ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากพวกโซมะตกลงรับคำท้าก็เริ่มทดลองอาหารทันทีแต่ไม่ว่าโซมะจะทำมากี่จานคานิจิก็บอกว่าถึงจะอร่อย่แต่ก็ยังใช้ไม่ได้ บอกเลยว่าแค่นี้ยังเอาชนะอิคุมิไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เมงุมิเลยต้องวิ่งวุ่นช่วยการดวลยกใหญ่

หน้าเปิด

คานิจิบอกเลยว่าอิคุมิเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเนื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อวัวทำให้บอกเลยว่าไม่เห็นจำเป็นต้องยึดติดกับข้าวหน้าเนื้อวัวเลย บอกยกตัวอย่างโอยาโกะด้งเองก็ใช้เนื้อไก่ก็ใช้เป็นหัวข้อท้าได้เหมือนกันแท้ๆ ขืนใช้เนื้อแบบนี้อิคุมิคงจะทำได้ดีกว่านี้... โซมะก็เข้าใจอยู่และคิดว่าน่าจะให้มันแปลกกว่านี้ โซมะเลยถามเมงุมิว่ามีข้าวหน้าแบบไหนที่เมงุมิชอบ เมงุมิก็บอกเธอเองก็ไม่รู้จะเรียกข้าวหน้าได้รึเปล่าและก็ไม่ใช่เนื้อด้วย บอกถ้าเอาหอยพัดไปย่างบนตระแกรงแล้วเติมเนยนิดหน่อยกับโชยุตอนฝามันเปิดแล้วเอามาวางบนข้าวร้อนๆอร่อยอย่าบอกใครเลย คานิจิเลยบอกว่านั้นสิ ทำข้าวหน้าซีฟู้ดแข่งก็ได้แท้ๆแต่เพราะโซมะแท้ๆเลยต้องแข่งด้วยเนื้อเลย โซมะก็บอกหัวข้อกำหนดไปแล้วเลิกบ่นสักที

คานิจิบอกโซมะไม่รู้หรอกว่าอิคุมิเก่งขนาดไหน บอกเลยว่าถ้าอิคุมิได้เนื้อ "A5" มาก็ไม่มีทางชนะได้เลย เมงุมิได้ยิน A5 ก็จำได้ว่าเป็นระดับบอกคุณภาพเนื้อใช่มั้ย คานิจิบอกใช่ การแบ่งลักษณะของน้ำหนักต่อสัดส่วนของเนื้อวัวมีด้วยกัน 3 ระดับคือ A ถึง C และแบ่งตามคุณภาพได้ 5 ระดับจาก 5 ไป 1 โดยใช้ปัจจัยที่ดูคล้ายลายหินอ่อน ความแน่นของเนื้อ ความมันวาวของไขมัน และเนื้อวัวที่ระดับสูงสุดก็คือ A5 คานิจิบอกเลยว่าเขาเคยได้กินเนื้อสเต็กฝีมืออิคุมิตอนงานโรงเรียนบอกเลยว่าระดับของเนื้อนั้น "ดื่มยังได้" พวกโซมะแปลกใจที่ว่าดื่มได้

คานิจิบอกขณะที่กัดเนื้อจะกลายเป็นด้วยความอร่อย ไม่ต้องใช้ฟันก็ลื่นลงคอไปได้เลย ถ้าลองสั่งเนื้อแบบนี้ในภัตตาคารราคาก็แพงกว่า 10,000 เยนต่อหัวเลย จุดสำคัญครั้งนี้อยู่ที่การแข่งโชคุเงคินั้นวัตถุดิบที่จะใช้แข่งผู้แข่งต้องเตรียมมาเองเพราะการจัดหาวัตถุดิบเองก็เป็นหนึ่งในความสามารถที่จำเป็นของคนครัว และบ้านของอิคุมินั้นคือผู้ค้าเนื้อรายใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมธุรกิจค้าเนื้อวัวไม่ว่าจะเป็นการเงิน แหล่งผลิต เส้นทางค้าส่ง ทุกอย่างคือเหตุผลที่ทำไมอาหารของอิคุมิถึง...คุณภาพสูงสุด คานิจิพูดไปก็คอตกจนโซมะพูดเลยว่าเล่นพูดเองจิตตกเองซะงั้น เมงุมิเองก็พูดเลยว่าแบบนี้จะหาเนื้อที่ดีกว่าได้ไง โซมะก็คิดและพูดว่า...

