คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
แนะให้ทยอยลงทุนเหมือนกันครับ
จริงๆ ก็มีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มลงทุนซักที จะคอยไปถึงเมื่อไหร่
ไปเริ่มลงทุนเมื่อคิดว่ารวยก่อน 40 ปี 50 ปี หลายอย่างหามาได้ แต่ "เวลา" ที่หายไปหาไม่ได้อีกแล้วนะครับ
เงินชื่อคุณเอง ทำไปเถอะครับ
จะต้องให้ทางบ้านกำหนดชีวิตคุณไปอีกกี่ปี (ไม่ได้บอกว่าให้อกตัญญูนะ 555 แต่บ้างบ้านก็นะ ลูกโต 30 กว่าแล้วยังวางแผนให้ลูกเดินตามสารพัด)
สำหรับผู้ใหญ่บางคน ผมไม่ได้คิดว่า เขาไม่ชอบความเสี่ยงหรือกลัวเงินหายอะไรหรอกครับ
เขาแค่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ยาก มันเป็นธรรมชาติของคนอายุเยอะๆ อยู่แล้ว ประสบการณ์ทั้งชีวิตของเขา เขาทำอะไรสำเร็จมา
เขาจะยึดแนวทางนั้นตลอดไป
ครอบครัวคนจีนรวยเพราะค้าขาย ลูกจบมาไปทำงานประจำบริษัท ก็จะถูกต่อต้าน
ครอบครัวข้าราชการ ลูกจบมาจะค้าขาย ก็จะถูกต่อต้าน
ครอบครัวนักธุรกิจ ลูกจะไปเป็นข้าราชการ ก็จะถูกต่อต้าน
เป็นต้น
เรื่องการเงิน ประเทศเราให้ความรู้เรื่องการลงทุนน้อยมากครับ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะมีความรู้เพียงแค่พื้นฐาน เช่น ฝากประจำ, สลากออมสิน, ทองคำ
พอพูดถึงหุ้น เป็นเรื่องใหม่ในชีวิตเขา แถมเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ของมีค่า เขาเลยรู้สึกว่า ไม่มั่นคง
เห็นไหมล่ะครับว่า ทำไมเขาถึงซื้อทองคำได้อย่างสนิทใจ ทั้งๆ ที่ทางหลักการลงทุน ทองคำ ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นซะอีก
(ทองเสี่ยงระดับ 8, หุ้นเสี่ยงระดับ 6)
เพราะเขาเคยชินกับทองคำไงครับ
ผมเชื่อด้วยซ้ำนะว่า ถ้าวันนี้คุณลองเอาเงินไปซื้อทองคำ เขาจะอนุญาตและยินดี !!! ทั้งๆ ที่รู้หรือเปล่าว่าราคาทองคำช่วงปีนี้ side way (ผันผวนมาก ซื้อต้นปี ปลายปีอาจจะไม่ได้อะไรเลย)
ลองทอยลงทุนด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ครับ เพื่อให้ทางบ้านไม่กังวลมาก
และตัวคุณเองได้ค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วย เพราะคุณเองก็น่าจะยังเป็นมือใหม่มาก ยังไงก็ทยอยๆ ดีกว่าครับ
ปล. 1 ไม่ต้องกลัวตกรถครับ ลองศึกษาวิธีลงทุนแบบ DCA (หาในกูเกิ้ลเองนะ) ทยอยลงทุนไปทั้งปี ปลอดภัย ไม่มีคำว่าตกรถ และติดดอย
ปล. 2 สลากออมสินที่ว่าดีนักหนา ลองคำนวนดอกเบี้ยที่จะได้ดูครับ ทั้ง 3 ปี หรือ 5 ปีที่ต้องเก็บไว้
จะพบว่าดอกเบี้ยแพ้อัตราเงินเฟ้อประเทศเรานะครับ พูดง่ายๆ ว่าสลากออมสิน เก็บไว้เฉยๆ มูลค่าลดครับ ต้องอาศัยดวงไปวันๆ หากต้องการถูกรางวัลให้ชนะอัตราเงินเฟ้อ
