**14/02/2556** : พอดีผมไม่ได้เข้ามาในพันทิพช่วงนี้เพราะงานยุ่งมากเลยแต่เห็นทุกท่านในนี้ช่วยกันผมขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ
วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาที่แผนกผมรวมกันไปเยี่ยมแกประมาณ 12 คนโดยอาการของแกในตอนนี้จากที่ทุกๆคนได้พูดคุยกับแกแล้วจากความคิดผมเองด้วย
- แกจำทุกคนได้จำทุกเรื่องได้หมดแต่แกจะอยู่ในสภาพเหมือนคนเพลียๆแต่ก็ดีขึ้นกว่าวันแรกที่ไปเยี่ยม
- แกคิดว่าแกเคยเป็นเทวดาแล้วลงมาจากสวรรค์เพื่อมา..... (ปล.ข้อนี้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ผมขอละเว้นไว้แค่นี้ดีกว่านะครับ)
- แกคิดว่าหัวหน้าที่มาส่งแกที่โรงพยาบาลนี้เป็นซาตานและคนที่ Hr ที่มาด้วยในวันนั้นเป็นเทวดา
- แกบอกว่าวันนี้ 14/02/2556 แกกำลังจะไปงานแต่งงานของตัวเองตอน 2 ทุ่มให้ช่วยพาแกออกไปหน่อยเพราะแกจำเป็นต้องไปงานแต่งแต่พอถามว่าแกแต่งกับใครแกก็ยิ้มๆ งานแต่งของแกแกบอกว่าจัดที่โรงแรง 5 ดาวชื่อดังแห่งหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนามละกันนะครับ) โดยเลี้ยงเป็นโต๊ะจีนแกชวยทุกคนไปงานแต่งงานของแกหมด
- แกฝากให้ช่วยบอกหมดให้ที่ว่าแกหายแล้วเพราะหมอบอกแกว่าต้องให้คนภายนอกเท่านั้นรับรองว่าหายถึงจะออกไปได้
- พอถามว่าอยู่ในนี้แกมีเพื่อนบ้างไหมแกก็บอกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลนี้บางคนก็คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
- แกบอกว่าเมื่อก่อนตอนนอนแกคุยกับใครสักคนว่าโลกนี้เกิดมาทำไม ทำไมทุกคนต้องเป็นอย่างนี้ เหมือนแกถามใครสักคนและก็ได้รับคำตอบ
**พวกเราได้พูดคุยขณะที่แกกำลังกินข้าวนะครับ**
สรุป แกพูดคุยรู้เรื่องสภาพร่างกายดีกว่าตอนที่ไปเยี่ยมครั้งแรกแต่ปากจะซีดและลอกอยู่อาการง่วงนอนเริ่มหายไปแต่มีจินตนาการมาแทนที่อย่างที่เล่าให้ฟังไปด้านบนโดยพี่ที่ทำงานที่เคยเข้าไปช่วยแกออกมาจากห้องวันเกิดเหตุนั้นได้เล่าว่าในห้องแกมีคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหญ่มากและตอนพังประตูเหล็กห้องเข้าไปช่วยแกแกไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยแต่แกได้นอนบนเตียงแผ่หลาและทำมือเหมือนถวายของขึ้นไปบนอากาศเหมือนกำลังถวายอะไรสักอย่างและแกจะชอบพูดตลอดเวลาว่าทั้งหมดได้ถูกกำหนดมาหมดแล้วพอไรเรื่องอะไรเกิดขึ้นแกจะบอกว่านี่แหละเพราะพระเจ้าได้ส่งมาให้แกทุกๆอย่าง
พี่ที่ทำงานผมเขาเลยบอกว่า"เหมือนแกงมงายมากเกินไปจนหลุดจากความเป็นจริง ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีแบบแผนเส้นทางการดำเนินชีวิตให้มีความสุข แต่นี่เหมือนแกงมงายจนไม่รับฟังคนอื่นเลยคิดย้ำคิดย้ำทำ (ปล.ความเห็นส่วนตัวไม่ได้พาดพิงหรือกล่าวว่าร้ายศาสนาคริสต์นะครับ) แล้วบวกกับผลค้างเคียงของยาที่แกกินทำให้เหมือนเมาๆเลยทำให้อาหารมันยิ่งหนักหลุดโลกไปเลย
