“ผมไม่ต้องการให้สังคมไทยวันนี้และลูกหลานในวันข้างหน้า
กลายเป็นสังคมที่ไร้รอยต่อระหว่างความดีกับความเลว คนทำชั่วจะได้ดี
พวกเผาเมืองจะได้ครองเมืองคนเป็นขี้ข้านักโทษจะได้เป็นใหญ่เป็นโต...”
ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2556 ปรากฏว่า
มีบุคคลที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ เป็นที่ชื่นชมยกย่องในแวดวงต่างๆ
ได้ออกมาแสดงจุดยืนและความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ
กทม.ครั้งนี้หลายท่าน ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะลงคะแนนให้กับ
ผู้สมัครหมายเลข 16 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
1) พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เขียนบทความ “สงครามชิงกรุงเทพฯ:สงครามชิงเมืองไทย”
บางตอนระบุว่า“ผมตัดสินใจแน่นอนที่จะสนับสนุนและลงคะแนนเลือก
คุณชายสุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อีกสมัยหนึ่ง
เหตุผลประการแรกของผม คือ ขณะที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน สสท.กทม.อยู่
(ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ในการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร)
ผมได้เห็น และตระหนักในความอุตสาหะมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของคุณชายสุขุมพันธุ์
ที่จะอุทิศตัวเองทำหน้าที่ผู้ว่าราชการ กทม.ให้ดีที่สุด
ข้อที่คนอื่นเห็นเป็นข้อเสียของคุณชาย คือความไม่เป็นคนช่างพูด
และด่าใครไม่เป็นนั้นสำหรับผมกลับเป็นคุณสมบัติที่ผมเห็นว่าทำให้คุณชาย
เป็นนักการเมืองน้ำดีชนิดที่หาได้ยากสำหรับคนกรุงเทพฯและคนไทย
เหตุผลประการที่สอง คือ ผมเห็นว่าคุณชายสุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าราชการ กทม.ที่
“ผ่านศึก” คือ ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า
มีความสามารถที่จะเผชิญวิกฤตการณ์ที่ทำความ

ร้ายแรงที่สุดให้แก่กรุงเทพฯ
คือมหาอุทกภัยในปี พ.ศ.2554 ตลอดเวลาของวิกฤตการณ์นั้น ถ้าเปรียบเทียบ
กับการสงคราม คุณชายก็เป็นแม่ทัพที่ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกชั้น
อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากหรืออันตราย ยิ่งกว่านั้น
คุณชายยังต้องรบสงครามสองด้านในเวลาเดียวกัน คือนอกจากจะรบกับน้ำแล้ว
ยังต้องรบกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (หรือ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร)
ที่คอยขัดขวางหรือรังควานด้วยเหตุผลทางการเมือง และคุณชายก็ทำได้สำเร็จ
แม้จะบอบช้ำบ้างเป็นธรรมดา
เหตุผลประการที่สามของผมเป็นเหตุผลทางการเมือง ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (หรือของ(พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร)
กำลังดำเนินนโยบายแบบประชานิยม ใช้วิธีเอาใจคนด้วยการแจกเงินในรูปต่างๆ เช่น
รับจำนำข้าวคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก เป็นการผลาญเงินงบประมาณ
ของชาติก้อนมหาศาล แต่ซ่อนเงื่อนไขไว้
การดำเนินนโยบายแบบนี้ผมเห็นว่าในไม่ช้าจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศ
ลงอย่างย่อยยับและจะเป็นผลเสียหายร้ายแรงมหาศาลแก่บ้านเมือง
ถ้าคนของพรรคเพื่อไทย (หรือของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ) ได้เป็น
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมก็กลัวและแน่ใจว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทย
(หรือของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ) จะต้องฉวยโอกาสยึดเอางบประมาณของ
กทม.ประมาณกว่า5 หมื่นล้านบาท (ซึ่งคือเงินของคนกรุงเทพฯ และของผมด้วย)
ไปหว่านและผลาญเพิ่มจากที่กำลังทำอยู่กับงบประมาณของชาติ
ทำความ

ซ้ำซ้อนหนักลงไปอีกให้แก่บ้านเมือง