ที่จะบอกคือ สลากออมสิน (ไม่นับเรื่องถูกรางวัลนะครับ) เป็นความเชื่อความเคยชินของผู้ใหญ่อีกอย่างหนึ่งแหล่ะ ที่ว่าเก็บแล้วดี ปลอดภัย อะไรก็สู้ไม่ได้ หารู้ไม่ว่ามูลค่ามันลดลงทุกปีๆ ดอกเบี้ยก็แพ้เงินฝาก แพ้เงินเฟ้อ
ผู้ใหญ่ค้าบ เปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ บ้างนะค้าบบ (ฝากบอกที่บ้านผมด้วย ฮ่าๆๆ)
จริงๆ ก็มีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มลงทุนซักที จะคอยไปถึงเมื่อไหร่
ไปเริ่มลงทุนเมื่อคิดว่ารวยก่อน 40 ปี 50 ปี หลายอย่างหามาได้ แต่ "เวลา" ที่หายไปหาไม่ได้อีกแล้วนะครับ
เงินชื่อคุณเอง ทำไปเถอะครับ
จะต้องให้ทางบ้านกำหนดชีวิตคุณไปอีกกี่ปี (ไม่ได้บอกว่าให้อกตัญญูนะ 555 แต่บ้างบ้านก็นะ ลูกโต 30 กว่าแล้วยังวางแผนให้ลูกเดินตามสารพัด)
สำหรับผู้ใหญ่บางคน ผมไม่ได้คิดว่า เขาไม่ชอบความเสี่ยงหรือกลัวเงินหายอะไรหรอกครับ
เขาแค่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ยาก มันเป็นธรรมชาติของคนอายุเยอะๆ อยู่แล้ว ประสบการณ์ทั้งชีวิตของเขา เขาทำอะไรสำเร็จมา
เขาจะยึดแนวทางนั้นตลอดไป
ครอบครัวคนจีนรวยเพราะค้าขาย ลูกจบมาไปทำงานประจำบริษัท ก็จะถูกต่อต้าน
ครอบครัวข้าราชการ ลูกจบมาจะค้าขาย ก็จะถูกต่อต้าน
ครอบครัวนักธุรกิจ ลูกจะไปเป็นข้าราชการ ก็จะถูกต่อต้าน
เป็นต้น
เรื่องการเงิน ประเทศเราให้ความรู้เรื่องการลงทุนน้อยมากครับ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะมีความรู้เพียงแค่พื้นฐาน เช่น ฝากประจำ, สลากออมสิน, ทองคำ
พอพูดถึงหุ้น เป็นเรื่องใหม่ในชีวิตเขา แถมเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ของมีค่า เขาเลยรู้สึกว่า ไม่มั่นคง
เห็นไหมล่ะครับว่า ทำไมเขาถึงซื้อทองคำได้อย่างสนิทใจ ทั้งๆ ที่ทางหลักการลงทุน ทองคำ ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นซะอีก
(ทองเสี่ยงระดับ 8, หุ้นเสี่ยงระดับ 6)
เพราะเขาเคยชินกับทองคำไงครับ
ผมเชื่อด้วยซ้ำนะว่า ถ้าวันนี้คุณลองเอาเงินไปซื้อทองคำ เขาจะอนุญาตและยินดี !!! ทั้งๆ ที่รู้หรือเปล่าว่าราคาทองคำช่วงปีนี้ side way (ผันผวนมาก ซื้อต้นปี ปลายปีอาจจะไม่ได้อะไรเลย)
ลองทอยลงทุนด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ครับ เพื่อให้ทางบ้านไม่กังวลมาก
และตัวคุณเองได้ค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วย เพราะคุณเองก็น่าจะยังเป็นมือใหม่มาก ยังไงก็ทยอยๆ ดีกว่าครับ
ปล. 1 ไม่ต้องกลัวตกรถครับ ลองศึกษาวิธีลงทุนแบบ DCA (หาในกูเกิ้ลเองนะ) ทยอยลงทุนไปทั้งปี ปลอดภัย ไม่มีคำว่าตกรถ และติดดอย
ปล. 2 สลากออมสินที่ว่าดีนักหนา ลองคำนวนดอกเบี้ยที่จะได้ดูครับ ทั้ง 3 ปี หรือ 5 ปีที่ต้องเก็บไว้
