
ประด็นที่ทำให้เจอ
ข้อหาลักทรัพย์ ก็เพราะการเก็บข้าวสารในคลังรัฐบาลทุกจังหวัดทุกพื้นที่ต้องคัดเลือกโกดังที่ได้มาตรฐาน มีกรรมการตรวจสอบดูแลใกล้ชิด การเปิดโกดังไม่ใช่เรื่องทำได้โดยง่าย ทุกโกดังเปิดออกมาได้ต่อเมื่อมีผู้ถือกุญแจ 3 คนมาไขกุญแจพร้อมกัน คือ 1.เจ้าหน้าที่อคส.ประจำจังหวัด 2.เจ้าหน้าที่บริษัทเซอร์เวเยอร์ และ 3.เจ้าหน้าที่ทางจังหวัดมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด
และการไขกุญแจโกดังแต่ละครั้งต้องบันทึกอย่างชัดเจน
“การที่นพ.วรงรค์เอากระสอบข้าวสารออกมาเป็นการกระทำที่อุกอาจ เพราะเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งทุกโกดังมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผมสั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังแล้ว”
ที่สำคัญงานนี้ไม่ได้เจอแลกหมัดเพียงแค่ดอกเดียว แต่ยังมีศอกกลับสวนเข้าให้อีกดอกด้วย เพราะนายณัฐวุฒิ นอกจากจะจี้เรื่องที่มาที่ไปของข้าวกระสอบนั้นว่าได้มาจากที่ไหน แล้วใครนำมามอบให้
ซึ่งถ้านพ.วรงค์ยังปิดบังข้อมูลนี้ ก็ต้องกลายเป็นว่าร่วมอยู่ในขบวนการขโมยทรัพย์สินทางราชการ
เพราะของกลางอยู่ในมือ
แต่ ถ้านพ.วงรค์ปฏิเสธ ก็เท่ากับกลายเป็นว่า มีการสร้างหลักฐานเท็จป้ายสีให้กับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล!!!
โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ชนิดมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!!!
ได้ทีแบบนี้มีหรือนายณัฐวุฒิจะปล่อยผ่านโอกาสทอง รีบดักคอก่อนเลยว่าเรื่องนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปชี้แจง หมอวรงค์อย่าอ้างเรื่องติดสมัยประชุมดึงเวลาให้ยาวออกไปก็แล้วกัน เพื่อความชัดเจนของประชาชน ก็ควรร่วมมือกับตำรวจและพูดควมจริงเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างชัดเจน
แต่มาขนาดนี้แล้ว นพ.วรงค์ ก็ต้องแลกหมัดสู้ โดยใช้สไตล์ฮิตของ ปชป.ยุคอภิสิทธิ์ คือไปโพสต์ข้อความลงบนเฟชบุ๊คส่วนตัว “Warong Dechgitvigrom” ใจความสำคัญระบุว่า
“ผมว่า จะเป็นการดีมากเลยที่ท่านเต้น จะดำเนินคดีกับผมจริงๆ อย่างน้อยผมจะได้พิสูจน์ต่อสังคมว่า นิสัยผมถ้าไม่มีหลักฐานจริง หรือมีเอกสารยืนยันผมไม่พูดหรอก”
เรียกว่าไม่หวั่นในเรื่องลักทรัพย์ และเรื่องหลักฐานเท็จ
แต่ที่ทำให้คนดูวันที่ถามกระทู้สดงงก็คือ
วันนั้นบอกว่าข้าวสารเน่าเพราะเก็บรักษาไม่ดี แต่โพสต์รอบนี้บอกว่า ข้าวเน่าไม่ใช่เน่าเพราะการจัดเก็บ แต่เป็นการสมรู้ร่วมคิดเอาข้าวเน่ามายัดใส่โกดังรัฐบาล และมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะกับพวกตรวจคุณภาพข้าว(เซอร์เวเยอร์)
ขยายการเปิดศึกไปยังบรรดาเซอร์เวเยอร์เข้าให้อีกวงหนึ่ง ว่ารับใต้โต๊ะ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเซอร์เวเยอร์ที่ตรวจโกดังคลังกลาง ของหจก. สหพืชผลท่าตูม
จะมีใครฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่
เล่นการเมืองแบบตายน้ำตื้น โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง มีแต่เจ๊งกับเจ็งแบบนี้แหละ ที่ทำให้มีคนถามหาบรรดาผู้อาวุโส ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะต้องลงมากอบกู้พรรค และทำหน้าที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านให้คน ปชป.รุ่นปัจจุบัน ดูได้หรือยังว่า ค้านแบบมีคุณภาพ มีคุณธรรมการเมืองนั้นทำอย่างไร
คนรุ่นเก่าใน ปชป. ควรมาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้เห็นประสิทธิภาพฝ่ายค้านได้แล้ว เพราะถ้าพรรคฝ่ายค้านเข้มแข็ง ตรวจสอบมีประสิทธิภาพ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามก็กินไม่สะดวกคอแน่ๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของนายอภิสิทธิ์ ก็คือ เล่นการเมืองกันได้แต่แบบนี้หรือ???