เราไม่ต้องการข้าศึกทั้งที่เปิดเผยและที่ปลอมแปลงตัวมา
แต่ต้องการคนที่เคยรบกับข้าศึกมาแล้ว ไปทำหน้าที่แม่ทัพเพื่อ
รบกับข้าศึกที่กำลังเขมือบเมืองไทยอยู่ในขณะนี้
ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงจะลงคะแนนเลือกตั้งคุณชาย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกวาระหนึ่ง ขอเรียกร้องเชิญชวน
ท่านผู้อ่านให้ทำด้วย หากท่านเห็นแก่บ้านเมือง ท่านต้องออกไปใช้
สิทธิออกเสียงลงคะแนนให้คุณชายสุขุมพันธุ์ มิฉะนั้นเราอาจจะเสียกรุงเทพฯ
ให้แก่ข้าศึกไปกรุงเทพมหานครเป็นปราการสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งใน
สงครามชิงเมืองไทย ถ้าเสียกรุงเทพฯให้แก่ข้าศึกศัตรู ก็เกือบจะ
เท่ากับเสียเมืองไทยทั้งประเทศ”
2) ดร.เสรี วงษ์มณฑา เขียนแสดงจุดยืนและเสนอความเห็นผ่านเฟซบุ๊คหลายครั้ง
เกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ความบางตอนระบุว่า
“เราไม่เลือกพงศพัศเพราะ
(1) เขาเป็นคนของเพื่อไทย พรรคของทักษิณ ที่เราเห็นว่าเป็นคนไม่ดีหลายประเด็น
(2) เรามั่นใจว่าเขาไม่มีทางที่จะทำงานอย่างเป็นอิสระจากทักษิณ
(3) การหาเสียงเวอร์โกหกหลายอย่างบางอย่างอยู่นอกอำนาจของผู้ว่าฯ
บางอย่างที่อยู่ในอำนาจก็เวอร์เกินเหตุไม่มีทางทำได้
(4) เขามีประวัติมัวหมองทั้งตอนไปเรียนเมืองนอกในขณะที่เป็นตำรวจ
และในการมีพฤติกรรมที่ทำให้เขาถูกขนานนามว่าจูดี้
เราไม่เลือกอย่ามาด่าเรา เพราะเราก็จะไม่ด่าคนที่จะเลือก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดจะพิจารณา
ส่วนที่เราจะเลือกคุณชาย เพราะ
(1) คุณชายทำงานได้แม้จะไม่เลอเลิศ แต่ก็ไม่แย่
(2) เพราะคุณชายมีโอกาสจะชนะ พงศพัศในขณะที่คนอื่นไม่มีทาง
เพราะไม่มีฐานเสียงเพียงพอ เราจึงตัดสินใจเลือกคนที่มีโอกาสจะชนะพงศพัศ
ไม่ใช่เราไม่ให้โอกาสผู้สมัครคนอื่น แต่เรามองว่าพวกเขาไม่มีโอกาสจะชนะ...”
อย่าให้ตำรวจครองเมืองแบบไร้รอยต่อ....ขอคิดด้วยฅน .... เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ....แนวหน้าออนไลน์ ...ขอร้อง..อ่านหน่อย
กลายเป็นสังคมที่ไร้รอยต่อระหว่างความดีกับความเลว คนทำชั่วจะได้ดี
พวกเผาเมืองจะได้ครองเมืองคนเป็นขี้ข้านักโทษจะได้เป็นใหญ่เป็นโต...”
ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2556 ปรากฏว่า
มีบุคคลที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ เป็นที่ชื่นชมยกย่องในแวดวงต่างๆ
ได้ออกมาแสดงจุดยืนและความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ
กทม.ครั้งนี้หลายท่าน ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะลงคะแนนให้กับ
ผู้สมัครหมายเลข 16 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
1) พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เขียนบทความ “สงครามชิงกรุงเทพฯ:สงครามชิงเมืองไทย”
บางตอนระบุว่า“ผมตัดสินใจแน่นอนที่จะสนับสนุนและลงคะแนนเลือก
คุณชายสุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อีกสมัยหนึ่ง
เหตุผลประการแรกของผม คือ ขณะที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน สสท.กทม.อยู่
(ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ในการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร)
ผมได้เห็น และตระหนักในความอุตสาหะมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของคุณชายสุขุมพันธุ์
ที่จะอุทิศตัวเองทำหน้าที่ผู้ว่าราชการ กทม.ให้ดีที่สุด
ข้อที่คนอื่นเห็นเป็นข้อเสียของคุณชาย คือความไม่เป็นคนช่างพูด
และด่าใครไม่เป็นนั้นสำหรับผมกลับเป็นคุณสมบัติที่ผมเห็นว่าทำให้คุณชาย
เป็นนักการเมืองน้ำดีชนิดที่หาได้ยากสำหรับคนกรุงเทพฯและคนไทย
เหตุผลประการที่สอง คือ ผมเห็นว่าคุณชายสุขุมพันธุ์เป็นผู้ว่าราชการ กทม.ที่