สุดท้าย ผมอยู่ในกลุ่มสุดท้ายที่เยี่ยมแกก่อนออกจะจากลาพวกเราก็บอกเดี่ยวไปเก็บถาดให้แกก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ทุกคนขอบใจมากที่มาเยี่ยม" แล้วทุกคนก็แยกย้ายช่วยพยุงแกนิดหน่อยแล้วแกก็เดินไปเก็บถาดอาหารภาพที่ผมเห็นคือ แกเดินไปอย่างช้าๆ คนเดียวใส่ชุดของโรงพยาบาล ไม่มีใครเลย มันเป็นภาพที่น่าเศร้ามากที่อยู่ๆคนที่เคยทำงานเฮฮากันทุกวันแท้ๆมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานแกต้องหายดี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
12/02/2556 : จากการที่ไปเยี่ยมพี่เขามาเมื่อ 4 โมงเย็นวันนี้
ไปกับเพื่อนที่สนิทและก็สนิทกับพี่เขาอาการของแกดีขึ้นพูดคุยจำทุกคนได้แต่ออกแนวง่วงนอนเพราะมาจากผลข้างเคียงของยาที่หมอให้ประเด็นสำคัญแกบอก"พี่มาอยู่นี่ทำไมเนี่ยแล้วก็ทำหน้าเซ็งๆและแกนีกว่าแกมาอยู่ได้ 2-3 วันแล้วแต่จริงๆคือแค่วันเดียวพวกเพื่อนก็พูดให้กำลังใจแกแกบอกแกอยากกลับบ้านไปพักผ่อนไม่ทำงานแล้วพวกเราก็บอกให้ทำต่อเถอะจะได้ไม่เบื่อแกก็บอกว่าตอนนี้ก็ใช้วันหยุดแล้วที่ทำงานเขาจะให้หยุดกลับบ้านอีกหรอผมเลยบอกว่าที่ทำงานเขาให้พี่หยุดฟรีตอนนี้ หลังจากนั้นก็คุยกันอีกสักแปปก็บอกแกว่า "พี่แค่ไม่สบายเด่วก็ได้กลับแล้วแค่ 2 อาทิตย์"แกก็พนักหน้าหลังจากนั้นแกบอกแกเหนื่อยง่วงนอนมากก็เลยพาแกกลับไปหาพยาบาลไปห้องนอนแกหลังจากนั้นก็ถามพี่พยาบาลพี่เขาบอกว่าน่าจะแค่ 2 อาทิตย์ก็น่าจะออกได้แล้วแต่ต้องกินยาที่หมอให้ส้กระยะ
สรุปจากที่ได้เยี่ยมแกวันนี้เหมือนแกเป็นเหนื่อยมากเสียงแหบมากคาดว่าเมื่อวานคงใช้พลังจนหมดคุยรู้เรื่องแต่ช้าๆเหมือนคนง่วงนอนและที่สำคัญสุดตอนที่พวกเราได้คุยกันผมรู้สึกแกยิ้มแม้ไม่ใช้ยิ้มแฉ่งแต่ผมอธิบายไม่ถูกอะว่าแกยิ้มยังไงเหมือนแกมีความสุขที่มีคนมาเยี่ยมเราก็สุขใจจากที่ตอนแรกคิดภาพที่คิดว่าจะมาเจอตอนแรก สุดท้ายพวกเราก็บอกว่า"พี่รีบออกมานะแปปเดียวก็ 2 อาทิตย์แล้วจะได้ขับรถไปเที่ยวทะเลกัน''
12/02/2556 : ตอนนี้แกๆได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลด้านจิตเวทแห่งหนึ่งแถวฝั่งธนแล้วครับพยาบาลกับหมอบอกว่าเรามีความหวังครับกลับมาได้เร็วที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หมอให้ยาแล้วบอกว่ายาจะเริ่มมีผลชัดเจนหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้
และข้อมูลที่ทุกท่านให้ผมมาเมื่อวานหัวหน้าได้โทรมาถามและขอรูปถ่ายซึ่งผมก็ได้ให้ไปเรียบร้อยแล้วและถึงหมอเรียบร้อยแล้วครับ