ถามว่าชุมนุมนี้ก็มีข้าวหน้าเนื้อวัวใช่มั้ย คานิจิก็บอกโซมะว่าไม่ได้ฟังเลยเหรอไง ถ้าใช้เนื้อวัวไม่มีหวังจะเอาชนะอิคุมิได้แน่ แต่โซมะบอกข้าวราดหน้าเป็นอาหารที่ "เร็ว อร่อย ถูก" นะ เพราะงี้อิคุมิเลยดูถูก การจะทำให้อิคุมิยอมรับข้าวราดหน้าว่าดีได้ก็ต้องเอาชนะให้ได้โดยใช้เนื้อถูกๆไม่งั้นก็ไม่มีความหมาย คานิจิเจอโซมะพูดแบบนี้ก็พูดไม่ออก

คานิจิก็เข้าใจว่าบางครั้งลูกผู้ชายเองก็ต้องปกป้องถ้าถูกทรยศต่อความเชื่อสินะ โซมะจึงบอกเพราะงั้นพวกเขาจึงไม่พยายามจะใช้วัตถุดิบดีๆเพราะเสน่ห์ของข้าวราดหน้าไม่ได้อยู่ตรงนั้น โซมะก็คิดจะไปลองหาวัตถุดิบมาเพิ่มดูก็เลยถามว่าชุมนุมนี้มีงบเหลือเท่าไร เจอถามเรื่องนี้คานิจิก็พูดไม่ค่อยออกจนโซมะถามว่าเป็นอะไร คานิจิบอกงบที่เหลือ..รวมกับที่เขามีทั้งหมดแล้วก็.... แล้วคานิจิก็โชว์ให้พวกโซมะดูจนพวกโซมะนิ่งไปชั่วครู่แล้วค่อยตกใจกันยกใหญ่ โซมะถึงกับพูดเลยว่าแค่นี้เองเหรอ แค่นี้ยังไม่รู้เลยว่าจะซื้อวัตถุดิบมาทำทดลองได้รึเปล่า

เจอแบบนี้เข้าโซมะเลยต้องรีบวิ่งไปเครื่อง ATM อย่างด่วน พ่อโซมะบอกโซมะไว้ว่าเขาส่งค่าใช้จ่ายเป็นบางครั้ง โซมะคิดว่าด้วยงบที่ชุมนุมมีไม่มีทางเลยคงต้องใช้เงินจากค่าใช้จ่ายตัวเองที่พ่อส่งให้ แต่พอกดออกมาทั้งหมดปรากฎว่ามีแค่ 6,211 เยนเท่านั้น(จากที่ดูด้วยตา)ทำเอาโซมะคิดอยากโวยเลยว่าทั้งหมดของเขาเองก็มีแค่นี้เองเหรอจนโซมะอยากจะโวยพ่อเลยว่าบางครั้งบางคราวที่ว่ามันตรงตัวจริงๆงั้นเหรอไง

โซมะคิดเลยว่างานนี้แย่จริงๆแล้ว สุดท้ายก็เลยกลับมาที่ห้องชุมนุมก่อนซึ่งคานิจิก็ได้รวบรวมตำราของชุมนุมนี้ทั้งหมดออกมาจากคลังแล้วเพื่อจะดูว่าอาจมีอะไรพอใช้ได้บ้าง โซมะเห็นเริ่มมีไฟกันแล้วก็เลยจัดให้ลองลุยทำกันเลย

เมนูทดลองใหม่โซมะลองใช้เนื้อวัวแทนเนื้อหมูทำข้าวหน้าเนื้อวัวทอดซึ่งโซมะเอาไอเดียจากตำราของชุมนุมนี้และผสมไข่ไก่ดู รูปร่างก็ดีอยู่ปัญหาคือรสชาติ คานิจิลองกินดูก็บอกก็ไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ไหว ไม่มีอะไรชวนประทับใจเลยเวลาเข้าปากและบอกโซมะว่าอาหารของอิคุมิจะเหมือนนุ่ม(น่าจะใช้มันไม่มีคำแปล) โซมะก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องของไขมันคราวนี้เลยลองทำใหม่โดยใส่ไข่ลวกกับน้ำตาลและไขมันวัว เป็นข้าวหน้าสุกี้ยากี้ แต่คานิจิก็ยังบอกใช้ไม่ได้รสชาติยังชัดเจนไม่พอ พวกโซมะเลยลองกันเรื่อยๆ