“ผ่านศึก” คือ ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า
มีความสามารถที่จะเผชิญวิกฤตการณ์ที่ทำความ
คือมหาอุทกภัยในปี พ.ศ.2554 ตลอดเวลาของวิกฤตการณ์นั้น ถ้าเปรียบเทียบ
กับการสงคราม คุณชายก็เป็นแม่ทัพที่ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารทุกชั้น
อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากหรืออันตราย ยิ่งกว่านั้น
คุณชายยังต้องรบสงครามสองด้านในเวลาเดียวกัน คือนอกจากจะรบกับน้ำแล้ว
ยังต้องรบกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (หรือ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร)
ที่คอยขัดขวางหรือรังควานด้วยเหตุผลทางการเมือง และคุณชายก็ทำได้สำเร็จ
แม้จะบอบช้ำบ้างเป็นธรรมดา
เหตุผลประการที่สามของผมเป็นเหตุผลทางการเมือง ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (หรือของ(พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร)
กำลังดำเนินนโยบายแบบประชานิยม ใช้วิธีเอาใจคนด้วยการแจกเงินในรูปต่างๆ เช่น
รับจำนำข้าวคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก เป็นการผลาญเงินงบประมาณ
ของชาติก้อนมหาศาล แต่ซ่อนเงื่อนไขไว้
การดำเนินนโยบายแบบนี้ผมเห็นว่าในไม่ช้าจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศ
ลงอย่างย่อยยับและจะเป็นผลเสียหายร้ายแรงมหาศาลแก่บ้านเมือง
ถ้าคนของพรรคเพื่อไทย (หรือของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ) ได้เป็น
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมก็กลัวและแน่ใจว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทย
(หรือของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ) จะต้องฉวยโอกาสยึดเอางบประมาณของ
กทม.ประมาณกว่า5 หมื่นล้านบาท (ซึ่งคือเงินของคนกรุงเทพฯ และของผมด้วย)
ไปหว่านและผลาญเพิ่มจากที่กำลังทำอยู่กับงบประมาณของชาติ
ทำความ
เราไม่ต้องการข้าศึกทั้งที่เปิดเผยและที่ปลอมแปลงตัวมา
แต่ต้องการคนที่เคยรบกับข้าศึกมาแล้ว ไปทำหน้าที่แม่ทัพเพื่อ
รบกับข้าศึกที่กำลังเขมือบเมืองไทยอยู่ในขณะนี้
ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงจะลงคะแนนเลือกตั้งคุณชาย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกวาระหนึ่ง ขอเรียกร้องเชิญชวน
ท่านผู้อ่านให้ทำด้วย หากท่านเห็นแก่บ้านเมือง ท่านต้องออกไปใช้
สิทธิออกเสียงลงคะแนนให้คุณชายสุขุมพันธุ์ มิฉะนั้นเราอาจจะเสียกรุงเทพฯ
ให้แก่ข้าศึกไปกรุงเทพมหานครเป็นปราการสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งใน
สงครามชิงเมืองไทย ถ้าเสียกรุงเทพฯให้แก่ข้าศึกศัตรู ก็เกือบจะ
เท่ากับเสียเมืองไทยทั้งประเทศ”
2) ดร.เสรี วงษ์มณฑา เขียนแสดงจุดยืนและเสนอความเห็นผ่านเฟซบุ๊คหลายครั้ง
เกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ความบางตอนระบุว่า
“เราไม่เลือกพงศพัศเพราะ
(1) เขาเป็นคนของเพื่อไทย พรรคของทักษิณ ที่เราเห็นว่าเป็นคนไม่ดีหลายประเด็น
(2) เรามั่นใจว่าเขาไม่มีทางที่จะทำงานอย่างเป็นอิสระจากทักษิณ
(3) การหาเสียงเวอร์โกหกหลายอย่างบางอย่างอยู่นอกอำนาจของผู้ว่าฯ
บางอย่างที่อยู่ในอำนาจก็เวอร์เกินเหตุไม่มีทางทำได้
(4) เขามีประวัติมัวหมองทั้งตอนไปเรียนเมืองนอกในขณะที่เป็นตำรวจ
และในการมีพฤติกรรมที่ทำให้เขาถูกขนานนามว่าจูดี้
เราไม่เลือกอย่ามาด่าเรา เพราะเราก็จะไม่ด่าคนที่จะเลือก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดจะพิจารณา
ส่วนที่เราจะเลือกคุณชาย เพราะ
(1) คุณชายทำงานได้แม้จะไม่เลอเลิศ แต่ก็ไม่แย่
(2) เพราะคุณชายมีโอกาสจะชนะ พงศพัศในขณะที่คนอื่นไม่มีทาง
เพราะไม่มีฐานเสียงเพียงพอ เราจึงตัดสินใจเลือกคนที่มีโอกาสจะชนะพงศพัศ
ไม่ใช่เราไม่ให้โอกาสผู้สมัครคนอื่น แต่เรามองว่าพวกเขาไม่มีโอกาสจะชนะ...”