การเปลี่ยนแปลง ในอเมริกา สำหรับ ผู้หลบหนีเข้าเมือง

http://www.siamtownus.com/New-1301000273-1.aspx




ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า ขณะกล่าวสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ที่ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2013



เมื่อวันอังคารที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า ได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการประกาศชัดเจนว่าจะต้องมี “หนทาง” ในการเปลี่ยนสถานภาพเป็นพลเมืองอเมริกันของบรรดาโรบินฮูด ที่ประเมินว่ามีมากถึง 11 ล้านคนในอเมริกา เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถออกจาก “เงามืด” มาเป็นเป็นพลเมือง “เต็มขั้น” ของประเทศอันยิ่งใหญ่แห่งนี้...


          ถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์จริงๆ เพราะไม่เคยมีผู้นำคนไหนในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของอเมริกาที่กล้าประกาศแบบนี้ และแม้ว่าที่ผ่านมาสี่ปี ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า จะมี “ท่าที” เช่นนั้น แต่เขาก็ไม่เคยประกาศชัดเจนโจ่งแจ้งชนิดไม่เกรงใจอเมริกันอนุรักษ์นิยมแบบนี้มาก่อน

          แน่นอนว่าการปราศรัย ณ โรงเรียนมัธยมเดลโซล ในลาสเวกัส ของเขาครั้งนี้ ย่อมสร้างความฮือฮาให้กับเหล่า “อิมมิแกรนท์” ทุกชาติทุกภาษา รวมไปถึงนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในอเมริกา ที่พากัน “ตบมือ” เกรียวกราวตอบรับท่าทีอันชัดเจนของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้

          สำหรับเราแล้ว สาระทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในคำสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า นั้น มีความหมายมากกว่าทางสว่างของพี่น้องคนไทยจำนวนมาก ที่ยังต้องอยู่ในอเมริกาแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเป็นการประกาศการ “ยอมรับ” อย่างชัดเจนถึงความสำคัญในทุกๆ ด้านของบรรดาผู้อพยพทุกสถานภาพ ที่ปักหลักอาศัยอยู่ในอเมริกา เป็นการประกาศท่าทีของรัฐบาลอย่างชัดเจน (อย่างน้อยก็ในสมัยของท่าน) ว่าวิธีการแก้ปัญหาโรบินฮูดในอเมริกาจะต้องเป็นไปอย่างละมุนละม่อม คำนึกถึงหลักความเป็นจริง (และหลักเมตตาธรรม) มากกว่าจะปิดหูปิดตา จ้องจะเนรเทศออกนอกประเทศแต่เพียงอย่างเดียว...

          ท่านเริ่มต้นโดยอ้างถึงสุนทรพจน์ที่กล่าวหลังเสร็จพิธีสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ซึ่งมีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นว่าการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศนั้น ไม่จำเป็นที่ทั้งสองพรรคจะต้องเห็นพ้องกันทุกเรื่อง แต่มันคือการ “หาจุดร่วม” ที่ทั้งสองฝ่ายสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันได้ และว่า “จุดร่วม” ในประเด็นการแก้ไขปัญหาของผู้อพยพนั้นกำลังใกล้เข้ามา เพราะ

           “ความเห็นร่วมกันของเสียงส่วนใหญ่กำลังปรากฏ และเป็นช่วงที่เสียงเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติกำลังดังให้ได้ยินมาจากทั่วประเทศอเมริกา” โอบาม่า ประกาศ และบอกว่าวิธีการแก้ไขปัญหานั้นไม่ยากเลย เพียงใช้สามัญสำนึก (common-sense) ก็จะทราบว่า ถึงเวลาที่อเมริกาจะต้อง “ปฏิรูประบบอิมมิเกรชั่นแบบเบ็ดเสร็จ” (comprehensive immigration reform) เสียที

           “ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาแล้ว”

          ประธานาธิบดีโอบาม่าย้ำคำนี้ถึงสี่หน ท่ามกลางเสียงตบมือและโห่ร้องอย่างกึกก้องของผู้ฟัง ที่โอบาม่าพูดถึงตั้งแต่เริ่มปราศรัยว่ามีทั้งนักการเมืองระดับรัฐมนตรี เช่น เจเน็ต นาโปลิทาโน่ (รมต.กระทรวงโฮมแลนด์) เคน ซาลาซาร์ (รมต.กระทรวงมหาดไทย), ฮิลด้า โซลิส (อดีต รมต.แรงงาน) สมาชิกสภาคองเกรสของรัฐเนวาด้า, นายกเทศมนตรีเมืองลาส เวกัส และนายกเทศมนตรีของอีกหลายเมือง ทั้งในเนวาด้า, อริโซน่า, จอร์เจีย และแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึงผู้นำแรงงาน ผู้นำธุรกิจ นักเรียนและประชาชนทั่วไปอีกเป็นจำนวนมาก