จนวันต่อมา พวกโซมะที่มากลับมาก็เห็นคานิจิจิตตกอีกจนต้องให้เมงุมิสาดน้ำใส่ แต่เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ มืดค่ำแล้วเมงุมิก็คิดว่าค่ำพรุ่งนี้ก็จะแข่งแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นทางจะชนะได้เลยเงินทุนก็หมดแล้วด้วย

โซมะเองก็นั่งคิดไม่ตกเหมือนกันเพราะคิดว่าได้ลองทำข้าวราดหน้าหมดในตำราของชุมนุมนี้แล้วแถมยังลองปรับปรุงทุกทางที่ทำได้แล้วด้วย พยายามคิดว่าไม่มีทางเลยเหรอไง ทางที่จะใช้เนื้อถูกๆแล้วทำให้ประทับใจจนพึงพอใจได้ เมงุมิเห็นโซมะนั่งเงียบเลยเข้าไปพูดบอกทำไมไม่พักสักหน่อยก่อน ให้กำลังใจบอกลองเคลื่อนไหวซะบ้างอาจจะได้ไอเดียก็ได้ บอกเหมือนอย่างตอนคาบเรียนแรกไง... โซมะก็จำได้ว่าหมายถึงตอนที่ใช้น้ำผึ้งทำให้เนื้อนุ่ม ตอนนั้นเองที่โซมะเห็นเมงุมิถือสมุดที่หน้าปกเขียนว่า "ข้าวราดหน้าสเต็กสไตล์ญี่ปุ่น"

ทันทีนั้นโซมะลุกขึ้นจับไหล่เมงุมิทันทีจนเมงุมิตกใจ โซมะบอกเมงุมิเป็นผู้ช่วยชีวิตจริงๆ วิธีนี่แหละที่จะให้ความประทับใจด้วยเนื้อถูกๆได้ โซมะก็รีบไปถามคานิจิว่ามีเนื้อเหลือมั้ยส่วนไหนก็ได้ที่เป็นสเต็กเนื้อวัว คานิจิถึงกับตกใจที่โซมะขอสเต็กและบอกก็ลองทำข้าวราดหน้าเสต็กสไตล์ญี่ปุ่นไปแล้วนิแล้วทำไม... แต่โซมะก็ลองทำโดยเริ่มจากบากชิ้นสเต็กเป็นตารางสี่เหลี่ยม

แล้วก็ทุบให้เนื้อแผ่ออก จากนั้นก็หุ้มชิ้นเนื้อด้วยหัวหอมสับละเอียดทั้งสองด้านแล้วพักทิ้งไว้สักครู่ คานิจิคิดเลยว่าสเต็กกับหัวหอมแบบนี้เหมือนเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จากนั้นก็เอาหัวหอมออกจากเนื้อแล้วใส่เกลือกับพริกไทยปรุงรส ใส่เนยให้ละลายบนกะทะแล้วก็เอาหัวหอมสับละเอียดนั้นมาผัด แล้วเอาเนื้อใส่โดยเอาหัวหอมที่ผัดนั้นคลุมเนื้อให้ทั่วทั้งชิ้น จากนั้นก็ใช้มีดกรีดตามรอยตาข่ายของเนื้อแล้วเอามาวางบนข้าว

ก็เสร็จเรียบร้อย คานิจิดูแล้วก็บอกเลยว่านี้มันคือ "Shalyapin Steak" เป็นอาหารที่ถือกำเนิดในปี 1936 เมื่อตอนที่นักร้องโอเปร่าที่ชื่อ Fyodor Ivanovich Shalyapin ที่มาเยือนญี่ปุ่น ในตอนนั้นShalyapinมีอาการเจ็บฟันก็เลยขอร้องว่าอยากจะกินสเต็กนิ่มๆ อาหารจานนี้จึงถือกำเนิดขึ้นจากคำขอร้องนั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงถือเป็นสเต็กสไตล์ญี่ปุ่นดังเดิมที่ไม่มีในต่างประเทศมาก่อน โซมะก็ให้ทั้งสองคนลองชิมดูเลย