วันนี้ผมได้มาฟังเหตุการณ์ซึ่งเมื่อวานผมหยุดงสยพอดีทำให้ไม่ได้ไปด้วยตอนหัวหน้าตำรวจและเพื่อนพนักงาน 2-3 คนไปพาแกออกจากห้องพาไปสถานีตำรวจและโรงพยาบาลมันช่างน่าเศร้าและรันทนมากจริงๆผมขอเล่าเท่าที่เล่าได้ละกันนะครับ
"พอถึงโรงพยาบาลถึงกับต้องม้ดแกไว้กับเตียงแกจะมีสติเป็นพักๆโดยแกยังเขียนชื่อและนามสกุลตัวเองได้อยู่ก่อนกลับพี่หัวหน้าที่พาแกไปบอกแกว่าเขารักแกนะให้แกหายไวๆแกก็ไม่พูดอะไรแต่แกมีน้ำตาออกแล้วก็หยุดคลุ้มคลั่งไปพอหัวหน้าผมออกมาหัวหน้าผมเล่าว่าแกสลดใจและสงสารแกมากจนบางคนถึงกลับร้องไห้หน้าห้องหลังออกมาที่เห็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกัน คุยกัน หยอกล้อเล่นกันต้องมาอยู่ในสภาพนี้แล้วทุกคนก็กลับและโทรเรียกลูกและญาติพี่น้องของแกมา"
มีคนเคยถามทำไมผมถึงห่วงแกมากผมตอบว่าครั้งนึงตอนผมมีปัญหาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอจากปัญหาก็มีพี่คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยผม ให้กำลังใจ ให้ผมกลับมามีสติกลับมาให้ผมได้รู้ว่าคนเราตอนอ่อนแอ จากคนเป็นร้อยๆที่สนิทจะเหลือใครบ้างที่อยู่กับเราตอนเรามีปัญหา
สุดท้ายผมเชื่อว่าพี่เขาจะกลับมาได้แน่นอนขอให้พระเจ้าและสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองแกและให้แกหายไวไวเพื่อจะๆได้กลับมาทำงานเฮฮากันเหมือนเดิมและขอให้ทุกท่านในที่นี้มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ
----------------------------------------------------
ขอเล่าก่อนว่าผมมีพี่ทำที่ทำงานอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 33 มีลูก 2 คนและถูกสามีทิ้งซึ่งตอนแรกแกก็ปกติดีทุกอย่างจนพึ่งจะประมาณ 3-4 เดือนก่อนแกแปลกๆไปตอนแรกก็นึกว่าแกเล่นๆแต่ตอนนี้เหมือนกับว่าแกมีอาการทางจิตอยู๋ดีดีก็ร้องให้หัวเราะโดยไม่รู้สาเหตุโดยเหมือนแกจะมีอาการเมาๆเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์ตอนนี้เริ่มพูดด้วยไม่รู้เรื่องแล้วครับมีประเด็นสำคัญหลักๆเกี่ยวกับตัวแก
ผมจะอธิบายให้ฟังดังนี้นะครับ
1.แกเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ซึ่งแกชอบพูดกับพระเจ้าคนเดียวจนบ่อยมาก (ปล.ผมไม่ได้มีการลบหลู่ศาสนาคริสต์นะครับกราบขออภัย)
2.แกเริ่มพูดคนเดียวบ่อยขึ้นย้ำคิดย้ำทำเวลาไปเตือนแกแกก็จะเอ๋อๆแล้วแกก็จะไปทำอย่างอื่นแล้วก็จะพูดคนเดียวจนคนรอบข้างเริ่มคิดว่าแกมีอาการทางจิตโดยตอนแรกๆยังพอทำงานได้แต่หลังๆมานี่แกทำงานไม่ได้แล้วครับเหม่อเลยยิ้มพูดคนเดียวในที่ทำงานจนคนรอบข้างเริ่มมองแกแปลกๆไป
3.บางทีแกก็ร้องไห้บางทีแกก็หัวเราะโดยไม่สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเคยหัวเราะในที่ประชุมหัวหน้าห้ามก็ยังไม่หยุดจนโดนหัวหน้าไล่ออกจากห้องและแกก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยแกก็ออกมายิ้มทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น
