สมัยผมยังเด็กๆ เห็นพระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นครั้งแรกในชีวิต ยังเอ่ยปากถามแม่ผมว่า รูปปั้นนี้แปลกดีนะ คนขี่ม้ามือถือแส้ด้วย
ในเวลาต่อมา ผมได้กลายเป็นชาวจังหวัดธนบุรีอยู่ปีหนึ่ง ก่อนเปลี่ยนแปลงเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่วงเวียนใหญ่ อย่างลึกซึ้ง เหมือนพี่น้องชาวฝั่งธนฯ ครับ เพราะพำนักอยู่ที่ย่านตลาดพลู ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานที่ประวัติศาสตร์สมัยกรุงธนบุรี และคิดว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงอาภัพนัก เพราะตลอดรัชกาลมีเพียงพระองค์เดียว แถมยังต้องกรำศึกเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่จะมารุกรานอีก อีกทั้งยังมีโอกาสได้ถวายบังคมฯ เมื่อคราวเป็นนักเรียน ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ของทุกปีอีกด้วย
มีอยู่สมัยหนึ่ง รมต.ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำเสนอโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าของบริษัท ลาวาลิน จากบางซื่อถึงดาวคะนอง โดยมีสถานีกลางที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งผู้ออกแบบได้ยกพระราชานุสาวรีย์เหนือตัวสถานี ผลปรากฎว่า พี่น้องชาวฝั่งธนฯ ไม่เห็นด้วย และดังขึ้นทุกขณะ จนในที่สุด บริษัท ลาวาลิน ได้ยกเลิกโครงการ คงเหลือโครงสร้างร้างตรงช่วงกลางสะพานสมเด็จพระปกเกล้า ซึ่งกรมโยธาธิการได้สร้างเผื่อไว้สำหรับโครงการดังกล่าว อยู่เป็นอนุสรณ์ทุกวันนี้
จากวิกิพีเดีย ไทย ได้กล่าวถึงพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสิน) โดยสรุปดังนี้ครับ
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ออกแบบและควบคุมการหล่อโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศิลปินผู้ปั้นคือนายแสวง สงฆ์มั่งมี เป็นพระบรมรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ประทับบนหลังม้า ทรงพระมาลา เบี่ยงหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่จันทรบุรี พระหัตถ์ขวา ทรงพระแสงดาบชูออกไปเหนือพระเศียร พระหัตถ์ซ้ายทรงบังเหียน ท่านำพลรุกไล่ข้าศึก
โดยที่พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ทางรัฐบาลได้ให้ประชาชนออกเงินบริจาคสร้าง และเปิดโอกาสให้ได้ออกเสียงเลือกแบบด้วย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เลือกแบบในปัจจุบันนี้
ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิด และถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ และในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๗ จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ
วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๐ เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กอบกู้เอกราชชาติไทยกลับคืนหลังจากการเสียกรุงครั้งที่สอง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ ๒๘ ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จะมีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณของพระองค์ ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ วงเวียนใหญ่
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ กรุงเทพมหานครได้ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์วงเวียนใหญ่ให้แลดูสวยงามขึ้น มีการติดตั้งไฟส่องพระบรมราชานุสาวรีย์ในเวลากลางคืน แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑
เรื่องนี้ คิดว่าหลายๆ ท่าน มีความรู้สึกผูกพันกับพระองค์ท่านเช่นเดียวกับผมนะครับ
ภาพเก่าเล่าเรื่อง (5)
สมัยผมยังเด็กๆ เห็นพระราชนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นครั้งแรกในชีวิต ยังเอ่ยปากถามแม่ผมว่า รูปปั้นนี้แปลกดีนะ คนขี่ม้ามือถือแส้ด้วย
ในเวลาต่อมา ผมได้กลายเป็นชาวจังหวัดธนบุรีอยู่ปีหนึ่ง ก่อนเปลี่ยนแปลงเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี และกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่วงเวียนใหญ่ อย่างลึกซึ้ง เหมือนพี่น้องชาวฝั่งธนฯ ครับ เพราะพำนักอยู่ที่ย่านตลาดพลู ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานที่ประวัติศาสตร์สมัยกรุงธนบุรี และคิดว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงอาภัพนัก เพราะตลอดรัชกาลมีเพียงพระองค์เดียว แถมยังต้องกรำศึกเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่จะมารุกรานอีก อีกทั้งยังมีโอกาสได้ถวายบังคมฯ เมื่อคราวเป็นนักเรียน ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ของทุกปีอีกด้วย
มีอยู่สมัยหนึ่ง รมต.ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำเสนอโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าของบริษัท ลาวาลิน จากบางซื่อถึงดาวคะนอง โดยมีสถานีกลางที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งผู้ออกแบบได้ยกพระราชานุสาวรีย์เหนือตัวสถานี ผลปรากฎว่า พี่น้องชาวฝั่งธนฯ ไม่เห็นด้วย และดังขึ้นทุกขณะ จนในที่สุด บริษัท ลาวาลิน ได้ยกเลิกโครงการ คงเหลือโครงสร้างร้างตรงช่วงกลางสะพานสมเด็จพระปกเกล้า ซึ่งกรมโยธาธิการได้สร้างเผื่อไว้สำหรับโครงการดังกล่าว อยู่เป็นอนุสรณ์ทุกวันนี้
จากวิกิพีเดีย ไทย ได้กล่าวถึงพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสิน) โดยสรุปดังนี้ครับ
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ออกแบบและควบคุมการหล่อโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศิลปินผู้ปั้นคือนายแสวง สงฆ์มั่งมี เป็นพระบรมรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ประทับบนหลังม้า ทรงพระมาลา เบี่ยงหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่จันทรบุรี พระหัตถ์ขวา ทรงพระแสงดาบชูออกไปเหนือพระเศียร พระหัตถ์ซ้ายทรงบังเหียน ท่านำพลรุกไล่ข้าศึก
โดยที่พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ทางรัฐบาลได้ให้ประชาชนออกเงินบริจาคสร้าง และเปิดโอกาสให้ได้ออกเสียงเลือกแบบด้วย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เลือกแบบในปัจจุบันนี้
ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิด และถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ และในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๗ จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ
วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๐ เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กอบกู้เอกราชชาติไทยกลับคืนหลังจากการเสียกรุงครั้งที่สอง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ ๒๘ ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จะมีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณของพระองค์ ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ วงเวียนใหญ่
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ กรุงเทพมหานครได้ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์วงเวียนใหญ่ให้แลดูสวยงามขึ้น มีการติดตั้งไฟส่องพระบรมราชานุสาวรีย์ในเวลากลางคืน แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑
เรื่องนี้ คิดว่าหลายๆ ท่าน มีความรู้สึกผูกพันกับพระองค์ท่านเช่นเดียวกับผมนะครับ