พอเมงุมิลองกินดูความรู้สึกแรกเลยก็คือ นุ่ม คานิจิเองลองดูก็เห็นว่านุ่มขนาดใช้ตะเกียบตัดยังได้เลยพอกิน แต่ละคำก็ล้วนมีรสของเนื้อกระจายเต็มปาก

โซมะบอกหัวหอมเองมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนซึ่งก็เหมือนสัปปะรดหรือน้ำผึ้งเพราะงั้นเนื้อจึงนุ่มได้ขนาดนี้ คานิจิก็คิดอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเนื้อถูกๆแบบนี้แต่กลับได้รสอร่อยเต็มปากแถมยังเข้ากับข้าวอีกต่างหาก คิดเลยว่าวิธีการใช้สเต็กกับหัวหอมแบบนี้นับว่าเป็นสุดยอดของข้าวราดหน้าเท่าที่ทำมาเลย แต่กระนั้นคานิจิก็ยังคิดอยู่ดีว่าแต่แค่นี้จะเอาชนะเนื้อ A5 ของอิคุมิได้รึเปล่า ด้านอิคุมิบอกเลยว่าเธอใช้เนื้อฟิเร่พันธุ์ญี่ปุ่นดำ แน่นอนว่าเป็นเนื้อ A5

ยิ่งกว่านั้นยังหมักไว้นานเกินกว่าเดือนซึ่งในอีก 3 วันที่จะแข่งก็จะได้คุณภาพที่ดีที่สุด เรียกได้เลยว่าเป็น A5 ที่เหนือกว่า A5 และเธอก็จะปรุงด้วยวิธีที่จะดึงรสชาติของเนื้อออกมาให้มากที่สุดเพื่อทำลายด้งเคนซะ เอรินะก็หวังรอผลนั้นอยู่

แถมเอรินะยังคิดด้วยว่าเป็นโอกาสที่เร็วที่จะไล่โซมะออกไปจากโทสึกิด้วย ด้านโซมะเมงุมิก็เห็นว่าโซมะจะปรับปรุงเพิ่มอีก โซมะบอกใช่ บอกหัวหอมสับละเอียดนี้เขาจะทำให้มัน "พัฒนา" กลายเป็นซอสชั้นเลิศที่จะมอบสีสันให้กับข้าวราดหน้าชามนี้

