ประโยคที่มีชื่อเสียงของซุนวูก็คือ "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"
ซึ่งประโยคนี้สามารถใช้ได้อยู่ทุกยุคสมัย เพราะการจะเอาชนะคู่แข่งของเรา ก่อนอื่นเราต้องรู้จักคู่แข่งของเราก่อน จากนั้นจึงวางแผนที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ วันนี้ผมจึงขอเสนอวิธีในการวิเคราะห์คู่แข่ง โดยใช้วิธีที่เรียกว่า Five Force Analysis ของ Michael E. Porter
โดยผู้ทำธุรกิจส่วนตัวควรจะวิเคราะห์คู่แข่งโดยใช้มุมมอง 5 มุมมองคือ
1. ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดของเราคือใคร โดยเราต้องวิเคราะห์ว่าตอนนี้คู่แข่งของเรามีจุดเด่น จุดด้อยอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจของเรา อาจจะในด้าน ราคาสินค้าขายถูกกว่าเราไหม
คุณภาพสินค้า ชื่อเสียง ทำเลดีกว่าร้านเราไหม ความเชี่ยวชาญต่างๆ ของคู่แข่ง ลูกค้าของธุรกิจของเรากับคู่แข่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ โดยในข้อนี้คุณควรพิจารณาว่าธุรกิจส่วนตัวของคุณมีจุดเด่นอะไรที่จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ และมีจุดด้อยอย่างไร
เพื่อที่จะวางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้เหมาะสม
2.คู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาด ในข้อนี้คุณต้องพิจารณาว่าประเภทธุรกิจที่คุณทำอยู่ มีโอกาสที่คู่แข่งรายใหม่จะเข้ามาร่วมในตลาดมากน้อยแค่ไหน ใครน่าจะมีโอกาสเข้ามา และถ้ามีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขันจะมีผลกระทบอย่างไรต่อกิจการของเรา เช่น ถ้าเราขายเครื่องดื่ม อยู่ในแหล่งชุมชน ร้านเราขายดีมาก เราอาจจะต้องคิดว่าถ้ามีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขัน
เราจะสามารถต่อสู้กับคู่แข่งรายใหม่ได้หรือไม่ และจะมีวิธีป้องกันโดนแย่งลูกค้าได้อย่างไร
3.คู่แข่งจากสินค้าหรือบริการทดแทน คู่แข่งอาจจะไม่ใช่คู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทเดียวกับธุรกิจของคุณ แต่อาจจะมาจากสินค้าที่ทดแทนกันได้ เช่น ธุรกิจส่วนตัวของคุณคือร้านให้เช่า VCD DVD คู่แข่งจากสินค้าทดแทนของธุรกิจของคุณก็คือ แผ่นผี , การโหลด bit torrent
ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของร้านคุณไปใช้บริการแผ่นผี แล้วไม่ใช้บริการจากร้านคุณได้ ในข้อนี้คุณจะต้องวิเคราะห์ว่าสินค้าของคุณมีแนวโน้มจะถูกสินค้าอื่นเข้ามาแย่งลูกค้าไปหรือไม่ และคุณต้องพิจารณาว่าจะรับมืออย่างไร
4.คู่แข่งจาก supplier หรือผู้จัดส่งวัถุดิบ คุณลองคิดดูว่าถ้าบริษัทที่เราซื้อวัตถุดิบจากเขา และวันหนึ่งบริษัทนั้นมาทำธุรกิจแข่งกับเรา
จะเป็นอย่างไร หรือถ้าวันใดผู้จัดส่งวัตถุดิบไม่ส่งวัตถุดิบให้กับคุณ คุณมีแผนสำรองหรือไม่ เช่น เมื่อก่อนร้านขายของชำมักจะซื้อของมาขายจาก Lotus แต่ปัจจุบันนี้ Lotus ออก Lotus Express มาแข่งกับร้านขายของชำ