4.เพื่อนๆที่ทำงานบางคนคิดว่าเป็นเรื่องตลกยังหัวเราะแกแล้วพูดลับหลังคาดว่าแกคงได้ยินบ่อยจนคิดมาก แกเคยบอกผมเอาที่หลักๆคือ"พี่รู้ว่าคนอื่นพูดกับพี่ยังไง ทำไมพี่ต้องทำในแบบที่คนอื่นอยากให้พี่เป็น พี่เป็นตัวพี่แบบนี้ละเขายิ่งนินทาพี่พี่ยิ่งจะทำพี่เป็นตัวของพี่เอง" แล้วอีกครั้งนึงตอนแกร้องไห้ "พี่แค่จบแค่ ม.6 ทำไมทุกคนต้องให้พี่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น ทำไมทุกคนต้องสนใจแต่ตัวพี่ พี่อยากเป็นเหมือนตอนเข้ามาแรกๆตอนที่ทุกอย่างเหมือนปกติ" แล้วแกก็บอกว่าแกขอเวลาเงียบๆไปร้องไห้
5.ลูกสาวของแกอายุ 15 ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับแกไปอยู่บ้านเพื่อนเหตุผลที่ว่าแม่แกแปลกๆไป และเริ่มออกห่างจากแม่ตัวเองขอเล่าก่อนว่าตอนแรกลูกของแกให้ที่บ้านแกเลี้ยงให้และส่งเงินไปให้ทุกเดือนและแกอยู่หอคนเดียวแต่ตอนนี้แกพาลูกมาอยู่ด้วยที่หอใหม่แถวที่ทำงาน
***6.แกมีเป็นคนรักสวยรักงามมากโดยแกจะกินยาเสริมสวยและอาหารเสริมที่ไม่รู้แกไปซื้อมาจากไหนของแกวันละแพ๊คกล่องใส่ยาของแกโดยวันนึงน่าจะประมาณ 10-15 เม็ด***
***********นี่คือประเด็นหลักที่ผมสงสัยว่ายานี้หรือเปล่าที่ส่งผลกระทบต่ออาการทางจิตทำให้ล่องลอย มึนเมาซึ่งผมอยากจะช่วยพี่แกมากๆตอนนี้แกโดนหยุดงานไปครึ่งเดือนและอยู่คนเดียวที่ห้องกลัวแกจะทำอะไรจริงๆ และแกยังต้องเลี้ยงตัวเองเลี้ยงลูกอีกทั้งๆที่เป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียวและเริ่มออกห่างจากสังคม****************
นี่ครับรูปตัวยาครับแอบไปขโมยแกมา
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ
*************วันนี้ล่าสุด 11/2/2556 ****************เพื่อนผมโทรมาหาบอกพี่แกโดนพาไปโรงพยาบาลแล้วโดยตำรวจ
เพื่อนมันเล่าว่า : เพื่อนร่วมงานที่อยู่หอเดียวกันได้ยินกรี๊ดลั่นห้องตะโกนจนไม่ไหวต้องแจ้งหัวหน้าแล้วหัวหน้าโทรเรียกตำรวจไปที่ห้องแกพอไปถึงแกบ่นพึมพำอยู่ในมุมมืดของห้องมืดว่า"แกเป็นคนที่พระเจ้าเลือกแล้ว" จากนั้นแกเหมือนจะทำร้ายตัวเองจนตำรวจต้องใส่กุญแจมืดพาไปโรงพยาบาลเมื่อกี้หัวหน้าที่ทำงานพึ่งโทรมาขอรูปยาที่ผมโพสลงในกระทู้นี้ไปตอนนี้ได้ถึงมือหมอพอถึงโรงพยาบาลแกนั่งแหกขาโดยเพื่อนผมไปบอกว่านั่งแบบนี่มันไม่สุภาพนะนี่โรงพยาบาลซ้ำยังเป็นที่สาธารณะแกบอกว่า"พี่กำลังจะคลอดลูก" โดยที่ทำงานรวมทั้งแผนก HR ก็มาโรงพยาบาลทั้งมด
ผมก็เบาใจลงได้หน่อยที่แกถึงมือหมอและไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องแล้ว