จบตอน
[Spoil] Shokugeki no Soma - 11
หน้าเปิด
คานิจิบอกเลยว่าอิคุมิเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเนื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อวัวทำให้บอกเลยว่าไม่เห็นจำเป็นต้องยึดติดกับข้าวหน้าเนื้อวัวเลย บอกยกตัวอย่างโอยาโกะด้งเองก็ใช้เนื้อไก่ก็ใช้เป็นหัวข้อท้าได้เหมือนกันแท้ๆ ขืนใช้เนื้อแบบนี้อิคุมิคงจะทำได้ดีกว่านี้... โซมะก็เข้าใจอยู่และคิดว่าน่าจะให้มันแปลกกว่านี้ โซมะเลยถามเมงุมิว่ามีข้าวหน้าแบบไหนที่เมงุมิชอบ เมงุมิก็บอกเธอเองก็ไม่รู้จะเรียกข้าวหน้าได้รึเปล่าและก็ไม่ใช่เนื้อด้วย บอกถ้าเอาหอยพัดไปย่างบนตระแกรงแล้วเติมเนยนิดหน่อยกับโชยุตอนฝามันเปิดแล้วเอามาวางบนข้าวร้อนๆอร่อยอย่าบอกใครเลย คานิจิเลยบอกว่านั้นสิ ทำข้าวหน้าซีฟู้ดแข่งก็ได้แท้ๆแต่เพราะโซมะแท้ๆเลยต้องแข่งด้วยเนื้อเลย โซมะก็บอกหัวข้อกำหนดไปแล้วเลิกบ่นสักที
คานิจิบอกโซมะไม่รู้หรอกว่าอิคุมิเก่งขนาดไหน บอกเลยว่าถ้าอิคุมิได้เนื้อ "A5" มาก็ไม่มีทางชนะได้เลย เมงุมิได้ยิน A5 ก็จำได้ว่าเป็นระดับบอกคุณภาพเนื้อใช่มั้ย คานิจิบอกใช่ การแบ่งลักษณะของน้ำหนักต่อสัดส่วนของเนื้อวัวมีด้วยกัน 3 ระดับคือ A ถึง C และแบ่งตามคุณภาพได้ 5 ระดับจาก 5 ไป 1 โดยใช้ปัจจัยที่ดูคล้ายลายหินอ่อน ความแน่นของเนื้อ ความมันวาวของไขมัน และเนื้อวัวที่ระดับสูงสุดก็คือ A5 คานิจิบอกเลยว่าเขาเคยได้กินเนื้อสเต็กฝีมืออิคุมิตอนงานโรงเรียนบอกเลยว่าระดับของเนื้อนั้น "ดื่มยังได้" พวกโซมะแปลกใจที่ว่าดื่มได้
คานิจิบอกขณะที่กัดเนื้อจะกลายเป็นด้วยความอร่อย ไม่ต้องใช้ฟันก็ลื่นลงคอไปได้เลย ถ้าลองสั่งเนื้อแบบนี้ในภัตตาคารราคาก็แพงกว่า 10,000 เยนต่อหัวเลย จุดสำคัญครั้งนี้อยู่ที่การแข่งโชคุเงคินั้นวัตถุดิบที่จะใช้แข่งผู้แข่งต้องเตรียมมาเองเพราะการจัดหาวัตถุดิบเองก็เป็นหนึ่งในความสามารถที่จำเป็นของคนครัว และบ้านของอิคุมินั้นคือผู้ค้าเนื้อรายใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมธุรกิจค้าเนื้อวัวไม่ว่าจะเป็นการเงิน แหล่งผลิต เส้นทางค้าส่ง ทุกอย่างคือเหตุผลที่ทำไมอาหารของอิคุมิถึง...คุณภาพสูงสุด คานิจิพูดไปก็คอตกจนโซมะพูดเลยว่าเล่นพูดเองจิตตกเองซะงั้น เมงุมิเองก็พูดเลยว่าแบบนี้จะหาเนื้อที่ดีกว่าได้ไง โซมะก็คิดและพูดว่า...
ถามว่าชุมนุมนี้ก็มีข้าวหน้าเนื้อวัวใช่มั้ย คานิจิก็บอกโซมะว่าไม่ได้ฟังเลยเหรอไง ถ้าใช้เนื้อวัวไม่มีหวังจะเอาชนะอิคุมิได้แน่ แต่โซมะบอกข้าวราดหน้าเป็นอาหารที่ "เร็ว อร่อย ถูก" นะ เพราะงี้อิคุมิเลยดูถูก การจะทำให้อิคุมิยอมรับข้าวราดหน้าว่าดีได้ก็ต้องเอาชนะให้ได้โดยใช้เนื้อถูกๆไม่งั้นก็ไม่มีความหมาย คานิจิเจอโซมะพูดแบบนี้ก็พูดไม่ออก
