จากข่าวนี้
http://www.prachatai.com/journal/2013/02/45315
ความสูญเสียที่แท้จริง คือคนในครอบครัว โดยเฉพาะหัวอกของคนเป็นแม่ ขอชื่นชมนางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ แม่ของมะรอโซ "ที่กล้าหาญและยอมรับถึงการเสียชีวิตของลูกชายตัวเองได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการสู้กันทั้งสองฝ่ายด้วยอาวุธ" แม้จะเป็นผู้สูญเสีย แต่ก็เข้าใจได้ถึงสถานะของลูกชาย และ ฝ่าย จนท.รัฐ
คงไม่ได้แตกต่างจากมารดาของนายทหารหาญที่เสียชีวิตในสมรภูมิรบเพื่อชาติ ที่จำต้องกล้ำกลืนความเสียใจที่ต้องเสียลูกชายไป ในความเป็นจริง ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครส่งลูกชายตนไป ถ้ารู้ว่าต้องตายแน่ๆ แต่ที่ยังให้ไปนั้น ร้อยทั้งร้อย ก็ได้แต่คาดหมายว่า ลูกชายตนจะเป็นคนที่โชคดี แคล้วคลาดจากอันตรายแน่นอน
และเมื่อถึงเวลาสูญเสียแล้วจริงๆ ก็ต้องยอมรับโดยปริยาย ถึงแม้จะได้รับคำชื่นชม หรือเหรียญตรากล้าหาญขนาดไหน ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครแลกแน่
แต่ที่ไม่เข้าใจ สื่อทั้งหลาย รวมถึงคนมากมายในประเทศไทย กลับยกย่องเชิดชู กลุ่มผู้ก่อการร้ายกว่า 50 คนที่ติดอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกเข้าไปในค่ายทหารฯ ตอนตีหนึ่ง จะเพื่อหวังผล อะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายโดนตีโต้ เสียชีวิตไปเสีย 16-19 คน และทำไปทำมา ทหารกลายเป็นจำเลยของสังคมไปในทันใด ทั้งที่เป็นการต่อสู้ในที่ตั้ง และป้องกันชีวิตของตัวเอง
แม่ของนายมะรอโซ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นหัวหน้าขบวนการในการบุกโจมตี ยังเข้าใจและยอมรับได้ แต่ไฉนคนที่ไม่ใช่ญาติใกล้ชิด กลับไม่เข้าใจ และเบี่ยงเบนเรื่องราวไปประเด็นอื่น สร้างเรื่องราว กล่าวร้ายทหารไปต่างๆ นานา ว่าทำเกินกว่าเหตุบ้างล่ะ ฆ่าคนบริสุทธิ์ ฯลฯ แล้วแต่จะคิดจะเดาเอา
ผมไม่ได้ปฏิเสธถึงความเป็นมาและเป็นไป ความอยุติธรรมต่างๆ ที่กล่าวอ้าง ในภาคใต้ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังไม่เกิด 50 กว่าปีก่อน หรือการรับรู้ถึงการเผาโรงเรียนเป็นสิบๆ ภายในคืนเดียว ตั้งแต่ผมยังไม่ 10 ขวบด้วยซ้ำ
แต่เพื่อหวังผลทางการเมือง ทุกอย่าง จึงเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุการณ์ กรือแซะ ตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อปี 47 เท่านั้น เอามาฉายซ้ำเพื่อหวังผลทางการเมือง ก็ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์หรอกหรือ ที่เอาเรื่องนี้มาโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความแตกแยกให้เกิดมากยิ่งๆขึ้นไปในภาคใต้ แล้วสุดท้าย ก็รบ.พรรค.ปชป. นี่แหล่ะเอาทหารติดอาวุธมาปราบปรามคนเสื้อแดงกลางเมืองหลวง จนยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บล้มตายมากกว่า เกิดที่ตากใบด้วยซ้ำ แถมเป็นการจงใจด้วย เพราะทหารติดสไนเปอร์ ขณะที่ เหตุการณ์กรึอแซะ เกิดจากความผิดพลาดการบริหารจัดการ ซึ่งจำเป็นต้องหาคนรับผิดชอบ แม้ที่ผ่านมาจะหาไม่ได้ ก็ต้องหากันต่อไป คดียังไม่หมดอายุความ การชดใช้เยียวยา ก็ยังกระทำการอยู่
โดยเฉพาะคนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และเรียกร้องให้ต่อสู้ด้วยสันติวิธีในกรณีเสื้อแดง แต่เป็นไปได้อย่างไร ที่ไปชื่นชมยกย่อง คนร้ายติดอาวุธที่บุกเข้าไปในค่ายทหารแล้วถูกยิงตาย