ทำให้ร้านขายของชำอยู่ได้ยากขึ้น เพราะ Lotus ขายของได้ราคาถูกกว่า
หรือในกรณีที่คุณขายอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบบางอย่างต้องนำเข้าจากญึ่ปุ่น ถ้าวัตถุดิบขาดตลาด คุณอาจจะต้องวางแผนหาวัตถุดิบสำรองในประเทศมาใช้ เพื่อจะได้ไม่ต้องปิดร้านในช่วงขาดวัตถุดิบ เป็นต้น
5.อำนาจต่อรองของลูกค้า ข้อนี้อาจจะไม่ใช่คู่แข่งทางตรงของธุรกิจ แต่ก็เป็นข้อสำคัญต่อการอยู่รอดของธุรกิจส่วนตัวของคุณ
โดยถ้าธุรกิจของคุณมีลูกค้าน้อยราย เราก็จำเป็นที่จะต้องง้อลูกค้าของเรา และลูกค้าก็อาจจะต่อรองให้เราลดราคา เช่น ธุรกิจของคุณคือรับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ถ้าคุณขายชิ้นส่วนให้รถยนต์เพียงเจ้าเดียว
เมื่อผู้ผลิตรถยนต์สั่งชิ้นส่วนจากธุรกิจของคุณจำนวนมาก ก็มักที่จะขอส่วนลดราคาด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณคงปฏิเสธไม่ได้เพราะคุณคงมีลูกค้าแค่รายเดียว ทำให้ถึงแม้คุณขายสินค้าได้มากขึ้นแต่กำไรต่อชิ้นก็อาจจะได้น้อยจนแทบไม่คุ้ม
แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าธุรกิจส่วนตัวของคุณมีลูกค้าที่หลากหลาย และมีลูกค้ามาซื้อสินค้าสม่ำเสมอ คุณก็ไม่ต้องกังวลกับข้อนี้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณช่วยวิเคราะห์คู่แข่งในการทำธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้นครับ
ที่มา
www.ThaiSMEfriend.com
ถ้าชอบบทความนี้รบกวนช่วยโหวตด้วยนะครับ (กดปุ่ม + เพื่อบอกว่าเนื้อหานี้ดี)

.
+++++ รู้จักคู่แข่งของธุรกิจคุณ +++++
ซึ่งประโยคนี้สามารถใช้ได้อยู่ทุกยุคสมัย เพราะการจะเอาชนะคู่แข่งของเรา ก่อนอื่นเราต้องรู้จักคู่แข่งของเราก่อน จากนั้นจึงวางแผนที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ วันนี้ผมจึงขอเสนอวิธีในการวิเคราะห์คู่แข่ง โดยใช้วิธีที่เรียกว่า Five Force Analysis ของ Michael E. Porter
โดยผู้ทำธุรกิจส่วนตัวควรจะวิเคราะห์คู่แข่งโดยใช้มุมมอง 5 มุมมองคือ
1. ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดของเราคือใคร โดยเราต้องวิเคราะห์ว่าตอนนี้คู่แข่งของเรามีจุดเด่น จุดด้อยอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจของเรา อาจจะในด้าน ราคาสินค้าขายถูกกว่าเราไหม
คุณภาพสินค้า ชื่อเสียง ทำเลดีกว่าร้านเราไหม ความเชี่ยวชาญต่างๆ ของคู่แข่ง ลูกค้าของธุรกิจของเรากับคู่แข่งเป็นคนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ โดยในข้อนี้คุณควรพิจารณาว่าธุรกิจส่วนตัวของคุณมีจุดเด่นอะไรที่จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ และมีจุดด้อยอย่างไร
เพื่อที่จะวางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้เหมาะสม