ขอสิ่งศักสิทธ์ช่วยคุ้มครองและให้แกหายไวไวด้วยเถอะครับ
***สำคัญจริงๆถึงชีวิต***ขอสอบถามเกี่ยวอาการพี่ที่ทำงานแล้วก็ยาที่น่าสงสัยครับ
วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาที่แผนกผมรวมกันไปเยี่ยมแกประมาณ 12 คนโดยอาการของแกในตอนนี้จากที่ทุกๆคนได้พูดคุยกับแกแล้วจากความคิดผมเองด้วย
- แกจำทุกคนได้จำทุกเรื่องได้หมดแต่แกจะอยู่ในสภาพเหมือนคนเพลียๆแต่ก็ดีขึ้นกว่าวันแรกที่ไปเยี่ยม
- แกคิดว่าแกเคยเป็นเทวดาแล้วลงมาจากสวรรค์เพื่อมา..... (ปล.ข้อนี้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ผมขอละเว้นไว้แค่นี้ดีกว่านะครับ)
- แกคิดว่าหัวหน้าที่มาส่งแกที่โรงพยาบาลนี้เป็นซาตานและคนที่ Hr ที่มาด้วยในวันนั้นเป็นเทวดา
- แกบอกว่าวันนี้ 14/02/2556 แกกำลังจะไปงานแต่งงานของตัวเองตอน 2 ทุ่มให้ช่วยพาแกออกไปหน่อยเพราะแกจำเป็นต้องไปงานแต่งแต่พอถามว่าแกแต่งกับใครแกก็ยิ้มๆ งานแต่งของแกแกบอกว่าจัดที่โรงแรง 5 ดาวชื่อดังแห่งหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนามละกันนะครับ) โดยเลี้ยงเป็นโต๊ะจีนแกชวยทุกคนไปงานแต่งงานของแกหมด
- แกฝากให้ช่วยบอกหมดให้ที่ว่าแกหายแล้วเพราะหมอบอกแกว่าต้องให้คนภายนอกเท่านั้นรับรองว่าหายถึงจะออกไปได้
- พอถามว่าอยู่ในนี้แกมีเพื่อนบ้างไหมแกก็บอกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลนี้บางคนก็คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
- แกบอกว่าเมื่อก่อนตอนนอนแกคุยกับใครสักคนว่าโลกนี้เกิดมาทำไม ทำไมทุกคนต้องเป็นอย่างนี้ เหมือนแกถามใครสักคนและก็ได้รับคำตอบ
**พวกเราได้พูดคุยขณะที่แกกำลังกินข้าวนะครับ**
สรุป แกพูดคุยรู้เรื่องสภาพร่างกายดีกว่าตอนที่ไปเยี่ยมครั้งแรกแต่ปากจะซีดและลอกอยู่อาการง่วงนอนเริ่มหายไปแต่มีจินตนาการมาแทนที่อย่างที่เล่าให้ฟังไปด้านบนโดยพี่ที่ทำงานที่เคยเข้าไปช่วยแกออกมาจากห้องวันเกิดเหตุนั้นได้เล่าว่าในห้องแกมีคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหญ่มากและตอนพังประตูเหล็กห้องเข้าไปช่วยแกแกไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยแต่แกได้นอนบนเตียงแผ่หลาและทำมือเหมือนถวายของขึ้นไปบนอากาศเหมือนกำลังถวายอะไรสักอย่างและแกจะชอบพูดตลอดเวลาว่าทั้งหมดได้ถูกกำหนดมาหมดแล้วพอไรเรื่องอะไรเกิดขึ้นแกจะบอกว่านี่แหละเพราะพระเจ้าได้ส่งมาให้แกทุกๆอย่าง
พี่ที่ทำงานผมเขาเลยบอกว่า"เหมือนแกงมงายมากเกินไปจนหลุดจากความเป็นจริง ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีแบบแผนเส้นทางการดำเนินชีวิตให้มีความสุข แต่นี่เหมือนแกงมงายจนไม่รับฟังคนอื่นเลยคิดย้ำคิดย้ำทำ (ปล.ความเห็นส่วนตัวไม่ได้พาดพิงหรือกล่าวว่าร้ายศาสนาคริสต์นะครับ) แล้วบวกกับผลค้างเคียงของยาที่แกกินทำให้เหมือนเมาๆเลยทำให้อาหารมันยิ่งหนักหลุดโลกไปเลย