คานิจิก็เข้าใจว่าบางครั้งลูกผู้ชายเองก็ต้องปกป้องถ้าถูกทรยศต่อความเชื่อสินะ โซมะจึงบอกเพราะงั้นพวกเขาจึงไม่พยายามจะใช้วัตถุดิบดีๆเพราะเสน่ห์ของข้าวราดหน้าไม่ได้อยู่ตรงนั้น โซมะก็คิดจะไปลองหาวัตถุดิบมาเพิ่มดูก็เลยถามว่าชุมนุมนี้มีงบเหลือเท่าไร เจอถามเรื่องนี้คานิจิก็พูดไม่ค่อยออกจนโซมะถามว่าเป็นอะไร คานิจิบอกงบที่เหลือ..รวมกับที่เขามีทั้งหมดแล้วก็.... แล้วคานิจิก็โชว์ให้พวกโซมะดูจนพวกโซมะนิ่งไปชั่วครู่แล้วค่อยตกใจกันยกใหญ่ โซมะถึงกับพูดเลยว่าแค่นี้เองเหรอ แค่นี้ยังไม่รู้เลยว่าจะซื้อวัตถุดิบมาทำทดลองได้รึเปล่า
เจอแบบนี้เข้าโซมะเลยต้องรีบวิ่งไปเครื่อง ATM อย่างด่วน พ่อโซมะบอกโซมะไว้ว่าเขาส่งค่าใช้จ่ายเป็นบางครั้ง โซมะคิดว่าด้วยงบที่ชุมนุมมีไม่มีทางเลยคงต้องใช้เงินจากค่าใช้จ่ายตัวเองที่พ่อส่งให้ แต่พอกดออกมาทั้งหมดปรากฎว่ามีแค่ 6,211 เยนเท่านั้น(จากที่ดูด้วยตา)ทำเอาโซมะคิดอยากโวยเลยว่าทั้งหมดของเขาเองก็มีแค่นี้เองเหรอจนโซมะอยากจะโวยพ่อเลยว่าบางครั้งบางคราวที่ว่ามันตรงตัวจริงๆงั้นเหรอไง
โซมะคิดเลยว่างานนี้แย่จริงๆแล้ว สุดท้ายก็เลยกลับมาที่ห้องชุมนุมก่อนซึ่งคานิจิก็ได้รวบรวมตำราของชุมนุมนี้ทั้งหมดออกมาจากคลังแล้วเพื่อจะดูว่าอาจมีอะไรพอใช้ได้บ้าง โซมะเห็นเริ่มมีไฟกันแล้วก็เลยจัดให้ลองลุยทำกันเลย
เมนูทดลองใหม่โซมะลองใช้เนื้อวัวแทนเนื้อหมูทำข้าวหน้าเนื้อวัวทอดซึ่งโซมะเอาไอเดียจากตำราของชุมนุมนี้และผสมไข่ไก่ดู รูปร่างก็ดีอยู่ปัญหาคือรสชาติ คานิจิลองกินดูก็บอกก็ไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ไหว ไม่มีอะไรชวนประทับใจเลยเวลาเข้าปากและบอกโซมะว่าอาหารของอิคุมิจะเหมือนนุ่ม(น่าจะใช้มันไม่มีคำแปล) โซมะก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องของไขมันคราวนี้เลยลองทำใหม่โดยใส่ไข่ลวกกับน้ำตาลและไขมันวัว เป็นข้าวหน้าสุกี้ยากี้ แต่คานิจิก็ยังบอกใช้ไม่ได้รสชาติยังชัดเจนไม่พอ พวกโซมะเลยลองกันเรื่อยๆ
จนวันต่อมา พวกโซมะที่มากลับมาก็เห็นคานิจิจิตตกอีกจนต้องให้เมงุมิสาดน้ำใส่ แต่เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ มืดค่ำแล้วเมงุมิก็คิดว่าค่ำพรุ่งนี้ก็จะแข่งแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นทางจะชนะได้เลยเงินทุนก็หมดแล้วด้วย
โซมะเองก็นั่งคิดไม่ตกเหมือนกันเพราะคิดว่าได้ลองทำข้าวราดหน้าหมดในตำราของชุมนุมนี้แล้วแถมยังลองปรับปรุงทุกทางที่ทำได้แล้วด้วย พยายามคิดว่าไม่มีทางเลยเหรอไง ทางที่จะใช้เนื้อถูกๆแล้วทำให้ประทับใจจนพึงพอใจได้ เมงุมิเห็นโซมะนั่งเงียบเลยเข้าไปพูดบอกทำไมไม่พักสักหน่อยก่อน ให้กำลังใจบอกลองเคลื่อนไหวซะบ้างอาจจะได้ไอเดียก็ได้ บอกเหมือนอย่างตอนคาบเรียนแรกไง... โซมะก็จำได้ว่าหมายถึงตอนที่ใช้น้ำผึ้งทำให้เนื้อนุ่ม ตอนนั้นเองที่โซมะเห็นเมงุมิถือสมุดที่หน้าปกเขียนว่า "ข้าวราดหน้าสเต็กสไตล์ญี่ปุ่น"
