ตามไม่ทัน
การเมืองไม่วิกฤติ เศรษฐกิจขยายตัว การท่องเที่ยวบูม
ทำให้ปริมาณคนเดินทางเข้าออกผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
การจราจรทางอากาศติดหนึบเหมือนห้าแยกลาดพร้าวตอนเช้าตอนเย็น
ยุคนี้ไม่ใช่มีแต่รถติด เครื่องบินก็ติดเหมือนกัน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า
สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินใหญ่อันดับ 3 ของโลก วันนี้ต้องรองรับเที่ยวบินถี่ยิบถึง 1,000 เที่ยวต่อวัน
สนามบินดอนเมือง ซึ่งเพิ่งเปิดใช้เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาก็ต้องรองรับเที่ยวบิน 470 เที่ยวต่อวัน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมืองไทยวันนี้ คนขี่เครื่องบินมากกว่าคนขี่รถไฟ
“แม่ลูกจันทร์” ไม่แปลกใจที่กระทรวงคมนาคมต้องวางแผนรับมือฉุกเฉินกันชุลมุนวุ่นวาย
เพราะแนวโน้มชี้ชัดว่ามีจำนวนเครื่องบินเข้าออกประเทศไทยมากขึ้นกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เกือบเท่าตัว
ปีนี้ (2556) คาดว่าจะมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึง 58,000 เที่ยวบิน
หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 160 เที่ยวบินต่อวัน
นี่เฉพาะสายการบินขาประจำ ยังไม่นับสายการบินขาจรหรือเครื่องบินเช่าเหมาลำที่บินเข้าบินออกเมืองไทยจนหัวกระไดเป็นมัน
“แม่ลูกจันทร์” ถือว่าโชคดียิ่งนักที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัดสินใจสั่งเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง หลังปล่อยเป็นสนามบินร้างตั้งแต่ยุครัฐบาล คมช.
เนื่องจากสนามบินดอนเมืองช่วยแบ่งเบาความแออัดยัดทะนานของสนามบินสุวรรณภูมิไปได้พอสมควร
ถ้ายังไม่เปิดใช้สนามบินดอนเมือง
จะเกิดวิกฤติเครื่องบินติดไฟแดงเต็มสนามบินสุวรรณภูมิ
เครื่องจะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ ต้องรอคิวบินขึ้นทีละลำ
เครื่องจะลงก็ลงไม่ได้ ต้องบินวนนานเป็นชั่วโมง
แต่ถึงเปิดใช้สนามบินดอนเมืองแล้วปัญหาก็ไม่จบอยู่ดี
เพราะอีก 2 ปีจากนี้ไป สนามบินดอนเมืองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
“แม่ลูกจันทร์” จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่กระทรวงคมนาคมเตรียมรับวิกฤติเครื่องบินล้นสนามบิน เป็นแผนเร่งด่วน 7 ประการ
1, ให้บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หามาตรการจูงใจสายการบินต่างๆ ให้ปรับตารางการบินจากชั่วโมงเร่งด่วนไปใช้ช่วงที่การจราจรเบาบาง
2, เจรจากับเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลท์ หรือเครื่องบินเช่าเหมาลำให้เปลี่ยนไปขึ้น–ลง ช่วงดึก เพื่อลดความจอแจ
3, เพิ่มความถี่และความจุของเที่ยวบิน โดยขยายพื้นที่การบินหรือถนนอากาศให้กว้างกว่าเดิม
4, หารือสายการบินหลักๆ ที่ใช้สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองถึงแผนการเพิ่มเที่ยวบินระยะ 5 ปี เพื่อวางแผนล่วงได้ทันเวลา
5, เตรียมขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาในเชิงพาณิชย์ให้พร้อมเป็นสนามบินสำรอง เพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเพื่อรองรับเที่ยวบินที่ล้นจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
6,
เร่งเพิ่มศักยภาพสนามบินดอนเมือง ซึ่งขณะนี้เปิดใช้งานเพียงเทอร์มินัลเดียวให้เปิดบริการเต็มอัตราศึก เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร 36 ล้านคนต่อปี
หรือเพิ่มจากปัจจุบันอีกเท่าตัว
7,
เร่งขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 80 ล้านคน เพิ่มจากปัจจุบันที่รับปริมาณผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน
จะเอาไงก็เอา...รีบๆ หน่อยก็แล้วกัน.
โดย...“แม่ลูกจันทร์”
ไทยรัฐออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/327157
??????????????????????????????????
เห็นหรือยังล่ะ
นี่คือผลงานจิ๊บๆส่วนหนึ่งของ "คนนั้น" คิด...แล้วให้"คนนี้" ทำ
แบบ ทูอินวัน ......
เหมือนกันกับการจ้างฝรั่งมาคิดนโยบายชั่งกิโลไข่ของนายหรือเปล่าจ๊ะ.....
จำไว้ "แหล"
นี่คือการทำงาน "เป็น"
และนี่คือการบริหารงานเพื่อคนไทยทั้งประเทศของจริง
"ประขาชนต้องมาก่อน" ของจริง ....!!!
จำใส่กะโหลกเพี้ยนๆของพวกนายไว้ "แหล"........
