ภาพเก่าเล่าเรื่อง (๑๐)

กระทู้สนทนา


วันนี้ขอยืมภาพที่หาดูได้ยากจาก facebook ย้อนอดีต...วันวานมาลงนะครับ เป็นสะพานจุลจอมเกล้า (เดิม) ขณะถูกทิ้งระเบิดทำลาย ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒

เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๓ ช่วงการก่อสร้างทางรถไฟจากเมืองชุมพรไปยังนครศรีธรรมราช ต้องผ่านลำน้ำสายใหญ่ที่ ต.ท่าข้าม เมืองไชยา คือแม่น้ำหลวง (แม่น้ำตาปี) การก่อสร้างสะพานเหล็กรูปทรงโค้ง แบ่งเป็นสามช่วง ใช้สำหรับให้รถไฟแล่นผ่านอย่างเดียว ต้องใช้งบประมาณ ๑๔๙,๓๖๔ บาท แต่ถ้าจะทำทางคนเดินต้องเพิ่มงบประมาณอีก ๑๓,๐๐๐ บาท และถ้าจะให้สมบูรณ์มีทางเกวียนข้ามได้ด้วย ต้องเพิ่มงบประมาณอีก ๑๔๘,๖๑๐ ซึ่งราคาสูงเกือบเท่าตัวสะพาน

ในขณะนั้นที่ ต.ท่าข้าม เมืองไชยา ยังไม่ค่อยมีเกวียนใช้มาก ผู้คนก็ไม่มาก จึงขอพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ ๕ ให้งดการสร้างทางเกวียน

ดังนั้นสะพานข้ามแม่น้ำหลวง (แม่น้ำตาปี) จึงมีแต่ทางรถไฟกับคนเดินเท่านั้น มาเสร็จพอเปิดใช้งานให้รถไฟพระที่นั่งผ่านได้ ก็คราวเสด็จภาคใต้ ปี พ.ศ.๒๔๕๘ เนื่องจากเวลานั้นทางสายประธานเชื่อมต่อถึงกันไปถึงโคกโพธิ์แล้วแต่ยังไม่เปิดการเดินรถในทางบางตอนเนื่องจากทำย่านสถานีไม่เสร็จ กว่าจะเปิดกันได้ตลอดเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๕๙

ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ กองกำลังทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ จ.สุราษฎร์ธานี เชิงสะพานข้ามแม่น้ำตาปี เป็นจุดตั้งฐานทัพทหารญี่ปุ่น และเป็นจุดยุทธศาสตร์ลำเลียงพลไปสู่มลายู เพื่อเดินทางไปพม่า และสิงคโปร์ และในปี พ.ศ.๒๔๘๘ ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้ใช้เครื่องบิน บี ๒๔ บรรทุกระเบิดมาทำลายสะพานแห่งนี้ถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกไม่สามารถทำลายลงได้ ครั้งที่สอง จึงใช้โซ่ผูกร้อยระเบิดเป็นพวงทิ้งทำลายจนสะพานหักลงกลางลำน้ำตาปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ นอกจากนี้ ได้ระเบิดทำลายบ้านเรือนในตลาดท่าข้ามอีกด้วย

หลังสงครามสงบ กรมรถไฟได้ว่าจ้างบริษัท Dormanlong Co.Ltd ประเทศอังกฤษ มาทำการซ่อมแซม เปลี่ยนรูปทรงจากทรงเหล็กโค้ง เป็นแท่งเหลี่ยม ลักษณะรูปทรงเดียวกับสะพานพระรามที่ ๖ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วง มีทางรถไฟ ทางคนเดิน และช่องกลางเว้นไว้สำหรับผิวการจราจร ใช้เวลาซ่อมสร้างประมาณ ๖ ปี จึงแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระราชทานนามให้เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๙๔ ว่า “สะพานจุลจอมเกล้า” และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

ส่วนโครงสะพานเดิมที่อยู่ในสภาพดีนั้น ได้ย้ายไปเป็นสะพานข้ามคลองยัน บนเส้นทางสายชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ - คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

......................................

ขอบคุณทั้งรูปถ่ายและข้อความประกอบกระทู้จาก facebook ย้อนอดีต...วันวาน มา ณ โอกาสนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่