คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
เป็นบทความที่มั่วโดยสิ้นเชิง
ท่านอนของทารก คือ ขดอยู่ในครรภ์นั้น
เป็นท่าที่ทำให้เกิดความสงบสุขมากที่สุด
การฝึกโยคะ ยังนำท่าทารกในครรภ์มาเป็นท่าหนึ่งของโยคะ
ที่จะทำให้จิตใจสบายและผ่อนคลาย
เรื่องการกินน้ำเย็นกับน้ำร้อนของแม่ ยิ่งไร้สาระ
กินน้ำเย็นเข้าไป น้ำก็จะถูกปรับอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายแม่ตั้งแต่ตกถึงกระเพาะ
น้ำ ไม่ได้ลงไปถึงในมดลูกนะ
น้ำร้อนก็เหมือนกัน มันก็ร้อนอยู่ในปาก และในกระเพาะประเดี๋ยวหนึ่ง
แล้วก็ถูกปรับให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายเหมือนกัน
ส่วนเรื่องการคลอดนั้น
ร่างกายทารกถูกบีบให้ออกมาจากช่องเชิงกรานและช่องคลอดก็จริง
แต่กระดูกของทารกยังไม่ได้แข็งเหมือนกระดูกผู้ใหญ่
กระดูกบางส่วนยังไม่เชื่อมต่อกันด้วยซ้ำ (เช่น กระดูกกระโหลก)
การถูกบีบในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ทำให้เกิดความผิดปรกติอะไร
เมื่อมีสัญญาณการคลอด หมอก็ต้องรีบจัดการให้ทารกออกมาโดยเร็วอยู่แล้ว
ไม่งั้นทารกจะเป็นอันตรายได้
ท่านอนของทารก คือ ขดอยู่ในครรภ์นั้น
เป็นท่าที่ทำให้เกิดความสงบสุขมากที่สุด
การฝึกโยคะ ยังนำท่าทารกในครรภ์มาเป็นท่าหนึ่งของโยคะ
ที่จะทำให้จิตใจสบายและผ่อนคลาย
เรื่องการกินน้ำเย็นกับน้ำร้อนของแม่ ยิ่งไร้สาระ
กินน้ำเย็นเข้าไป น้ำก็จะถูกปรับอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายแม่ตั้งแต่ตกถึงกระเพาะ
น้ำ ไม่ได้ลงไปถึงในมดลูกนะ
น้ำร้อนก็เหมือนกัน มันก็ร้อนอยู่ในปาก และในกระเพาะประเดี๋ยวหนึ่ง
แล้วก็ถูกปรับให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายเหมือนกัน
ส่วนเรื่องการคลอดนั้น
ร่างกายทารกถูกบีบให้ออกมาจากช่องเชิงกรานและช่องคลอดก็จริง
แต่กระดูกของทารกยังไม่ได้แข็งเหมือนกระดูกผู้ใหญ่
กระดูกบางส่วนยังไม่เชื่อมต่อกันด้วยซ้ำ (เช่น กระดูกกระโหลก)
การถูกบีบในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ทำให้เกิดความผิดปรกติอะไร
เมื่อมีสัญญาณการคลอด หมอก็ต้องรีบจัดการให้ทารกออกมาโดยเร็วอยู่แล้ว
ไม่งั้นทารกจะเป็นอันตรายได้
แสดงความคิดเห็น
ทารกอยู่ในครรภ์ เหมือนอยู่ในนรก?
อยากถามว่า เป็นจริงอย่างนี้ไหมครับ
ทางแพทย์หรือวิทยาศาสตร์บอกได้ไหม?