แม่ลูกจันทร์ไทยรัฐเขียน"ตามไม่ทัน" บอกกล่าวว่าการเมืองไม่วิกฤติ เศรษฐกิจขยายตัว การท่องเที่ยวบูม อะไรๆก็ดีไปหมดในยุคนี้
การเมืองไม่วิกฤติ เศรษฐกิจขยายตัว การท่องเที่ยวบูม
ทำให้ปริมาณคนเดินทางเข้าออกผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
การจราจรทางอากาศติดหนึบเหมือนห้าแยกลาดพร้าวตอนเช้าตอนเย็น
ยุคนี้ไม่ใช่มีแต่รถติด เครื่องบินก็ติดเหมือนกัน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินใหญ่อันดับ 3 ของโลก วันนี้ต้องรองรับเที่ยวบินถี่ยิบถึง 1,000 เที่ยวต่อวัน
สนามบินดอนเมือง ซึ่งเพิ่งเปิดใช้เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาก็ต้องรองรับเที่ยวบิน 470 เที่ยวต่อวัน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมืองไทยวันนี้ คนขี่เครื่องบินมากกว่าคนขี่รถไฟ
“แม่ลูกจันทร์” ไม่แปลกใจที่กระทรวงคมนาคมต้องวางแผนรับมือฉุกเฉินกันชุลมุนวุ่นวาย
เพราะแนวโน้มชี้ชัดว่ามีจำนวนเครื่องบินเข้าออกประเทศไทยมากขึ้นกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เกือบเท่าตัว
ปีนี้ (2556) คาดว่าจะมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นถึง 58,000 เที่ยวบิน
หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 160 เที่ยวบินต่อวัน
นี่เฉพาะสายการบินขาประจำ ยังไม่นับสายการบินขาจรหรือเครื่องบินเช่าเหมาลำที่บินเข้าบินออกเมืองไทยจนหัวกระไดเป็นมัน
“แม่ลูกจันทร์” ถือว่าโชคดียิ่งนักที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัดสินใจสั่งเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง หลังปล่อยเป็นสนามบินร้างตั้งแต่ยุครัฐบาล คมช.
เนื่องจากสนามบินดอนเมืองช่วยแบ่งเบาความแออัดยัดทะนานของสนามบินสุวรรณภูมิไปได้พอสมควร
ถ้ายังไม่เปิดใช้สนามบินดอนเมือง
จะเกิดวิกฤติเครื่องบินติดไฟแดงเต็มสนามบินสุวรรณภูมิ
เครื่องจะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ ต้องรอคิวบินขึ้นทีละลำ
เครื่องจะลงก็ลงไม่ได้ ต้องบินวนนานเป็นชั่วโมง
แต่ถึงเปิดใช้สนามบินดอนเมืองแล้วปัญหาก็ไม่จบอยู่ดี
เพราะอีก 2 ปีจากนี้ไป สนามบินดอนเมืองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
“แม่ลูกจันทร์” จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่กระทรวงคมนาคมเตรียมรับวิกฤติเครื่องบินล้นสนามบิน เป็นแผนเร่งด่วน 7 ประการ
1, ให้บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หามาตรการจูงใจสายการบินต่างๆ ให้ปรับตารางการบินจากชั่วโมงเร่งด่วนไปใช้ช่วงที่การจราจรเบาบาง
2, เจรจากับเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลท์ หรือเครื่องบินเช่าเหมาลำให้เปลี่ยนไปขึ้น–ลง ช่วงดึก เพื่อลดความจอแจ
3, เพิ่มความถี่และความจุของเที่ยวบิน โดยขยายพื้นที่การบินหรือถนนอากาศให้กว้างกว่าเดิม
4, หารือสายการบินหลักๆ ที่ใช้สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองถึงแผนการเพิ่มเที่ยวบินระยะ 5 ปี เพื่อวางแผนล่วงได้ทันเวลา
5, เตรียมขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาในเชิงพาณิชย์ให้พร้อมเป็นสนามบินสำรอง เพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเพื่อรองรับเที่ยวบินที่ล้นจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
6, เร่งเพิ่มศักยภาพสนามบินดอนเมือง ซึ่งขณะนี้เปิดใช้งานเพียงเทอร์มินัลเดียวให้เปิดบริการเต็มอัตราศึก เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร 36 ล้านคนต่อปี
หรือเพิ่มจากปัจจุบันอีกเท่าตัว
7, เร่งขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 80 ล้านคน เพิ่มจากปัจจุบันที่รับปริมาณผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน
จะเอาไงก็เอา...รีบๆ หน่อยก็แล้วกัน.
โดย...“แม่ลูกจันทร์”
ไทยรัฐออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/327157
??????????????????????????????????
เห็นหรือยังล่ะ
นี่คือผลงานจิ๊บๆส่วนหนึ่งของ "คนนั้น" คิด...แล้วให้"คนนี้" ทำ
แบบ ทูอินวัน ......
เหมือนกันกับการจ้างฝรั่งมาคิดนโยบายชั่งกิโลไข่ของนายหรือเปล่าจ๊ะ.....
จำไว้ "แหล"
นี่คือการทำงาน "เป็น"
และนี่คือการบริหารงานเพื่อคนไทยทั้งประเทศของจริง
"ประขาชนต้องมาก่อน" ของจริง ....!!!
จำใส่กะโหลกเพี้ยนๆของพวกนายไว้ "แหล"........