http://www.bangkok-today.com/node/14908
เจ้งกับเจ้งครับ แมงสาบสไตล์ งานนี้คิดว่าจะเหมือนกระดาษแผ่นเดียวอีกล่ะสิ
ตายแน่ ! กระสอบข้าวทับ โธ่ ! "วรงค์"
ประด็นที่ทำให้เจอข้อหาลักทรัพย์ ก็เพราะการเก็บข้าวสารในคลังรัฐบาลทุกจังหวัดทุกพื้นที่ต้องคัดเลือกโกดังที่ได้มาตรฐาน มีกรรมการตรวจสอบดูแลใกล้ชิด การเปิดโกดังไม่ใช่เรื่องทำได้โดยง่าย ทุกโกดังเปิดออกมาได้ต่อเมื่อมีผู้ถือกุญแจ 3 คนมาไขกุญแจพร้อมกัน คือ 1.เจ้าหน้าที่อคส.ประจำจังหวัด 2.เจ้าหน้าที่บริษัทเซอร์เวเยอร์ และ 3.เจ้าหน้าที่ทางจังหวัดมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด
และการไขกุญแจโกดังแต่ละครั้งต้องบันทึกอย่างชัดเจน
“การที่นพ.วรงรค์เอากระสอบข้าวสารออกมาเป็นการกระทำที่อุกอาจ เพราะเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งทุกโกดังมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผมสั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังแล้ว”
ที่สำคัญงานนี้ไม่ได้เจอแลกหมัดเพียงแค่ดอกเดียว แต่ยังมีศอกกลับสวนเข้าให้อีกดอกด้วย เพราะนายณัฐวุฒิ นอกจากจะจี้เรื่องที่มาที่ไปของข้าวกระสอบนั้นว่าได้มาจากที่ไหน แล้วใครนำมามอบให้ ซึ่งถ้านพ.วรงค์ยังปิดบังข้อมูลนี้ ก็ต้องกลายเป็นว่าร่วมอยู่ในขบวนการขโมยทรัพย์สินทางราชการ
เพราะของกลางอยู่ในมือ
แต่ ถ้านพ.วงรค์ปฏิเสธ ก็เท่ากับกลายเป็นว่า มีการสร้างหลักฐานเท็จป้ายสีให้กับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล!!!
โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ชนิดมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!!!
ได้ทีแบบนี้มีหรือนายณัฐวุฒิจะปล่อยผ่านโอกาสทอง รีบดักคอก่อนเลยว่าเรื่องนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปชี้แจง หมอวรงค์อย่าอ้างเรื่องติดสมัยประชุมดึงเวลาให้ยาวออกไปก็แล้วกัน เพื่อความชัดเจนของประชาชน ก็ควรร่วมมือกับตำรวจและพูดควมจริงเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างชัดเจน
แต่มาขนาดนี้แล้ว นพ.วรงค์ ก็ต้องแลกหมัดสู้ โดยใช้สไตล์ฮิตของ ปชป.ยุคอภิสิทธิ์ คือไปโพสต์ข้อความลงบนเฟชบุ๊คส่วนตัว “Warong Dechgitvigrom” ใจความสำคัญระบุว่า
“ผมว่า จะเป็นการดีมากเลยที่ท่านเต้น จะดำเนินคดีกับผมจริงๆ อย่างน้อยผมจะได้พิสูจน์ต่อสังคมว่า นิสัยผมถ้าไม่มีหลักฐานจริง หรือมีเอกสารยืนยันผมไม่พูดหรอก”
เรียกว่าไม่หวั่นในเรื่องลักทรัพย์ และเรื่องหลักฐานเท็จ
แต่ที่ทำให้คนดูวันที่ถามกระทู้สดงงก็คือ วันนั้นบอกว่าข้าวสารเน่าเพราะเก็บรักษาไม่ดี แต่โพสต์รอบนี้บอกว่า ข้าวเน่าไม่ใช่เน่าเพราะการจัดเก็บ แต่เป็นการสมรู้ร่วมคิดเอาข้าวเน่ามายัดใส่โกดังรัฐบาล และมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะกับพวกตรวจคุณภาพข้าว(เซอร์เวเยอร์)
ขยายการเปิดศึกไปยังบรรดาเซอร์เวเยอร์เข้าให้อีกวงหนึ่ง ว่ารับใต้โต๊ะ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเซอร์เวเยอร์ที่ตรวจโกดังคลังกลาง ของหจก. สหพืชผลท่าตูม จะมีใครฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่
เล่นการเมืองแบบตายน้ำตื้น โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง มีแต่เจ๊งกับเจ็งแบบนี้แหละ ที่ทำให้มีคนถามหาบรรดาผู้อาวุโส ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะต้องลงมากอบกู้พรรค และทำหน้าที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านให้คน ปชป.รุ่นปัจจุบัน ดูได้หรือยังว่า ค้านแบบมีคุณภาพ มีคุณธรรมการเมืองนั้นทำอย่างไร
คนรุ่นเก่าใน ปชป. ควรมาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้เห็นประสิทธิภาพฝ่ายค้านได้แล้ว เพราะถ้าพรรคฝ่ายค้านเข้มแข็ง ตรวจสอบมีประสิทธิภาพ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามก็กินไม่สะดวกคอแน่ๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของนายอภิสิทธิ์ ก็คือ เล่นการเมืองกันได้แต่แบบนี้หรือ???
http://www.bangkok-today.com/node/14908
เจ้งกับเจ้งครับ แมงสาบสไตล์ งานนี้คิดว่าจะเหมือนกระดาษแผ่นเดียวอีกล่ะสิ