สุดท้าย ผมอยู่ในกลุ่มสุดท้ายที่เยี่ยมแกก่อนออกจะจากลาพวกเราก็บอกเดี่ยวไปเก็บถาดให้แกก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ทุกคนขอบใจมากที่มาเยี่ยม" แล้วทุกคนก็แยกย้ายช่วยพยุงแกนิดหน่อยแล้วแกก็เดินไปเก็บถาดอาหารภาพที่ผมเห็นคือ แกเดินไปอย่างช้าๆ คนเดียวใส่ชุดของโรงพยาบาล ไม่มีใครเลย มันเป็นภาพที่น่าเศร้ามากที่อยู่ๆคนที่เคยทำงานเฮฮากันทุกวันแท้ๆมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานแกต้องหายดี
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
12/02/2556 : จากการที่ไปเยี่ยมพี่เขามาเมื่อ 4 โมงเย็นวันนี้
ไปกับเพื่อนที่สนิทและก็สนิทกับพี่เขาอาการของแกดีขึ้นพูดคุยจำทุกคนได้แต่ออกแนวง่วงนอนเพราะมาจากผลข้างเคียงของยาที่หมอให้ประเด็นสำคัญแกบอก"พี่มาอยู่นี่ทำไมเนี่ยแล้วก็ทำหน้าเซ็งๆและแกนีกว่าแกมาอยู่ได้ 2-3 วันแล้วแต่จริงๆคือแค่วันเดียวพวกเพื่อนก็พูดให้กำลังใจแกแกบอกแกอยากกลับบ้านไปพักผ่อนไม่ทำงานแล้วพวกเราก็บอกให้ทำต่อเถอะจะได้ไม่เบื่อแกก็บอกว่าตอนนี้ก็ใช้วันหยุดแล้วที่ทำงานเขาจะให้หยุดกลับบ้านอีกหรอผมเลยบอกว่าที่ทำงานเขาให้พี่หยุดฟรีตอนนี้ หลังจากนั้นก็คุยกันอีกสักแปปก็บอกแกว่า "พี่แค่ไม่สบายเด่วก็ได้กลับแล้วแค่ 2 อาทิตย์"แกก็พนักหน้าหลังจากนั้นแกบอกแกเหนื่อยง่วงนอนมากก็เลยพาแกกลับไปหาพยาบาลไปห้องนอนแกหลังจากนั้นก็ถามพี่พยาบาลพี่เขาบอกว่าน่าจะแค่ 2 อาทิตย์ก็น่าจะออกได้แล้วแต่ต้องกินยาที่หมอให้ส้กระยะ
สรุปจากที่ได้เยี่ยมแกวันนี้เหมือนแกเป็นเหนื่อยมากเสียงแหบมากคาดว่าเมื่อวานคงใช้พลังจนหมดคุยรู้เรื่องแต่ช้าๆเหมือนคนง่วงนอนและที่สำคัญสุดตอนที่พวกเราได้คุยกันผมรู้สึกแกยิ้มแม้ไม่ใช้ยิ้มแฉ่งแต่ผมอธิบายไม่ถูกอะว่าแกยิ้มยังไงเหมือนแกมีความสุขที่มีคนมาเยี่ยมเราก็สุขใจจากที่ตอนแรกคิดภาพที่คิดว่าจะมาเจอตอนแรก สุดท้ายพวกเราก็บอกว่า"พี่รีบออกมานะแปปเดียวก็ 2 อาทิตย์แล้วจะได้ขับรถไปเที่ยวทะเลกัน''
12/02/2556 : ตอนนี้แกๆได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลด้านจิตเวทแห่งหนึ่งแถวฝั่งธนแล้วครับพยาบาลกับหมอบอกว่าเรามีความหวังครับกลับมาได้เร็วที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หมอให้ยาแล้วบอกว่ายาจะเริ่มมีผลชัดเจนหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้
และข้อมูลที่ทุกท่านให้ผมมาเมื่อวานหัวหน้าได้โทรมาถามและขอรูปถ่ายซึ่งผมก็ได้ให้ไปเรียบร้อยแล้วและถึงหมอเรียบร้อยแล้วครับ