ขอเรียกร้องให้มีสติ และแยกแยะให้ออก ว่าการต่อสู้ทางความคิด ความอยุติธรรมที่ได้รับจากรัฐฯนั้น มิใช่การติดอาวุธ และไปทำร้าย ทำลายคนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องนับหมื่นๆราย ทั้ง ชาวบ้าน ครู ผู้นำศาสนา หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่เกี่ยวข้องบางส่วน หาไม่แล้ว การเรียกร้องหาความยุติธรรมใดๆในโลกนี้ ก็จะมีแต่ความรุนแรง และความไม่สงบ เพราะคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศนี้ยังมีและเกิดขึ้นทุกๆวัน
หรือถ้าไม่เช่นนั้น ก็อย่าได้ไปมัวเสียเวลา พากันไปประท้วงศาลฯ ไปประท้วงนักการเมือง ไปรณรงค์ให้เขาปล่อยนักโทษการเมืองที่ติดคุกเพราะไม่ได้ทำความผิด อยู่เลย ชักชวนกันไปเผาศาลฯวางระเบิด หรือฆ่าให้ตายก็ยังได้ เพราะตัดสินไม่ยุติธรรม ญาติวีรชนคนเสื้อแดง ที่เสียชีวิต นักโทษการเมืองที่ถูกจับถูกซ้อมให้รับสารภาพ ให้ตกเป็นจำเลย ถูกจับขังคุก ครอบครัวต้องล่มสลาย ก็จงจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ และอย่าได้กลัวตาย เพราะตายแน่ๆ แต่จะได้รับการชื่นชม และคำยกย่องเยี่ยงวีรชน จากนักเรียกร้องสิทธิทั้งหลายอีกค่อนประเทศกระมังฯ
อย่าเลย ขอร้องเถอะ อย่าได้ทำให้นักต่อสู้ฯ ด้วยสันติวิธี ได้รับการยกย่องน้อยกว่าคนที่ต่อสู้ด้วยความรุนแรงเลยครับ เพื่อที่ชื่อของเหล่านักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ จะได้ไม่ถูกลบเลือนหายไปในโลกของความรุนแรงเฉกเช่นในปัจจุบัน
สำหรับการเสียชีวิตครั้งนี้ของนายมะรอโซ ผู้เป็นแม่รับได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการต่อสู้กันทั้งสองฝ่ายที่
ความสูญเสียที่แท้จริง คือคนในครอบครัว โดยเฉพาะหัวอกของคนเป็นแม่ ขอชื่นชมนางเจ๊ะมะ เจ๊ะนิ แม่ของมะรอโซ "ที่กล้าหาญและยอมรับถึงการเสียชีวิตของลูกชายตัวเองได้ ไม่ได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นการสู้กันทั้งสองฝ่ายด้วยอาวุธ" แม้จะเป็นผู้สูญเสีย แต่ก็เข้าใจได้ถึงสถานะของลูกชาย และ ฝ่าย จนท.รัฐ
คงไม่ได้แตกต่างจากมารดาของนายทหารหาญที่เสียชีวิตในสมรภูมิรบเพื่อชาติ ที่จำต้องกล้ำกลืนความเสียใจที่ต้องเสียลูกชายไป ในความเป็นจริง ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครส่งลูกชายตนไป ถ้ารู้ว่าต้องตายแน่ๆ แต่ที่ยังให้ไปนั้น ร้อยทั้งร้อย ก็ได้แต่คาดหมายว่า ลูกชายตนจะเป็นคนที่โชคดี แคล้วคลาดจากอันตรายแน่นอน
และเมื่อถึงเวลาสูญเสียแล้วจริงๆ ก็ต้องยอมรับโดยปริยาย ถึงแม้จะได้รับคำชื่นชม หรือเหรียญตรากล้าหาญขนาดไหน ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครแลกแน่
แต่ที่ไม่เข้าใจ สื่อทั้งหลาย รวมถึงคนมากมายในประเทศไทย กลับยกย่องเชิดชู กลุ่มผู้ก่อการร้ายกว่า 50 คนที่ติดอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกเข้าไปในค่ายทหารฯ ตอนตีหนึ่ง จะเพื่อหวังผล อะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายโดนตีโต้ เสียชีวิตไปเสีย 16-19 คน และทำไปทำมา ทหารกลายเป็นจำเลยของสังคมไปในทันใด ทั้งที่เป็นการต่อสู้ในที่ตั้ง และป้องกันชีวิตของตัวเอง