จะพบว่าดอกเบี้ยแพ้อัตราเงินเฟ้อประเทศเรานะครับ พูดง่ายๆ ว่าสลากออมสิน เก็บไว้เฉยๆ มูลค่าลดครับ ต้องอาศัยดวงไปวันๆ หากต้องการถูกรางวัลให้ชนะอัตราเงินเฟ้อ
ที่จะบอกคือ สลากออมสิน (ไม่นับเรื่องถูกรางวัลนะครับ) เป็นความเชื่อความเคยชินของผู้ใหญ่อีกอย่างหนึ่งแหล่ะ ที่ว่าเก็บแล้วดี ปลอดภัย อะไรก็สู้ไม่ได้ หารู้ไม่ว่ามูลค่ามันลดลงทุกปีๆ ดอกเบี้ยก็แพ้เงินฝาก แพ้เงินเฟ้อ
ผู้ใหญ่ค้าบ เปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ บ้างนะค้าบบ (ฝากบอกที่บ้านผมด้วย ฮ่าๆๆ)

แสดงความคิดเห็น
อยากเริ่มต้นการเป็นนักลงทุนกับ KFSDIV แต่ทางบ้านไม่สนับสนุน จะทำอย่างไรดี
แต่เนื่องจากว่าเงินที่จะนำมาลงทุนนั้น เป็นเงินตกเบิกราชการ จากส่วนเพิ่มเงินเดือนที่ปรับขึ้น แต่ออกไม่ทันเดือนนี้ ก็เลยจะนำเ้งินที่ครอบครัว
มอบให้เป็นทุนตั้งต้น ซึ่งอยู่ในสลากออมสินประมาณ 120,000 บาท ตั้งใจว่าจะเอาออกมาเพียง 20,000 บาท มาเริ่มต้น แต่เงินที่เหลือจะเก็บไว้เป็นทุึนการศึกษาปริญญาโท ที่ยังต้องเรียนอยู่อีก 1 ปี กับเป็นเงินสำรองฉุกเฉินยามจำเป็น
เมื่อปรึกษากับทางบ้าน ปรากฏว่าทางบ้านไม่ยอมให้เราเองเงินตัวนี้ไปลงทุนในกองทุนหุ้นปันผล บอกว่ากลัวเงินต้นหายบ้างล่ะ กลัวมีปัญหาสารพัดอย่าง ทั้งๆที่เราก็พยายามอธิบายและเอกสารหลักฐานมาให้ดู ก็ยังบอกว่าเสี่ยง เพราะมีประสบการณ์จากคนจใกล้ตัวที่ถูกธนาคารชี้ชวนให้ลงทุนในหุ้น แต่สูญเงินเป็นจำนวนมหาศาล ที่บ้านยังจะให้เราลงทุนแบบเก่าๆที่ครอบครัวเคยทำมา เช่นซื้อทองแท่ง ฝากประจำดอกเบี้ยสูง ปล่อยเงินกู้ ฯลฯ ซึ่งเราก็รับฟังนะ แต่ไม่อยากพูดอะไรไปมาก เพราะอย่างไรท่านก็ไม่ยอมท่าเดียว ทั้งที่เงินที่ถืออยู่เป็นชื่อของเราแท้ๆ
ตอนนี้ก็ยังมึน นึกหนทางไม่ออกว่า จะทำอย่างไรให้ทางบ้านเข้าใจ และยอมให้เราลงทุนในลักษณะนี้ได้ หรือว่ายอมที่จะไม่ซื้อในวันแรกที่เปิดขายกองทุน KFSDIV หลังปันผล แต่ซื้อเมื่อมีเงินเป็นของเราเอง จากส่วนต่างเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงในช่วงปลายเดือน ก็เลยขอคำแนะนำจากเพื่อนๆชาวสินธรว่า จะมีทางเลือกแก้ปัญหาแบบนี้อย่างไรดี ขอบคุณมากๆครับ
ป.ล. 1.ที่ต้องปรึกษาครอบครัว เพราะไม่อยากมีปัญหาว่าเงินหายไป แล้วที่บ้านมาเจอตอนหลัง เพราะอธิบายให้ฟังยากมากๆ
เดี๋ยวจะหาว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย อีกอย่างท่านไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการลงทุนสมัยใหม่ และยังยึดติดกับการลงทุนแบบเดิมๆที่ไม่เสี่ยง
2. ทั้งหมดที่บอกคือ กลัวตกรถ ไม่ทัน KFSDIV ราคาหลังปันผล ที่ NAV. ลดลง มองเห็นว่าจะได้จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นครับ