(๑) พระพุทธเจ้าสอนอะไร?
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้นแยกได้ ๒ ระดับ คือ ระดับพื้นฐาน กับ ระดับสูง ซึ่งคำสอนระดับพื้นฐานก็คือการสอนหลักศีลธรรมที่เอาไว้สอนบุคคลทั่วไป เช่น ชาวบ้านหรือเด็กที่มีปัญญาน้อย โดยคำสอนระดับศีลธรรมทั้งหมดนั้นก็สรุปอยู่ที่ สอนให้ละเว้นการทำความชั่วและให้ทำแต่ความดี เช่น สอนให้ละเว้นการเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น, สอนให้ละเว้นอบายมุขและสิ่งเสพติด, สอนให้ขยัน, อดทน, ซื่อสัตย์, ให้อภัย, ช่วยเหลือผู้อื่น, และสอนให้รู้จักและทดแทนคุณของผู้มีคุณ เช่น พ่อ-แม่ ครู-อาจารย์ ประเทศชาติ พืช สัตว์ เป็นต้น, รวมทั้งสอนให้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัด ไม่กิน-ใช้เกินความจำเป็น เป็นต้น
ผลจากการปฏิบัติศีลธรรมนี้ก็คือ ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความปกติสุข รวมทั้งถ้าสังคมผู้คนมีศีลธรรมกันมากๆ สังคมก็จะสงบสุข และถ้าชาวโลกมีศีลธรรมกันมากๆ โลกก็จะมีสันติภาพได้ ซึ่งคำสอนระดับศีลธรรมนี้เบื้องต้นจะใช้ความเชื่อมาเป็นตัวนำเอาหลักคำสอนไปปฏิบัติ
คำสอนระดับศีลธรรมนี้ก็มีอยู่แล้วในทุกศาสนา โดยคำสอนระดับศีลธรรมในพุทธศาสนานี้ส่วนมากจะเจือปนอยู่ด้วยเรื่องเล่าหรือนิทานที่ดูว่าจะเป็นเรื่องงมงายเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะในปัจจุบันได้มีคำสอนที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามาปลอมปนอยู่ด้วยอย่างมากมาย ซึ่งคำสอนระดับศีลธรรมนี้พระพุทธเจ้าจะไม่เน้นสอน เพราะมีผู้สอนกันอยู่มากแล้ว
ส่วนคำสอนระดับสูงนั้นเป็นคำสอนเรื่อง การทำจิตให้บริสุทธิ์ โดยมีผลเป็น ความรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิต และความไม่มีความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ซึ่งคำสอนระดับสูงนี้จะต้องใช้การคิดพิจาณาไตร่ตรองอย่างมากในการศึกษา ดังนั้นคำสอนระดับสูงนี้จึงเอาไว้สอนเฉพาะผู้ที่เฉลียวฉลาดหรือมีความรู้ทางโลกมากๆ เช่น นักวิทยาศาสตร์ หรือนักคิด นักเขียน หรือนิสิตนักศึกษา หรือปัญญาชน เป็นต้น เท่านั้น
หลักในการสอนคำสอนระดับสูงนี้พระพุทธเจ้าจะไม่สอนให้เชื่อก่อน แต่จะสอนให้รู้จักคิดพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล จนเกิดปัญญาก่อน ต่อเมื่อเกิดปัญญาแล้วความเชื่อก็จะตามมาได้เองในภายหลัง โดยผู้ที่มีปัญญาแล้ว เขาก็จะเป็นคนดีมีศีลธรรมอย่างมั่นคงได้เองในภายหลัง ซึ่งตลอดพระชนชีพของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์จะทรงเน้นสอนเฉพาะคำสอนระดับสูงเรื่องความไม่มีทุกข์นี้เท่านั้น (หนังสือนี้ทั้งหมดจะเอาเฉพาะคำสอนระดับสูงมาอธิบายเท่านั้น ส่วนคำสอนระดับศีลธรรมจะไม่กล่าวถึง เพราะมีสอนกันอยู่โดยทั่วไปแล้ว)
สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าจะสอนเฉพาะเรื่องการปฏิบัติเพื่อความไม่มีทุกข์ในปัจจุบันของจิตใจมนุษย์เท่านั้น เพราะเรื่องความทุกข์นี้เป็นปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความทุกข์เลยหรือมีน้อยที่สุดได้จนตลอดชีวิต ก็นับว่าชีวิตได้รับสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับแล้ว
เตชปัญโญ ภิกขุ.
(จาก
http://www.whatami.net/bud/bud1.html )
พระพุทธเจ้าสอนอะไร?