วันนี้ผมได้มาฟังเหตุการณ์ซึ่งเมื่อวานผมหยุดงสยพอดีทำให้ไม่ได้ไปด้วยตอนหัวหน้าตำรวจและเพื่อนพนักงาน 2-3 คนไปพาแกออกจากห้องพาไปสถานีตำรวจและโรงพยาบาลมันช่างน่าเศร้าและรันทนมากจริงๆผมขอเล่าเท่าที่เล่าได้ละกันนะครับ
"พอถึงโรงพยาบาลถึงกับต้องม้ดแกไว้กับเตียงแกจะมีสติเป็นพักๆโดยแกยังเขียนชื่อและนามสกุลตัวเองได้อยู่ก่อนกลับพี่หัวหน้าที่พาแกไปบอกแกว่าเขารักแกนะให้แกหายไวๆแกก็ไม่พูดอะไรแต่แกมีน้ำตาออกแล้วก็หยุดคลุ้มคลั่งไปพอหัวหน้าผมออกมาหัวหน้าผมเล่าว่าแกสลดใจและสงสารแกมากจนบางคนถึงกลับร้องไห้หน้าห้องหลังออกมาที่เห็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกัน คุยกัน หยอกล้อเล่นกันต้องมาอยู่ในสภาพนี้แล้วทุกคนก็กลับและโทรเรียกลูกและญาติพี่น้องของแกมา"
มีคนเคยถามทำไมผมถึงห่วงแกมากผมตอบว่าครั้งนึงตอนผมมีปัญหาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอจากปัญหาก็มีพี่คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยผม ให้กำลังใจ ให้ผมกลับมามีสติกลับมาให้ผมได้รู้ว่าคนเราตอนอ่อนแอ จากคนเป็นร้อยๆที่สนิทจะเหลือใครบ้างที่อยู่กับเราตอนเรามีปัญหา
สุดท้ายผมเชื่อว่าพี่เขาจะกลับมาได้แน่นอนขอให้พระเจ้าและสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองแกและให้แกหายไวไวเพื่อจะๆได้กลับมาทำงานเฮฮากันเหมือนเดิมและขอให้ทุกท่านในที่นี้มีแต่ความสุขความเจริญนะครับ
----------------------------------------------------
ขอเล่าก่อนว่าผมมีพี่ทำที่ทำงานอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 33 มีลูก 2 คนและถูกสามีทิ้งซึ่งตอนแรกแกก็ปกติดีทุกอย่างจนพึ่งจะประมาณ 3-4 เดือนก่อนแกแปลกๆไปตอนแรกก็นึกว่าแกเล่นๆแต่ตอนนี้เหมือนกับว่าแกมีอาการทางจิตอยู๋ดีดีก็ร้องให้หัวเราะโดยไม่รู้สาเหตุโดยเหมือนแกจะมีอาการเมาๆเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เพราะแอลกอฮอล์ตอนนี้เริ่มพูดด้วยไม่รู้เรื่องแล้วครับมีประเด็นสำคัญหลักๆเกี่ยวกับตัวแก
ผมจะอธิบายให้ฟังดังนี้นะครับ
1.แกเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ซึ่งแกชอบพูดกับพระเจ้าคนเดียวจนบ่อยมาก (ปล.ผมไม่ได้มีการลบหลู่ศาสนาคริสต์นะครับกราบขออภัย)
2.แกเริ่มพูดคนเดียวบ่อยขึ้นย้ำคิดย้ำทำเวลาไปเตือนแกแกก็จะเอ๋อๆแล้วแกก็จะไปทำอย่างอื่นแล้วก็จะพูดคนเดียวจนคนรอบข้างเริ่มคิดว่าแกมีอาการทางจิตโดยตอนแรกๆยังพอทำงานได้แต่หลังๆมานี่แกทำงานไม่ได้แล้วครับเหม่อเลยยิ้มพูดคนเดียวในที่ทำงานจนคนรอบข้างเริ่มมองแกแปลกๆไป
3.บางทีแกก็ร้องไห้บางทีแกก็หัวเราะโดยไม่สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเคยหัวเราะในที่ประชุมหัวหน้าห้ามก็ยังไม่หยุดจนโดนหัวหน้าไล่ออกจากห้องและแกก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยแกก็ออกมายิ้มทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น