บทความว่าอย่างนี้
(ตัดบางส่วนออกเพราะอยากได้ข้อมูลเชิงวิทย์ล้วน)
บทความ
ถึงแม้ชีวิตที่อุบัติขึ้นมานั้นจะเจริญขึ้นจนมีอาการ ครบ ๓๒ แล้วก็ตาม ก็ยังหนีไม่พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ เพราะสภาพของทารกที่เติบโตขึ้นมานั้นย่อมเป็น ไปด้วยความทุกข์นานาประการ สรุปได้ว่า
“ขณะที่อยู่ในครรภ์มารดานั้น ทารกต้องประสบ ทุกข์อันเกิดจากสถานที่ที่อาศัย คือความคับ แคบของมดลูก ทำให้ทารกต้องอยู่ในท่านั่ง ยองๆ หันหลังให้กับหน้าท้อง หันหน้าเข้าสู่ กระดูกสันหลังของมารดา นั่งทับอาหารเก่า (ลำไส้ใหญ่) ไว้ และทูนอาหารใหม่ของมารดา (ลำไส้เล็ก) ไว้เบื้องบนศีรษะ สองมือกอดเข่า เสมือนหนึ่งวานรนั่งอยู่ในโพรงไม้ยามฝนตก ทั้ง ยังมีพังผืด คือถุงน้ำคร่ำและรกห่อหุ้มกายทำให้ ไม่สามารถเหยียดแขนขาออกไปได้เมื่อยแสน เมื่อยก็ขยับได้แต่เพียงเล็กน้อยพอให้แม่รู้สึกตัว ว่าลูกดิ้น ซึ่งยังความดีใจให้กับมารดาโดยหารู้ ไม่ว่า ขณะนั้นลูกรักกำลังเกิดทุกขเวทนาอย่าง เหลือล้น และจะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นไป อีกตราบนานเท่านานที่ต้องอยู่ในครรภ์มารดา อันตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอสุภะนั้น ความร้อน อันเกิดจากเตโชธาตุของมารดาที่มีอยู่ตลอด เวลาเป็นประดุจไฟที่คอยเผาทารกน้อยให้ร้อน ทุรนทุราย พิจารณาดูแล้วไม่ต่างไปจากก้อน เนื้อที่ถูกนึ่งอยู่ในหม้อ ต้องเสวยทุกขเวทนา อย่างแสนสาหัส จัดได้ว่าไม่ต่างไปจากขุมนรก ที่มืดมนอนธกาลเท่าใดนัก….นี่คือ ทุกข์ที่ชีวิต พึงได้รับเป็นปฐมจากการที่ต้องอุบัติขึ้นในครรภ์ มารดา “
….ยามใดที่มารดาเคลื่อนไหวเดินไปเดินมา หรือจะลุกนั่งกายของทารกนั้นย่อมถูกซัดไปซัด มาซัดขึ้นและซัดลง ไม่สามารถตั้งตรงอยู่ได้ ยัง ทารกนั้นเสวยทุกขเวทนา ยิ่งมารดาพลาดตก หกล้ม ก็ยิ่งสร้างความสะดุ้งตกใจหวาดหวั่น พรั่นพรึงทั่วสรรพางค์กาย ประดุจลูกทรายอ่อน ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของนักเลงสุรา หรือมิฉะนั้นก็ ประดุจงูตัวน้อยที่ต้องตกอยู่ในมือหมองู ยิ่งยาม ใดที่มารดาดื่มน้ำเย็นจัดเข้าไปทารกก็จะรู้สึก เยือกเย็นสยดสยอง ยามมารดากินของร้อนย่อม ยังผลให้ทารกนั้นต้องดิ้นรนประดุจมีห่าฝนอัน เป็นถ่านเพลิงมาราดอยู่บนศีรษะ และยามที่ มารดารับประทานอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเข้า ไปก็ยิ่งเพิ่มความปวดแสบปวดร้อนไปทั่ว สรรพางค์กาย ประดุจถูกแล่เนื้อเอาเกลือทาก็ ปานนั้น ทุกขเวทนาที่เกิดจากการบริหารของ มารดาเช่นนี้จัดเป็นทุกข์คำรบสองที่ทารกต้อง ประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
…..ยามที่ทารกนั้นเกิดนอนขวางอยู่ในครรภ์ มารดา ไม่สามารถคลอดออกมาได้ นายแพทย์ ต้องจัดท่าเพื่อจับเท้าดึงทารกออกมาให้ได้ทุกข์ อันแสนสาหัสที่เกิดขึ้นจากการกระทำให้ทารก ได้รับความเดือดร้อนเช่นนี้จัดเป็นทุกข์คำรบ สามที่ทารกต้องประสบ
…..เมื่อมีลมพัดกลับให้ทารกกลับตัวเอาหัวลง ในอย่างน่าสะพึงกลัว เพราะอาการไม่ต่างไป จากบุคคลที่ถูกผลักอย่างแรงให้ตกลงสู่เหวลึก และยิ่งขณะที่คลอดผ่านออกทางช่องคลอดที่มี ลักษณะเป็นท่อที่แคบๆ นั้น ยิ่งก่อให้เกิดทุกข เวทนาอย่างแสนสาหัสประดุจช้างสารที่ถูกดัน ออกจากช่องดาน หรือช่องประตูที่แคบ ดูประดุจ สัตว์ในนรกที่ถูกภูเขาบีบให้แหลกเป็นจุณ ทุกข์ เช่นนี้ อันเป็นทุกข์คำรบสี่ที่ทารกต้องประสบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
….แม้เมื่อทารกคลอดออกจากครรภ์มารดาแล้ว มีบุคคลอื่นมารับไปอาบล้างขัดสีสิ่งสกปรกออก ไป ผิวอันบอบบางที่เต็มไปด้วยกายประสาทและ ยังไม่เคยถูกต้องสัมผัสมาก่อน ย่อมเกิดความ รู้สึกในความแข็งที่มากระทบ ดูไม่ต่างไปจากถูก ทิ่งแทงด้วยปลายเข็ม หรือถูกเชือดเฉือนด้วย มีดอันคม ก่อให้เกิดความเจ็บปวดไปทั่วสรรพ์ กาย เสียงร้องของทารกที่ยังให้เกิดความดีอก ดีใจแก่ญาติมิตร โดยหารู้ไม่ว่า ขณะนั้นทารก กำลังประสบทุกข์อย่างมหันต์ เป็นทุกข์ที่เรียกว่า จัดเป็นทุกข์คำรบห้าที่ทารกต้องประสบจากการเกิด