แม่ของนายมะรอโซ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นหัวหน้าขบวนการในการบุกโจมตี ยังเข้าใจและยอมรับได้ แต่ไฉนคนที่ไม่ใช่ญาติใกล้ชิด กลับไม่เข้าใจ และเบี่ยงเบนเรื่องราวไปประเด็นอื่น สร้างเรื่องราว กล่าวร้ายทหารไปต่างๆ นานา ว่าทำเกินกว่าเหตุบ้างล่ะ ฆ่าคนบริสุทธิ์ ฯลฯ แล้วแต่จะคิดจะเดาเอา
ผมไม่ได้ปฏิเสธถึงความเป็นมาและเป็นไป ความอยุติธรรมต่างๆ ที่กล่าวอ้าง ในภาคใต้ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังไม่เกิด 50 กว่าปีก่อน หรือการรับรู้ถึงการเผาโรงเรียนเป็นสิบๆ ภายในคืนเดียว ตั้งแต่ผมยังไม่ 10 ขวบด้วยซ้ำ
แต่เพื่อหวังผลทางการเมือง ทุกอย่าง จึงเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุการณ์ กรือแซะ ตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อปี 47 เท่านั้น เอามาฉายซ้ำเพื่อหวังผลทางการเมือง ก็ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์หรอกหรือ ที่เอาเรื่องนี้มาโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความแตกแยกให้เกิดมากยิ่งๆขึ้นไปในภาคใต้ แล้วสุดท้าย ก็รบ.พรรค.ปชป. นี่แหล่ะเอาทหารติดอาวุธมาปราบปรามคนเสื้อแดงกลางเมืองหลวง จนยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บล้มตายมากกว่า เกิดที่ตากใบด้วยซ้ำ แถมเป็นการจงใจด้วย เพราะทหารติดสไนเปอร์ ขณะที่ เหตุการณ์กรึอแซะ เกิดจากความผิดพลาดการบริหารจัดการ ซึ่งจำเป็นต้องหาคนรับผิดชอบ แม้ที่ผ่านมาจะหาไม่ได้ ก็ต้องหากันต่อไป คดียังไม่หมดอายุความ การชดใช้เยียวยา ก็ยังกระทำการอยู่
โดยเฉพาะคนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และเรียกร้องให้ต่อสู้ด้วยสันติวิธีในกรณีเสื้อแดง แต่เป็นไปได้อย่างไร ที่ไปชื่นชมยกย่อง คนร้ายติดอาวุธที่บุกเข้าไปในค่ายทหารแล้วถูกยิงตาย
ขอเรียกร้องให้มีสติ และแยกแยะให้ออก ว่าการต่อสู้ทางความคิด ความอยุติธรรมที่ได้รับจากรัฐฯนั้น มิใช่การติดอาวุธ และไปทำร้าย ทำลายคนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องนับหมื่นๆราย ทั้ง ชาวบ้าน ครู ผู้นำศาสนา หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่เกี่ยวข้องบางส่วน หาไม่แล้ว การเรียกร้องหาความยุติธรรมใดๆในโลกนี้ ก็จะมีแต่ความรุนแรง และความไม่สงบ เพราะคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในประเทศนี้ยังมีและเกิดขึ้นทุกๆวัน
หรือถ้าไม่เช่นนั้น ก็อย่าได้ไปมัวเสียเวลา พากันไปประท้วงศาลฯ ไปประท้วงนักการเมือง ไปรณรงค์ให้เขาปล่อยนักโทษการเมืองที่ติดคุกเพราะไม่ได้ทำความผิด อยู่เลย ชักชวนกันไปเผาศาลฯวางระเบิด หรือฆ่าให้ตายก็ยังได้ เพราะตัดสินไม่ยุติธรรม ญาติวีรชนคนเสื้อแดง ที่เสียชีวิต นักโทษการเมืองที่ถูกจับถูกซ้อมให้รับสารภาพ ให้ตกเป็นจำเลย ถูกจับขังคุก ครอบครัวต้องล่มสลาย ก็จงจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ และอย่าได้กลัวตาย เพราะตายแน่ๆ แต่จะได้รับการชื่นชม และคำยกย่องเยี่ยงวีรชน จากนักเรียกร้องสิทธิทั้งหลายอีกค่อนประเทศกระมังฯ
อย่าเลย ขอร้องเถอะ อย่าได้ทำให้นักต่อสู้ฯ ด้วยสันติวิธี ได้รับการยกย่องน้อยกว่าคนที่ต่อสู้ด้วยความรุนแรงเลยครับ เพื่อที่ชื่อของเหล่านักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ จะได้ไม่ถูกลบเลือนหายไปในโลกของความรุนแรงเฉกเช่นในปัจจุบัน