เรียนรู้จากความผิดพลาด มาร่วมแชร์บทเรียนราคาแพงมาก แพงน้อยของแต่ละคนจากการท่องเที่ยวกันค่ะ

แม้ว่าจะวางแผนไว้ดีแค่ไหน แต่เวลาไปเที่ยว มักจะเกิดเหตุการ์ณไม่คาดฝันขึ้นใช่ไหมคะ มาร่วมแบ่งปันบทเรียนราคาแพงที่แต่ละคนเคยประสบมากันค่ะ มากบางน้อยบ้าง แต่ก็ผิดเป็นครูทั้งนั้น  ไปเที่ยวคราวหน้าจะได้ระวังไม่ให้เกิดเหตุการ์ณซ้ำเดิมขึ้นอีกค่ะ

นี่คือเรื่องของ จขกท ค่ะ

สิงคโปร์
เริ่มจากนัดแล้วไม่ตรงเวลาค่ะ เครื่องออก 2 ทุ่ม กะว่าจะออกเดินทางไปสนามบินสัก 6 โมง เดินทางด้วยรถไฟฟ้า แต่พอถึงเวลานัดมีคนสายไป 1 คนค่ะ ตั๋วเครื่องบินของเขาก็อยู่ที่เรา เลยตัดสินใจรอที่ รร สัก 10 นาที แต่ปรากฏว่ายังไม่มา เลยตัดสินใจเขียนโน้ตพร้อมกับทิ้งตั๋วเครื่องบินไว้ที่หน้าฟร้อน ว่าให้นั่งแท๊กซี่ตามไปสนามได้เลย จากนั้นเราก็เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปสนามบิน

เราก็คิดว่ารถไฟฟ้ายังไงมันก็เร็วกว่าแท๊กซี่แน่ๆ เพราะอย่างน้อยรถก็ไม่ติดเนอะ แต่ที่ไหนได้ ระหว่างที่นั่งรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าอยู่ดีๆมันก็หยุดชะงักประมาณ 5 นาทีได้ ใจก็ตุ้มๆต่อมๆว่าจะทันไหมๆ สุดท้ายก็ไปถึงสนามบินแบบเฉียดฉิวมาก แล้วก็วิ่งค่ะ ไกลมาก จากสถานีรถไฟไปอีกเทอรมินอลนึง วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึง สุดท้ายก็ไปเชคอินทัน แล้วที่น่าตกใจคือ เพื่อนอีกคนที่มาไม่ตรงเวลานัดคนนั้น เขานั่งแท๊กซี่มาถึงสนามบินก่อนพวกเราที่นั่งรถไฟฟ้ามาอีก เฮ้ย มาถึงก่อนได้ไงว่ะ แสดงว่ารถไม่ติดรึอย่างไร เวรกรรมแท้

ที่นี่ตอนนั้นเดินทางประมาณ 10 คนได้ แล้วซื้อบัตรรถไฟฟ้าหลายใบ พอขากลับถ้าเอาบัตรไปคืนจะได้เงินคืน เหตุมะนเกิดเพระาความงกแท้ๆ เราเลยบอก ออกแนวสั่งให้น้องเอาบัตรไปคืนที่ตู้ ซึ่งมันอยู่อีกเทอร์มินอล ต้องนั่งรถไฟไปแล้วเดินต่อไปจนถึงสนานีรถไฟฟ้า น้องเราก็ไปค่ะ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตอนเชคอิน พนักงานต้องให้คนที่เป็นเจ้าของพาสปอร์ตมาแสดงตัว เราก็บอกว่ามาแล้วแต่ไปคืนบัตร
พนักงานมันก็บอกว่ายังไงต้องมาแสดงตัว ซวยแล้วไงทีนี้ เราก็กระวนกระวายมาก เพราะรอเท่าไหร่ก็ไม่มา เวลา 2-3 นาที เหมือนนานเป็นชาติ รถไฟฟ้าที่วิ่งระหว่าง 2 เทอร์มินอลผ่านไปกี่คันๆ น้องเราก็ไม่ออกมา