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้นแยกได้ ๒ ระดับ คือ ระดับพื้นฐาน กับ ระดับสูง ซึ่งคำสอนระดับพื้นฐานก็คือการสอนหลักศีลธรรมที่เอาไว้สอนบุคคลทั่วไป เช่น ชาวบ้านหรือเด็กที่มีปัญญาน้อย โดยคำสอนระดับศีลธรรมทั้งหมดนั้นก็สรุปอยู่ที่ สอนให้ละเว้นการทำความชั่วและให้ทำแต่ความดี เช่น สอนให้ละเว้นการเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น, สอนให้ละเว้นอบายมุขและสิ่งเสพติด, สอนให้ขยัน, อดทน, ซื่อสัตย์, ให้อภัย, ช่วยเหลือผู้อื่น, และสอนให้รู้จักและทดแทนคุณของผู้มีคุณ เช่น พ่อ-แม่ ครู-อาจารย์ ประเทศชาติ พืช สัตว์ เป็นต้น, รวมทั้งสอนให้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัด ไม่กิน-ใช้เกินความจำเป็น เป็นต้น
ผลจากการปฏิบัติศีลธรรมนี้ก็คือ ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความปกติสุข รวมทั้งถ้าสังคมผู้คนมีศีลธรรมกันมากๆ สังคมก็จะสงบสุข และถ้าชาวโลกมีศีลธรรมกันมากๆ โลกก็จะมีสันติภาพได้ ซึ่งคำสอนระดับศีลธรรมนี้เบื้องต้นจะใช้ความเชื่อมาเป็นตัวนำเอาหลักคำสอนไปปฏิบัติ
คำสอนระดับศีลธรรมนี้ก็มีอยู่แล้วในทุกศาสนา โดยคำสอนระดับศีลธรรมในพุทธศาสนานี้ส่วนมากจะเจือปนอยู่ด้วยเรื่องเล่าหรือนิทานที่ดูว่าจะเป็นเรื่องงมงายเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะในปัจจุบันได้มีคำสอนที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ามาปลอมปนอยู่ด้วยอย่างมากมาย ซึ่งคำสอนระดับศีลธรรมนี้พระพุทธเจ้าจะไม่เน้นสอน เพราะมีผู้สอนกันอยู่มากแล้ว
ส่วนคำสอนระดับสูงนั้นเป็นคำสอนเรื่อง การทำจิตให้บริสุทธิ์ โดยมีผลเป็น ความรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิต และความไม่มีความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ซึ่งคำสอนระดับสูงนี้จะต้องใช้การคิดพิจาณาไตร่ตรองอย่างมากในการศึกษา ดังนั้นคำสอนระดับสูงนี้จึงเอาไว้สอนเฉพาะผู้ที่เฉลียวฉลาดหรือมีความรู้ทางโลกมากๆ เช่น นักวิทยาศาสตร์ หรือนักคิด นักเขียน หรือนิสิตนักศึกษา หรือปัญญาชน เป็นต้น เท่านั้น
หลักในการสอนคำสอนระดับสูงนี้พระพุทธเจ้าจะไม่สอนให้เชื่อก่อน แต่จะสอนให้รู้จักคิดพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล จนเกิดปัญญาก่อน ต่อเมื่อเกิดปัญญาแล้วความเชื่อก็จะตามมาได้เองในภายหลัง โดยผู้ที่มีปัญญาแล้ว เขาก็จะเป็นคนดีมีศีลธรรมอย่างมั่นคงได้เองในภายหลัง ซึ่งตลอดพระชนชีพของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์จะทรงเน้นสอนเฉพาะคำสอนระดับสูงเรื่องความไม่มีทุกข์นี้เท่านั้น (หนังสือนี้ทั้งหมดจะเอาเฉพาะคำสอนระดับสูงมาอธิบายเท่านั้น ส่วนคำสอนระดับศีลธรรมจะไม่กล่าวถึง เพราะมีสอนกันอยู่โดยทั่วไปแล้ว)
สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าจะสอนเฉพาะเรื่องการปฏิบัติเพื่อความไม่มีทุกข์ในปัจจุบันของจิตใจมนุษย์เท่านั้น เพราะเรื่องความทุกข์นี้เป็นปัญหาสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน ถ้าเราจะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความทุกข์เลยหรือมีน้อยที่สุดได้จนตลอดชีวิต ก็นับว่าชีวิตได้รับสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับแล้ว
เตชปัญโญ ภิกขุ.
(จาก http://www.whatami.net/bud/bud1.html )