           “ผมมาที่นี่เพราะว่า -- คนอเมริกันเกือบทั้งหมดเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาแล้ว ในการแก้ไขระบบที่เสียหายมานานจนเกินไป ผมมานี่เพราะผู้นำธุรกิจ, ผู้นำศาสนา, ผู้นำแรงงาน, ผู้รักษากฎหมาย และผู้นำจากทั้งสองพรรค ได้ร่วมกันบอกว่า ถึงเวลาแล้วในการหาทางที่ดีกว่าในการต้อนรับผู้อพยพที่แสวงหา ที่มีความหวังเต็มเปี่ยม และยังเห็นว่าอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องจัดการเรื่องนี้ เพื่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ความแข็งแกร่งของอนาคต... ลองคิดดูนะครับ เรานิยามตัวเองว่าเป็นชาติแห่งผู้อพยพ (a nation of immigrants) นั่นคือตัวเรา ในกระดูกของเรา ความแข็งแกร่งที่สุดของเรา คือความมุ่งมั่น ที่เราเห็นได้ในตัวคนที่จากทุกมุมโลก ที่ทำให้กองทัพแรงงานของเราหนุ่มแน่น และทำให้ประเทศเราตื่นตัวเตรียมพร้อม และช่วยกันสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก”

          ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า กล่าวถึงความสำคัญของผู้อพยพต่อประเทศอเมริกา โดยยกตัวอย่างของ กูเกิล และ ยาฮู อันเป็นอุตสาหกรรมไฮเทค ที่ผู้อพยพมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมา

           “พวกเขาได้สร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา และก็ได้สร้างงานใหม่ๆ และโอกาสในการเจริญก้าวหน้าให้กับประชาชนของเรา หลายๆ ปีที่เพิ่งผ่านมา หนึ่งในสี่ของธุรกิจไฮเทคที่เริ่มต้นในอเมริกา สร้างขึ้นโดยผู้อพยพ หนึ่งในสี่ของธุรกิจขนาดเล็กมีเจ้าของเป็นผู้อพยพ รวมถึงที่เนวาด้าแห่งนี้ด้วย ผู้คนอพยพมาที่นี่เพื่อแสวงหาโอกาส และตอนนี้ พวกเขาต้องการแบ่งปันโอกาสนี้กับคนอเมริกันอื่นๆ ด้วย”

          พูดถึงความสำคัญของชาวต่างชาติในอเมริกามาพอหอมปากหอมคอ ประธานาธิบดีโอบาม่าก็เข้าเรื่องทันที

           “แต่เราทั้งหมดทราบดีว่า วันนี้เรามีระบบอิมมิเกรชั่นที่ล้าสมัย และเสียหายรุนแรง ระบบที่รั้งเราเอาไว้ แทนที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของเราเติบโต สร้างความแข็งแกร่งให้กับคนชั้นกลาง”

          โอบาม่าบอกว่า ในเวลานี้อเมริกามีผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารแสดงตัว 11 ล้านคน และชายหญิงทั้ง 11 ล้านคนเหล่านี้ กำลังใช้ชีวิตอยู่ในเงามืด

           “ใช่ พวกเขาทำผิดกฎ เขาข้ามชายแดนมาแบบผิดกฎหมาย บางทีอาจจะอยู่เกินวีซ่า นั่นคือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธ แต่ชายหญิง 11 ล้านคนเหล่านี้อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาจำนวนมากอยู่มานานแล้ว และส่วนมากไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหา เขาคือสมาชิกที่ตอบแทนให้กับสังคม พวกเขาดูแลครอบครัวของเขา ดูแลชุมชน และประสานจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว...

           “ทุกวัน เช่นเดียวกับพวกเราทุกคน เขาจะต้องออกไปทำงานเลี้ยงชีพ บ่อยครั้งที่ต้องทำอยู่ในเศรษฐกิจในเงามืด ที่ซึ่งนายจ้างให้ค่าตอบแทนน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หรือทำให้เขาทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้ค่าแรงเพิ่ม และเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่เลวร้ายกับพวกเขาเท่านั้น มันเลวร้ายกับระบบเศรษฐกิจทั้งหมด เพราะธุรกิจที่จ้างคนงานอย่างถูกต้อง จ่ายค่าแรงที่พอเหมาะ ปฏิบัติตามกฎ จะเป็นผู้ที่เดือดร้อน เพราะต้องแข่งกับธุรกิจที่ทำผิดกฎ และค่าแรงกับสภาพการทำงานของแรงงานชาวอเมริกัน ก็ถูกคุกคามไปด้วย...

           “ดังนั้น หากเราจะเอาจริงในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับชนชั้นกลาง และสร้างบันไดแห่งโอกาสให้มากขึ้นสำหรับคนที่พร้อมจะทำงานหนักเพื่อให้อยู่ได้ในสังคมชั้นกลาง เราจำเป็นจะต้องซ่อมแซมระบบ เราจะต้องให้แน่ใจว่าทุกธุรกิจ และแรงงานทุกคนในอเมริกาต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกัน เราจำเป็นต้องนำเอาเศรษฐกิจในเงามืดออกมาสู่แสงสว่าง เพื่อทุกคนจะได้แสดงความรับผิดชอบ ธุรกิจ ในเรื่องการจ้างคนงาน และผู้อพยพ ในการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นสามัญสำนึก ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องการการปฏิรูประบบอิมมิเกรชั่นแบบเบ็ดเสร็จ”

          นอกจากโรบินฮูดในอเมริกาแล้ว ประธานาธิบดีโอบาม่ายังบอกว่าระบบอิมมิเกรชั่นที่ล้าสมัย ในเวลานี้ ยังเป็นอุปสรรคกับผู้อพยพที่พยายามจะเข้าประเทศ หรือขออยู่ในประเทศอย่างถูกต้องตามขั้นตอนด้วย ซึ่งเขามองว่ามีผลคุกคามทางเศรษฐกิจของอเมริกาเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่