มิติที่แตกต่าง ระหว่าง รายการเรียลริตี้ ของ ช่อง 7 กับ ช่อง 3

เมื่อก่อน เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูรายการแนว เรียลริตี้ แนวเรียลริตี้ในความหมายของเราคือ มีการถ่ายทอดสด มีการโหวตโดยระบบมือถือ เริ่มจาก เอเอฟ ถึงแม้เราจะไม่ได้ติดตั้งทรู แต่เราก็คอยดูคอนเสิร์ตที่มาออกอากาศเอาช่วงวันเสาร์ เขยิบจากเอเอฟ เราก็ดูเดอะสตาร์ ต่อให้มีความอคตินิดหน่อย ว่าเลียนแบบ แต่ก็เอาน่ะมันก็เป็นน่าจะเป็นโอกาสอีกทางของคนมีฝัน ยอมรับว่า ซีซั่น 1 และซีซั่น 2 มันมีความสดใส มีความใหม่ มันโอเคเลยแหละ จนกระทั่งรายการแนวเรียลริตี้ประกวดมีออกมาเยอะขึ้นๆๆ บวกกับของเก่าๆหลายซีซั่นที่น่าเอียน เราเลยซากับการดูรายการเหล่านี้

เมื่อปีที่ผ่านมา เราได้กลับไปดูรายการเรียลริตี้อีกครั้ง เริ่มจาก Thailand Got Talent ซีซั่น 2 ดูก่อนที่จะมีเรื่องนมวาดรูปอีก แล้วก็มาตามต่อด้วย The Voice เราชอบรายการ The Voice มากนะ ชอบรอบ Blind Audition มากสุด เพราะมันน่าจะบริสุทธิยุติธรรมที่สุด The Voice เรายกให้เป็น Reality แข่งขันที่เวอร์คที่สุดของช่อง 3

ช่อง 7 สี ก็เริ่มมีการแข่งขันถ่ายทอดสดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายการ เนื่องจากรายการก็ทำออกแนวๆช่อง 7 บ้านๆนิดๆ มวลชนหน่อยๆ ก็เลยมีแป๊กไป เช่น รายการ 07 โชว์ เป็นต้น แต่พอมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาโดยยึดจุดยืนเดิมคือ เอาใจมวลชนคนไทยทั่วภูมิภาค เช่น กิ๊กดู๋สงคราม จันทร์พันดาว ที่ีมีซีเป็นพิธีกร และบางรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์จาก ตปท มาทำ เช่น Dance with the star ซึ่งเรามองว่ายังไม่โอเคเท่ากับรายการซื้อลิขสิทธิ์ที่ช่องอื่นทำเอาไว้ได้ดีกว่า

สิ่งที่เรามองเห็น ความแตกต่างระหว่าง ช่อง 7 กับช่อง 3 ทีั่ชัีดเจนที่สุดคือ ช่อง 3 จะเน้นความสวยงาม ความละเมียดละไมขององค์ประกอบในหลายๆด้าน เช่น คนที่มา Audition ที่ผ่านเข้ารอบ และได้ออกอากาศ จะต้องออกมาดูดี ดูดีจนเสมือนว่ามันคือ ฉากหนึ่งในละคร แต่สำหรับช่อง 7 ของเค้าจะเอาความเรียล ความหลากหลายที่ออกมาโดยธรรมชาติ เช่นบางรายการ เสื้อผ้าของผู้เข้าประกวด หรืออุปกรณ์ที่มาประกวด หน้าตาของผู้ประกวด มันก็ดูเป็นของจริง สวยธรรมชาติ หรือบ้านๆ อ้วนๆ ฟันเหยิน เชย แต่มีความสามารถ ไม่ได้สร้าง ไม่ได้จัดสรร เลยทำให้ผู้ที่เข้ามาได้แสดงความเป็นตัวตนของเค้าจริงๆ

เรียลริตี้ช่อง 7 ที่เราชอบ ก็มี
- กิ๊กดู๋สงครามเพลง ที่เราชอบเพราะว่ามันเป็นการประกวดที่ต้องเน้นความสามัคคี การทำงานเป็นทีม มีวัตถุประสงค์การในมาประกวดชัดเจน รูปร่างหน้าตาผู้เข้าประกวดก็ Ordinary จริงๆ ทำให้เชื่อว่าที่เข้ารอบมาเพราะความสามารถจริงๆ นอกเหนือจากนั้น รูปแบบการแข่งขันก็ทำให้สนุกมาก ด้วยการร้องเพลงแข่งกันในลู่วิ่ง หรือขึ้นไปร้องเพลงบนม้าโยก แล้วปิดท้ายด้วยนักร้องเอกที่ต้องมาวัดกันที่ผลโหวต กับผู้ชมในห้องส่ง
- The Comedian Thailand ที่เราชอบ เพราะว่ารายการมันชัดเจน มันเฉพาะทาง การคัดสรรเด็กที่เข้ามาประกวดมันใช่ มันวัดเอาความสามารถที่ต้องการจริงๆ ครูที่สอนเองก็ดูบริสุทธิยุติธรรม เป็นพื้นที่ให้วงการตลกได้แสดงศักยภาพ ทั้งในด้านการสอน การบริหารจัดการให้รายการทำออกมาได้ดี เราต้องยอมรับว่านักแสดงตลกให้ความสุขกับเราได้มาก แต่ชีิวิตที่มาที่ไปของแต่ละคน และจุดจบมันน่าสงสารมากเช่นกัน มีการทำงานเป็นกลุ่ม ที่ทุกคนต้องตั้งใจเพราะตลกต้องทำงานเป็นทีม มีทีมพี่เลี้ยงที่ดูแลด้วย เราไม่คิดว่าแค่เทป 2 เด็กกลับแสดงออกมาได้ดี โดยรวมเห็นความตั้งใจของคนทำแล้วก็รู้สึกดีนะคะ เห็นคนในวงการตลกอาุวุโสมาร่วมรายการหลายท่าน เช่น คุณเป็ด คุณโน๊ต คุณสุเทพ ฯลฯ

นี่แหละคือ มิติที่แตกต่างของช่อง 3 กับ ช่อง 7 ที่เรามองเห็น สำหรับเรา เราเป็นผู้ครอบครองรีโมท เรามีสิทธิ์เลือก ถ้าถามเราว่าเราชอบแบบไหน อันนี้มันอยู่ที่รูปแบบรายการจริงๆ หากเป็นเรียลริตี้ เราก็ชอบความ เรียลอะริสทิค แต่ถ้าความละเมียดละไมในการจัดทำฉาก เราก็ยังยกเครดิตให้ช่อง 3 นะ คุณค่าควรมาจากแก่นแท้เนื้อใน หาใช่เปลือกไม่ จริงไหมคะ????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่