สุดท้ายก็มาถึง รีบวิ่งไปเชคอิน แค่พนักงานคนนั้นไม่อยู่แล้ว เราเลยถามพนักงานเค้าเตอร์ข้างๆว่า คนนี้หายไปไหน เขาก็บอกว่า กำลังไปคิดต่อกัปตันว่าจะให้น้องเราขึ้นเครื่องได้ไหม เรากับแม่ก็อ้อนวอน+กรีดร้องหน้าเค้าเตอร์ว่า พลีสๆ แบบว่าให้น้องได้ขึ้นเครื่องเถอะ สุดท้ายพนักงานมาบอกว่า ไม่ได้ ถ้าเรากับแม่ไม่ไปขึ้นเครื่องตอนนี้ จะตกเครื่อง

เราก็เลยทำอะไรไม่ถูก น้องตกเครื่องไปแล้วและเราก็กำลังจะตกเครื่องถ้าไม่รีบไป เลยเอาพาสปอร์ตพร้อมกับถุงที่เก็บเงินทั้งหมดให้ไปซื้อตั๋วใหม่ที่เค้าท์เตอร์ แล้วบอกว่าจะรอที่รับสนามบินที่มาเล ไฟลท์ถัดไปที่ว่างแล้วเราก็กับแม่ก็วิ่งเข้าเกท ขอบอกว่าไกลมากกกก วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึง เหมือนแทบขาดใจเลยจริงๆ เดินทางทั้งวันยังต้องมาวิ่งขึ้นเครื่องอีก  จนแม่บอกว่าไปเถอะ แม่ไม่ไหวแล้ว แล้วแม่ก็หยุดวิ่งเพราะเหนื่อยมาก เราเลยวิ่งไปลากแม่ไปด้วยกัน

พอไปถึงเกทปรากฏว่า เขายังไม่เรียกขึ้นเครื่องเลย กลุ่มเพื่อนๆที่มาก่อนกำลังเดินดิวตี้ฟรีอยู่เลย แล้วทำไมมันไม่ให้น้องเราตามา งง เครียด เสียใจ

อยู่ต่างประเทศ โทรศัพท์ไม่มี แถมยังมาพลัดหลงกันอีกเนี่ย มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เราเดินไปคุยกับพนักงานบอกว่า น้องฉันตกเครื่อง ช่วยเชคหน่อยว่าเที่ยวบินต่อไปที่ไปมาเลกี่โมง และเชคด้วยว่ายังมีที่ว่างไหม มีชื่อน้องในไฟลท์ถัดไปรึเปล่า เพราะตอนเราวิ่งเข้าเกทมา ยังไม่รู้เลยว่าน้องได้ตั๋วไฟลท์ไหน กี่โมงพนักงานเขาก็เชคให้ บอกว่ามีชื่อในเทียวบินถัดไป ถึงตอนตี 1 เรา แม่ และผองเพื่อนเลยรอที่สนามบิน

เราเจ็บปวดและเสียใจมากค่ะ แม่ก็เจ็บปวด เป็นความผิดเราเองถ้าไม่งกเงินแค่ไม่กี่เหรียญ ก็ไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขากลับไปส่งน้องที่สนามบินก็นั่งร้องไห้กันสองคน เศร้ามากค่ะ เป็นความรู้สึกผิดที่ทำให้น้องตกเครื่อง

เริ่มจากอยากได้ค่าคืนบัตรรถไฟฟ้า จนตกเครื่อง แถมเงินที่ได้มาเอาไปแลกคืนไม่ได้ด้วย เพราะมันมาเป็นเหรียญ

บทเรียนนี้ราคาแพงค่ะ ราคาเท่าไหร่ จำไม่ได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ จขกท จำไม่ลืมแน่ๆและจะไม่เสียดายเงินแค่ไม่กี่บาทอีกแล้ว เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริงๆค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่