สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เราว่าไม่จำเป็นเลยครับ
เพราะจริงๆแล้ว โทนเนอร์ เป็นขั้นตอน แฟนชี ที่เกิดขึ้นมาด้วยการ แก้จุดบอด ของ
1. การล้างหน้าไม่สะอาด
2. การปรับค่า Ph
3. การเริ่มต้นบำรุงผิว
1. การล้างหน้าไม่สะอาด
ทำไม เพราะ ยังมีคนส่วนมากที่ยัง ล้างหน้า ไม่สะอาด เช่น ใช้โฟมล้างเครื่องสำอางค์ ทันทีโดยไม่รู้ ไม่ได้ Cleansing oil / milk บลาๆ ไปก่อน
ที่นี้พอทาครีมต่อเลย ก็เกิด อาการ หน้าแหก สิครับ เพราะล้างหน้าไม่สะอาด การใช้โทนเนอร์ จึงเหมือนเป็นตัวที่ให้ Consumer ได้ล้างหน้าให้สะอาดก่อน อะไรที่ตกค้างไว้จะได้สะอาดก่อน อีกเท่าหนึ่ง
ส่วน หน้าที่ทำความสะอาดมาดีแล้ว แล้วมาเช็ดโทนเนอร์ ถ้าเป็น โทนเนอร์ ธรรมดา ก็จัดว่าเป็น ผลพลอยได้ เนื่องจากเป็นการเช็ดคราบ อะไร
ต่อ มิอะไรที่อาจจะเกิดขึ้น หลังล้างหน้า เช่น คราบผ้าเช็ดตัว เป็นต้นครับ แต่ถ้าทำความสะอาด มาดีมากแล้ว เราว่าตรงนี้มันเป็น ขั้นตอน แฟนชี เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วการ ทำความสะอาด หน้าที่สะอาด ดีอยู่แล้ว ก็จัดเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ของผู้บริโภคด้วยครับ
2.การปรับค่า Ph
การปรับค่า Ph ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ โทนเนอร์ มามีอิทธิพล เพราะส่วนมาก Cleanser ในตลาด ก็จะมี ค่า Ph ที่เป็นเบส ค่อนข้างสูง (ประมาณ 7 ขั้นไป) ซึ่งอาจจะทำให้ การทาผลิตภัณท์ต่อไป อาจไม่ค่อยดี ผิวจะได้รับสารอาหารดีที่สุดเมื่ออยู่สภาวะ เป็นกลาง 4.5-5.5 (หรือสภาวะ Ph แบบกรดอ่อนเช่น Vit C แบบ AA request ph 3-4 , AHA BHA ก็เช่นเดียวกัน) ก็ใช้โทนเนอร์เช็ด เราเลยไม่ต้องรอให้ผิว ปรับ Ph ตัวเอง ก็เลยจะมีประโยชน์ในแง่นี้ไป
3.การเริ่มต้นบำรุงผิว
โทนเนอร์ ยังช่วยบำรุงผิวเพราะ โทนเนอร์หลายๆตัวในตลาดมี สารบำรุงที่ดี แถมยังช่วยให้สารบำรุง ซึมเราสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น เพราะสารจำพวก ไกโคล อยู่ในปริมาณสูง มักจะมีอยู่ใน โทนเนอร์ นี่แหละครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น แก้ไขได้ ด้วยการใส่ใจในขั้นตอนต่างๆ มากขึ้น ก็จะเห็นว่า Toner นั้นไม่มีความจำเป็นเลยครับ
เพราะจริงๆแล้ว โทนเนอร์ เป็นขั้นตอน แฟนชี ที่เกิดขึ้นมาด้วยการ แก้จุดบอด ของ
1. การล้างหน้าไม่สะอาด
2. การปรับค่า Ph
3. การเริ่มต้นบำรุงผิว
1. การล้างหน้าไม่สะอาด
ทำไม เพราะ ยังมีคนส่วนมากที่ยัง ล้างหน้า ไม่สะอาด เช่น ใช้โฟมล้างเครื่องสำอางค์ ทันทีโดยไม่รู้ ไม่ได้ Cleansing oil / milk บลาๆ ไปก่อน
ที่นี้พอทาครีมต่อเลย ก็เกิด อาการ หน้าแหก สิครับ เพราะล้างหน้าไม่สะอาด การใช้โทนเนอร์ จึงเหมือนเป็นตัวที่ให้ Consumer ได้ล้างหน้าให้สะอาดก่อน อะไรที่ตกค้างไว้จะได้สะอาดก่อน อีกเท่าหนึ่ง
ส่วน หน้าที่ทำความสะอาดมาดีแล้ว แล้วมาเช็ดโทนเนอร์ ถ้าเป็น โทนเนอร์ ธรรมดา ก็จัดว่าเป็น ผลพลอยได้ เนื่องจากเป็นการเช็ดคราบ อะไร
ต่อ มิอะไรที่อาจจะเกิดขึ้น หลังล้างหน้า เช่น คราบผ้าเช็ดตัว เป็นต้นครับ แต่ถ้าทำความสะอาด มาดีมากแล้ว เราว่าตรงนี้มันเป็น ขั้นตอน แฟนชี เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วการ ทำความสะอาด หน้าที่สะอาด ดีอยู่แล้ว ก็จัดเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ของผู้บริโภคด้วยครับ
2.การปรับค่า Ph
การปรับค่า Ph ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ โทนเนอร์ มามีอิทธิพล เพราะส่วนมาก Cleanser ในตลาด ก็จะมี ค่า Ph ที่เป็นเบส ค่อนข้างสูง (ประมาณ 7 ขั้นไป) ซึ่งอาจจะทำให้ การทาผลิตภัณท์ต่อไป อาจไม่ค่อยดี ผิวจะได้รับสารอาหารดีที่สุดเมื่ออยู่สภาวะ เป็นกลาง 4.5-5.5 (หรือสภาวะ Ph แบบกรดอ่อนเช่น Vit C แบบ AA request ph 3-4 , AHA BHA ก็เช่นเดียวกัน) ก็ใช้โทนเนอร์เช็ด เราเลยไม่ต้องรอให้ผิว ปรับ Ph ตัวเอง ก็เลยจะมีประโยชน์ในแง่นี้ไป
3.การเริ่มต้นบำรุงผิว
โทนเนอร์ ยังช่วยบำรุงผิวเพราะ โทนเนอร์หลายๆตัวในตลาดมี สารบำรุงที่ดี แถมยังช่วยให้สารบำรุง ซึมเราสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น เพราะสารจำพวก ไกโคล อยู่ในปริมาณสูง มักจะมีอยู่ใน โทนเนอร์ นี่แหละครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น แก้ไขได้ ด้วยการใส่ใจในขั้นตอนต่างๆ มากขึ้น ก็จะเห็นว่า Toner นั้นไม่มีความจำเป็นเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
ทุกคนคิดว่า,, การใช้โทนเนอร์ สำคัญไหมคะ?
อยู่ๆก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า จริงๆแล้ว ไอ้โทนเนอร์เนี่ยมันจำเป็นกับการบำรุงผิวของเราจริงๆรึเปล่า????
เพราะตลอดเวลาที่ใช้มานี้ ยอมรับเลยว่า ใช้เพราะได้ยินมาว่าต้องใช้แค่นั้นเองค่ะ
ก็เลยอยากรู้ว่าที่จริงโทนเนอร์มันจำเป็นและสำคัญในการบำรุงผิวไหมคะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบนะคะ^^