มีการคาดหมายว่า ไม้เด็ดสุดท้ายที่ประชาธิปัตย์อาจงัดมาใช้ในศึก
ชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ เป่าไฟ "เผาบ้านเผาเมือง"
ให้ลุกโพลงขึ้นในใจคน กทม. อีกครั้ง
ซึ่งภาพตัดต่อในโซเชียล มีเดีย ที่รถหาเสียงซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อยู่บนนั้น มีฉากหลังเป็นเปลวไฟกำลัง
โหมไหม้ ที่ นายศิริโชค โสภา นำมาเผยแพร่ ตอกย้ำว่า "มีเค้า"
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกต พล.ต.อ.พงศพัศ ดูจะแน่วแน่กับแนวทางของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่แตกแถว
โดยบอกว่า "ไม่ถือสาและคงไม่ทำให้เสียหายมากมาย ทุกอย่าง
อยู่ในดุลพินิจของประชาชน...อยากขอความกรุณาเรื่องการใส่ร้าย
ผู้สมัคร กรุณาให้หลีกเลี่ยง จะไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีใดๆ...
จะไม่ไปอาฆาตมาดร้าย ไม่ฟ้องใคร ไม่ถือสาอะไรทั้งสิ้น อยากให้
ทุกคนเดินหน้าหาเสียงต่อไป"
ต้องไม่ลืมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ชูความสด ใหม่ สุภาพ อ่อนน้อม
ไม่ตอบโต้ทางการเมือง หรือชวนทะเลาะ เป็นจุดขาย
ซึ่งก็มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ชัยชนะท่วมท้น
และกลายเป็นแนวปฏิบัติของนายกฯปัจจุบันด้วย
คือแม้จะมีเรื่องถูกโจมตี อยู่โดยตลอดก็ตาม
แต่ก็เงียบ ไม่ตอบโต้
ล่าสุดที่เป็นสีสัน คือ ถูกหาว่า "ล็อกหวย" เพราะนั่งนายกฯมา
ปีครึ่ง ทะเบียนรถที่นำมาใช้งาน ทำคนถูกหวยมาแล้ว 7 งวด
เลยถูกสงสัยว่าล็อกหวยเพื่อเสริมบารมีนายกฯหรือเปล่า
ก็ครึกครื้นกันไป
ซึ่งถ้าล็อกได้จริง
นายกฯคงอยากล็อกให้วันที่ 3 มีนาคมนี้ เลขที่ออก คือ
เลข 9 ของ พล.ต.อ.พงศพัศ
ซึ่งว่าไปก็มีแนวโน้มสูง เพราะสำนักโพลต่างๆ ก็ชี้ไปทางนั้น
ชี้กันหลายรอบ จนถูกหาว่า "ล็อกโพล"
โดยเฉพาะสวนดุสิต เจอหนักกว่าเพื่อน
เพราะอย่างที่ทราบๆ กัน มีเหตุ นายมานิจ สุขสมจิตร ซึ่งก็เป็น
คนในแวดวงสื่อนี่แหละเกิดลาออกจาก "นายกสภามหาวิทยาลัย"
มาช่วยเสริม
ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ประการ คือ 1) ไม่พอใจที่สวนดุสิตโพลไป
รับงานจัดเวทีสานเสวนา 108 เวทีแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐบาล และ
2) ไม่พอใจการทำโพลบางโพลของสวนดุสิต เช่นไปถามว่าอยาก
ให้นักการเมืองคนไหนรอดบ้างหากถึงวันสิ้นโลก เป็นต้น
งานเลยเข้าสวนดุสิต เพราะเกิดอาการ "มาเร็ว เคลมเร็ว" จากแวดวงสื่อ
เนื่องจากไปเคลมว่า การรับงาน "รัฐบาล" โดยมีเงินตอบแทนมหาศาล
ทำให้สวนดุสิตเอียง
แล้วก็ยังโยงไปถึงโพลผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่นายมานิจไม่ได้พาดพิง
ถึงและลาออกก่อนที่จะมีโพลผู้ว่าฯกทม.ด้วย
ส่วนเงินที่อ้างว่าสวนดุสิตได้รับ ก็เป็นการรวบรวมมาหลายปี
ผ่านมาหลายรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วย
ก็เลยงง กับปรากฏการณ์ "เคลมเร็ว" ของเพื่อนสื่อด้วยกันว่า
"ตีขลุม" เกินไปหรือเปล่า
แต่ไม่ว่ากัน ถือเป็นการตรวจสอบและกระตุ้นให้ "สำนักโพล"
ทั้งหลาย ต้องเคร่งมาตรฐาน
ขณะเดียวกัน ก็อยากฝากถึงสื่อ โดยเฉพาะสถาบันสื่อทั้งหลาย
เมื่อตรวจสอบคนอื่นแล้ว
มานั่งจับเข่าตรวจสอบกันเองด้วยได้ไหม
เพราะฟังนายมานิจให้สัมภาษณ์วิทยุเต็มหูว่า เป็นตัวแทน "สื่อ"
เข้าไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
เลยมีพันธกิจต้องปกป้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างแน่วแน่
เป็นจุดยืนส่วนตัว
ข้องใจ เพราะดูเข้าข่าย "ล็อกสื่อ" อย่างที่ไปชี้หน้ากล่าวหาคนอื่นมั่ก-มั่ก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1360494427&grpid=&catid=02&subcatid=0200
วุ๊ย ..."มติชิน..มติชั่ว ..มติโจร" ..อีกแล้ว
เก็บตกมาให้อ่านกัน เพราะกลัวว่าเพื่อนๆ จะตกข่าวค่ะ
สารภาพ...ว่า ไม่ได้ถูกหวย...ล็อค...นะคะ
ล็อก : คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร ..... มติชนออนไลน์
ชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ เป่าไฟ "เผาบ้านเผาเมือง"
ให้ลุกโพลงขึ้นในใจคน กทม. อีกครั้ง
ซึ่งภาพตัดต่อในโซเชียล มีเดีย ที่รถหาเสียงซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อยู่บนนั้น มีฉากหลังเป็นเปลวไฟกำลัง
โหมไหม้ ที่ นายศิริโชค โสภา นำมาเผยแพร่ ตอกย้ำว่า "มีเค้า"
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกต พล.ต.อ.พงศพัศ ดูจะแน่วแน่กับแนวทางของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่แตกแถว
โดยบอกว่า "ไม่ถือสาและคงไม่ทำให้เสียหายมากมาย ทุกอย่าง
อยู่ในดุลพินิจของประชาชน...อยากขอความกรุณาเรื่องการใส่ร้าย
ผู้สมัคร กรุณาให้หลีกเลี่ยง จะไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีใดๆ...