ทันทีนั้นโซมะลุกขึ้นจับไหล่เมงุมิทันทีจนเมงุมิตกใจ โซมะบอกเมงุมิเป็นผู้ช่วยชีวิตจริงๆ วิธีนี่แหละที่จะให้ความประทับใจด้วยเนื้อถูกๆได้ โซมะก็รีบไปถามคานิจิว่ามีเนื้อเหลือมั้ยส่วนไหนก็ได้ที่เป็นสเต็กเนื้อวัว คานิจิถึงกับตกใจที่โซมะขอสเต็กและบอกก็ลองทำข้าวราดหน้าเสต็กสไตล์ญี่ปุ่นไปแล้วนิแล้วทำไม... แต่โซมะก็ลองทำโดยเริ่มจากบากชิ้นสเต็กเป็นตารางสี่เหลี่ยม
แล้วก็ทุบให้เนื้อแผ่ออก จากนั้นก็หุ้มชิ้นเนื้อด้วยหัวหอมสับละเอียดทั้งสองด้านแล้วพักทิ้งไว้สักครู่ คานิจิคิดเลยว่าสเต็กกับหัวหอมแบบนี้เหมือนเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จากนั้นก็เอาหัวหอมออกจากเนื้อแล้วใส่เกลือกับพริกไทยปรุงรส ใส่เนยให้ละลายบนกะทะแล้วก็เอาหัวหอมสับละเอียดนั้นมาผัด แล้วเอาเนื้อใส่โดยเอาหัวหอมที่ผัดนั้นคลุมเนื้อให้ทั่วทั้งชิ้น จากนั้นก็ใช้มีดกรีดตามรอยตาข่ายของเนื้อแล้วเอามาวางบนข้าว
ก็เสร็จเรียบร้อย คานิจิดูแล้วก็บอกเลยว่านี้มันคือ "Shalyapin Steak" เป็นอาหารที่ถือกำเนิดในปี 1936 เมื่อตอนที่นักร้องโอเปร่าที่ชื่อ Fyodor Ivanovich Shalyapin ที่มาเยือนญี่ปุ่น ในตอนนั้นShalyapinมีอาการเจ็บฟันก็เลยขอร้องว่าอยากจะกินสเต็กนิ่มๆ อาหารจานนี้จึงถือกำเนิดขึ้นจากคำขอร้องนั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงถือเป็นสเต็กสไตล์ญี่ปุ่นดังเดิมที่ไม่มีในต่างประเทศมาก่อน โซมะก็ให้ทั้งสองคนลองชิมดูเลย
พอเมงุมิลองกินดูความรู้สึกแรกเลยก็คือ นุ่ม คานิจิเองลองดูก็เห็นว่านุ่มขนาดใช้ตะเกียบตัดยังได้เลยพอกิน แต่ละคำก็ล้วนมีรสของเนื้อกระจายเต็มปาก
โซมะบอกหัวหอมเองมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนซึ่งก็เหมือนสัปปะรดหรือน้ำผึ้งเพราะงั้นเนื้อจึงนุ่มได้ขนาดนี้ คานิจิก็คิดอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเนื้อถูกๆแบบนี้แต่กลับได้รสอร่อยเต็มปากแถมยังเข้ากับข้าวอีกต่างหาก คิดเลยว่าวิธีการใช้สเต็กกับหัวหอมแบบนี้นับว่าเป็นสุดยอดของข้าวราดหน้าเท่าที่ทำมาเลย แต่กระนั้นคานิจิก็ยังคิดอยู่ดีว่าแต่แค่นี้จะเอาชนะเนื้อ A5 ของอิคุมิได้รึเปล่า ด้านอิคุมิบอกเลยว่าเธอใช้เนื้อฟิเร่พันธุ์ญี่ปุ่นดำ แน่นอนว่าเป็นเนื้อ A5
ยิ่งกว่านั้นยังหมักไว้นานเกินกว่าเดือนซึ่งในอีก 3 วันที่จะแข่งก็จะได้คุณภาพที่ดีที่สุด เรียกได้เลยว่าเป็น A5 ที่เหนือกว่า A5 และเธอก็จะปรุงด้วยวิธีที่จะดึงรสชาติของเนื้อออกมาให้มากที่สุดเพื่อทำลายด้งเคนซะ เอรินะก็หวังรอผลนั้นอยู่
แถมเอรินะยังคิดด้วยว่าเป็นโอกาสที่เร็วที่จะไล่โซมะออกไปจากโทสึกิด้วย ด้านโซมะเมงุมิก็เห็นว่าโซมะจะปรับปรุงเพิ่มอีก โซมะบอกใช่ บอกหัวหอมสับละเอียดนี้เขาจะทำให้มัน "พัฒนา" กลายเป็นซอสชั้นเลิศที่จะมอบสีสันให้กับข้าวราดหน้าชามนี้
จบตอน