2.คู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาด ในข้อนี้คุณต้องพิจารณาว่าประเภทธุรกิจที่คุณทำอยู่ มีโอกาสที่คู่แข่งรายใหม่จะเข้ามาร่วมในตลาดมากน้อยแค่ไหน ใครน่าจะมีโอกาสเข้ามา และถ้ามีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขันจะมีผลกระทบอย่างไรต่อกิจการของเรา เช่น ถ้าเราขายเครื่องดื่ม อยู่ในแหล่งชุมชน ร้านเราขายดีมาก เราอาจจะต้องคิดว่าถ้ามีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขัน
เราจะสามารถต่อสู้กับคู่แข่งรายใหม่ได้หรือไม่ และจะมีวิธีป้องกันโดนแย่งลูกค้าได้อย่างไร
3.คู่แข่งจากสินค้าหรือบริการทดแทน คู่แข่งอาจจะไม่ใช่คู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทเดียวกับธุรกิจของคุณ แต่อาจจะมาจากสินค้าที่ทดแทนกันได้ เช่น ธุรกิจส่วนตัวของคุณคือร้านให้เช่า VCD DVD คู่แข่งจากสินค้าทดแทนของธุรกิจของคุณก็คือ แผ่นผี , การโหลด bit torrent
ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของร้านคุณไปใช้บริการแผ่นผี แล้วไม่ใช้บริการจากร้านคุณได้ ในข้อนี้คุณจะต้องวิเคราะห์ว่าสินค้าของคุณมีแนวโน้มจะถูกสินค้าอื่นเข้ามาแย่งลูกค้าไปหรือไม่ และคุณต้องพิจารณาว่าจะรับมืออย่างไร
4.คู่แข่งจาก supplier หรือผู้จัดส่งวัถุดิบ คุณลองคิดดูว่าถ้าบริษัทที่เราซื้อวัตถุดิบจากเขา และวันหนึ่งบริษัทนั้นมาทำธุรกิจแข่งกับเรา
จะเป็นอย่างไร หรือถ้าวันใดผู้จัดส่งวัตถุดิบไม่ส่งวัตถุดิบให้กับคุณ คุณมีแผนสำรองหรือไม่ เช่น เมื่อก่อนร้านขายของชำมักจะซื้อของมาขายจาก Lotus แต่ปัจจุบันนี้ Lotus ออก Lotus Express มาแข่งกับร้านขายของชำ
ทำให้ร้านขายของชำอยู่ได้ยากขึ้น เพราะ Lotus ขายของได้ราคาถูกกว่า
หรือในกรณีที่คุณขายอาหารญี่ปุ่น วัตถุดิบบางอย่างต้องนำเข้าจากญึ่ปุ่น ถ้าวัตถุดิบขาดตลาด คุณอาจจะต้องวางแผนหาวัตถุดิบสำรองในประเทศมาใช้ เพื่อจะได้ไม่ต้องปิดร้านในช่วงขาดวัตถุดิบ เป็นต้น
5.อำนาจต่อรองของลูกค้า ข้อนี้อาจจะไม่ใช่คู่แข่งทางตรงของธุรกิจ แต่ก็เป็นข้อสำคัญต่อการอยู่รอดของธุรกิจส่วนตัวของคุณ
โดยถ้าธุรกิจของคุณมีลูกค้าน้อยราย เราก็จำเป็นที่จะต้องง้อลูกค้าของเรา และลูกค้าก็อาจจะต่อรองให้เราลดราคา เช่น ธุรกิจของคุณคือรับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ถ้าคุณขายชิ้นส่วนให้รถยนต์เพียงเจ้าเดียว
เมื่อผู้ผลิตรถยนต์สั่งชิ้นส่วนจากธุรกิจของคุณจำนวนมาก ก็มักที่จะขอส่วนลดราคาด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณคงปฏิเสธไม่ได้เพราะคุณคงมีลูกค้าแค่รายเดียว ทำให้ถึงแม้คุณขายสินค้าได้มากขึ้นแต่กำไรต่อชิ้นก็อาจจะได้น้อยจนแทบไม่คุ้ม
แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าธุรกิจส่วนตัวของคุณมีลูกค้าที่หลากหลาย และมีลูกค้ามาซื้อสินค้าสม่ำเสมอ คุณก็ไม่ต้องกังวลกับข้อนี้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณช่วยวิเคราะห์คู่แข่งในการทำธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้นครับ
ที่มา
www.ThaiSMEfriend.com
ถ้าชอบบทความนี้รบกวนช่วยโหวตด้วยนะครับ (กดปุ่ม + เพื่อบอกว่าเนื้อหานี้ดี)
.