จะไม่ไปอาฆาตมาดร้าย ไม่ฟ้องใคร ไม่ถือสาอะไรทั้งสิ้น อยากให้
ทุกคนเดินหน้าหาเสียงต่อไป"
ต้องไม่ลืมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงสมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ชูความสด ใหม่ สุภาพ อ่อนน้อม
ไม่ตอบโต้ทางการเมือง หรือชวนทะเลาะ เป็นจุดขาย
ซึ่งก็มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ชัยชนะท่วมท้น
และกลายเป็นแนวปฏิบัติของนายกฯปัจจุบันด้วย
คือแม้จะมีเรื่องถูกโจมตี อยู่โดยตลอดก็ตาม
แต่ก็เงียบ ไม่ตอบโต้
ล่าสุดที่เป็นสีสัน คือ ถูกหาว่า "ล็อกหวย" เพราะนั่งนายกฯมา
ปีครึ่ง ทะเบียนรถที่นำมาใช้งาน ทำคนถูกหวยมาแล้ว 7 งวด
เลยถูกสงสัยว่าล็อกหวยเพื่อเสริมบารมีนายกฯหรือเปล่า
ก็ครึกครื้นกันไป
ซึ่งถ้าล็อกได้จริง
นายกฯคงอยากล็อกให้วันที่ 3 มีนาคมนี้ เลขที่ออก คือ
เลข 9 ของ พล.ต.อ.พงศพัศ
ซึ่งว่าไปก็มีแนวโน้มสูง เพราะสำนักโพลต่างๆ ก็ชี้ไปทางนั้น
ชี้กันหลายรอบ จนถูกหาว่า "ล็อกโพล"
โดยเฉพาะสวนดุสิต เจอหนักกว่าเพื่อน
เพราะอย่างที่ทราบๆ กัน มีเหตุ นายมานิจ สุขสมจิตร ซึ่งก็เป็น
คนในแวดวงสื่อนี่แหละเกิดลาออกจาก "นายกสภามหาวิทยาลัย"
มาช่วยเสริม
ด้วยเหตุผลหลักๆ 2 ประการ คือ 1) ไม่พอใจที่สวนดุสิตโพลไป
รับงานจัดเวทีสานเสวนา 108 เวทีแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐบาล และ
2) ไม่พอใจการทำโพลบางโพลของสวนดุสิต เช่นไปถามว่าอยาก
ให้นักการเมืองคนไหนรอดบ้างหากถึงวันสิ้นโลก เป็นต้น
งานเลยเข้าสวนดุสิต เพราะเกิดอาการ "มาเร็ว เคลมเร็ว" จากแวดวงสื่อ
เนื่องจากไปเคลมว่า การรับงาน "รัฐบาล" โดยมีเงินตอบแทนมหาศาล
ทำให้สวนดุสิตเอียง
แล้วก็ยังโยงไปถึงโพลผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่นายมานิจไม่ได้พาดพิง
ถึงและลาออกก่อนที่จะมีโพลผู้ว่าฯกทม.ด้วย
ส่วนเงินที่อ้างว่าสวนดุสิตได้รับ ก็เป็นการรวบรวมมาหลายปี
ผ่านมาหลายรัฐบาล รวมถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ด้วย
ก็เลยงง กับปรากฏการณ์ "เคลมเร็ว" ของเพื่อนสื่อด้วยกันว่า
"ตีขลุม" เกินไปหรือเปล่า
แต่ไม่ว่ากัน ถือเป็นการตรวจสอบและกระตุ้นให้ "สำนักโพล"
ทั้งหลาย ต้องเคร่งมาตรฐาน
ขณะเดียวกัน ก็อยากฝากถึงสื่อ โดยเฉพาะสถาบันสื่อทั้งหลาย
เมื่อตรวจสอบคนอื่นแล้ว
มานั่งจับเข่าตรวจสอบกันเองด้วยได้ไหม
เพราะฟังนายมานิจให้สัมภาษณ์วิทยุเต็มหูว่า เป็นตัวแทน "สื่อ"
เข้าไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
เลยมีพันธกิจต้องปกป้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างแน่วแน่
เป็นจุดยืนส่วนตัว
ข้องใจ เพราะดูเข้าข่าย "ล็อกสื่อ" อย่างที่ไปชี้หน้ากล่าวหาคนอื่นมั่ก-มั่ก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1360494427&grpid=&catid=02&subcatid=0200
วุ๊ย ..."มติชิน..มติชั่ว ..มติโจร" ..อีกแล้ว
เก็บตกมาให้อ่านกัน เพราะกลัวว่าเพื่อนๆ จะตกข่าวค่ะ
สารภาพ...ว่า ไม่ได้ถูกหวย...ล็อค...นะคะ