4.เพื่อนๆที่ทำงานบางคนคิดว่าเป็นเรื่องตลกยังหัวเราะแกแล้วพูดลับหลังคาดว่าแกคงได้ยินบ่อยจนคิดมาก แกเคยบอกผมเอาที่หลักๆคือ"พี่รู้ว่าคนอื่นพูดกับพี่ยังไง ทำไมพี่ต้องทำในแบบที่คนอื่นอยากให้พี่เป็น พี่เป็นตัวพี่แบบนี้ละเขายิ่งนินทาพี่พี่ยิ่งจะทำพี่เป็นตัวของพี่เอง" แล้วอีกครั้งนึงตอนแกร้องไห้ "พี่แค่จบแค่ ม.6 ทำไมทุกคนต้องให้พี่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น ทำไมทุกคนต้องสนใจแต่ตัวพี่ พี่อยากเป็นเหมือนตอนเข้ามาแรกๆตอนที่ทุกอย่างเหมือนปกติ" แล้วแกก็บอกว่าแกขอเวลาเงียบๆไปร้องไห้
5.ลูกสาวของแกอายุ 15 ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับแกไปอยู่บ้านเพื่อนเหตุผลที่ว่าแม่แกแปลกๆไป และเริ่มออกห่างจากแม่ตัวเองขอเล่าก่อนว่าตอนแรกลูกของแกให้ที่บ้านแกเลี้ยงให้และส่งเงินไปให้ทุกเดือนและแกอยู่หอคนเดียวแต่ตอนนี้แกพาลูกมาอยู่ด้วยที่หอใหม่แถวที่ทำงาน
***6.แกมีเป็นคนรักสวยรักงามมากโดยแกจะกินยาเสริมสวยและอาหารเสริมที่ไม่รู้แกไปซื้อมาจากไหนของแกวันละแพ๊คกล่องใส่ยาของแกโดยวันนึงน่าจะประมาณ 10-15 เม็ด***
***********นี่คือประเด็นหลักที่ผมสงสัยว่ายานี้หรือเปล่าที่ส่งผลกระทบต่ออาการทางจิตทำให้ล่องลอย มึนเมาซึ่งผมอยากจะช่วยพี่แกมากๆตอนนี้แกโดนหยุดงานไปครึ่งเดือนและอยู่คนเดียวที่ห้องกลัวแกจะทำอะไรจริงๆ และแกยังต้องเลี้ยงตัวเองเลี้ยงลูกอีกทั้งๆที่เป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียวและเริ่มออกห่างจากสังคม****************
นี่ครับรูปตัวยาครับแอบไปขโมยแกมา
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ
*************วันนี้ล่าสุด 11/2/2556 ****************เพื่อนผมโทรมาหาบอกพี่แกโดนพาไปโรงพยาบาลแล้วโดยตำรวจ
เพื่อนมันเล่าว่า : เพื่อนร่วมงานที่อยู่หอเดียวกันได้ยินกรี๊ดลั่นห้องตะโกนจนไม่ไหวต้องแจ้งหัวหน้าแล้วหัวหน้าโทรเรียกตำรวจไปที่ห้องแกพอไปถึงแกบ่นพึมพำอยู่ในมุมมืดของห้องมืดว่า"แกเป็นคนที่พระเจ้าเลือกแล้ว" จากนั้นแกเหมือนจะทำร้ายตัวเองจนตำรวจต้องใส่กุญแจมืดพาไปโรงพยาบาลเมื่อกี้หัวหน้าที่ทำงานพึ่งโทรมาขอรูปยาที่ผมโพสลงในกระทู้นี้ไปตอนนี้ได้ถึงมือหมอพอถึงโรงพยาบาลแกนั่งแหกขาโดยเพื่อนผมไปบอกว่านั่งแบบนี่มันไม่สุภาพนะนี่โรงพยาบาลซ้ำยังเป็นที่สาธารณะแกบอกว่า"พี่กำลังจะคลอดลูก" โดยที่ทำงานรวมทั้งแผนก HR ก็มาโรงพยาบาลทั้งมด
ผมก็เบาใจลงได้หน่อยที่แกถึงมือหมอและไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องแล้ว
ขอสิ่งศักสิทธ์ช่วยคุ้มครองและให้แกหายไวไวด้วยเถอะครับ