มีประสิทธิภาพ จากหน่วยงานหรือสถาบันวิจัยที่คุณเชื่อมั่นได้อย่างเปิดเผยทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
เพื่อเป็นเครื่องมือ  ในการพิจารณาโครงการพัฒนาด้านพลังงานของรัฐบาลอย่างสร้างสรร เพราะไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะเสียโอกาสพลังงานทดแทนไปอีก 1ชนิดอย่างน่าเสียดาย เพราะประเทศอื่นๆทั่วโลก เขาก็ใช้กัน แต่สิ่งที่เขาทำมากกว่าคัดค้านหรือควบคู่กันไป คือการเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันหรือร่วมกำหนกเงื่อนไข ในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเป็นตัวกำกับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบด้านมลภาวะ กระทบต่อสุขอนามัยของชาวบ้าน เช่นที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
หลังจากที่เกิดปัญหาในเรื่องของมลภาวะและสุขอนามัยของชาวบ้าน  เมื่อชุมชนเข้มแข็งก็สามารถที่จะสร้างกระบวนการเรียกร้องอย่างเป็นระบบ เพื่อให้โรงไฟฟ้าปรับปรุงเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ จนไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชนอีก ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าและชุมชนก็สามารถเติบโตไปด้วยกัน เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้  นี่คือเรื่องจริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่