จากมติชนออนไลน์
เป็นข้อความ (ยาวๆ) ที่น่ารักไม่น้อย เมื่อนักคิดนักเขียนแห่งยุคสมัย "จิก ประภาส ชลศรานนท์" ได้ลงมือเขียนถึงนักร้อง-นักแต่งเพลงมือดี "แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข" ลงในเฟสบุ้ค แฟนเพจของตนเอง ว่าตัวเขามองเห็นอนาคตของเด็กหนุ่มคนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาธวันนั้น ว่าจะต้องเป็นคนมีชื่อเสียงในวันนี้ ..
ผมเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ครั้งแรกที่สนามกอลฟ์ เพราะได้ไปร่วมงานหาเงินสมทบทุนสมาคมนิสิตเก่าสถาปัตย์ จุฬาฯ
ตอนนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ยังเรียนอยู่ประมาณปีสองหรือปีสามนี่แหละ
เขามากับรุ่นพี่คนหนึ่งเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องเพลงประสานเสียงกันอยู่ตามซุ้มขายน้ำ
...สองคนเล่นเพลงดังๆในยุคนั้น ร้องไปทักพี่ๆไปเพื่อสร้างบรรยากาศ
รุ่นพี่คนไหนอยากทิปสมทบทุนเพิ่มก็โยนเหรียญหรือแบงค์ให้
ผมจำได้ว่าผมถามชื่อรุ่นน้องสองคนนี้เพราะเห็นประสานเสียงกันกลมดี
คนหนึ่งชื่อเม้ง อีกคนหนึ่งชื่อ แสตมป์

แล้วผมก็เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ตามงานต่างๆของคณะ ผมว่าผมชอบเด็กหนุ่มคนนี้นะ
รวมไปถึงเพิ่งมารู้ว่าเขาเป็นอดีตหนึ่งในสมาชิกวงเซเว่นซีน เล่นเพลงร็อคแนวๆ ไม่ถึงกับหนักมาก แต่น่าสนใจ
วงเซเว่นซีนเคยมานั่งคุยกับผม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันทีหนึ่งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง
ชัท หนึ่งในสมาชิกเซเว่นซีนเป็นคนแต่งเพลงเอก"ดั่งนิยาย" ให้กับละครเวทีชายกลาง
เพลงในฉากที่คนดูอาจร้องไห้อย่างไม่รู้ตัว
...
เมื่อตอนคณะสถาปัตย์ครบรอบ72ปี สมาคมฯได้จัดการแสดงหาทุนชื่อครบเด็กสร้างบ้าน
งานนั้นเป็นการรวบรวมศิษย์เก่ากันอย่างคึกคัก ซูโม่มาครบ ลูกทุ่งสถาปัตย์ก็มา เฉลียงก็มา
ผมแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกของการกลับมาคณะ
ครั้งแรกผมตามแสตมป์ให้มาอัดเสียงเพื่อลงในซีดีที่จะขายและเป็นไกด์ให้พี่ๆ ได้ร้องในฉากฟินาเล่
แสตมป์ออกตัวว่ายังไม่กล้าร้องเพราะตัวเขาเองยังเรียนไม่จบ
คนที่ร้องเพลงนี้ควรเป็นศิษย์เก่า เพราะเนื้อเพลงมันพูดถึงการกลับมาสถาบันที่เรารัก
ผมยังแซวว่าสงสัยกลัวเป็นเคล็ดที่ทำให้เรียนไม่จบ
ในครั้งนั้นเลยได้น้องโถ รุ่นน้องที่คุ้นเคยกันมาบันทึกเสียงให้
...
แต่ถึงแสตมป์จะไม่ร้องเพลงนี้ ผมก็ยังหาเรื่องอยากได้เสียงแสตมป์มาอัดเสียง
เลยชวนเขามาอัดเสียงประสานให้เสียงพี่เกี๊ยงในเพลงจามจุรีศรีจุฬา
วันอัดเสียงผมยังจำได้ว่า อัดกันที่ห้องอัดที่เมืองทอง
เสร็จตอนค่ำๆ แสตมป์ยังติดรถผมออกมาลงที่ถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่
ไม่รู้สิ ตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ หลังจากรถผมเลยมาแล้วผมได้มองกลับไป
ผมว่าผมเห็นศิลปินคนสำคัญในอนาคตยืนอยู่ริมฟุตบาธนะ
...
แต่หลังจากที่แสตมป์เรียนจบแล้ว
ก็ให้สบโอกาสตามแสตมป์มาบันทึกเสียงเพลง"มีบางสิ่งบางอย่างนำทางให้เรากลับมา"อีกทีตามที่ผมตั้งใจไว้
เพลงนี้อยู่ในชุดเปลี่ยนฉาก ถึงตอนนั้นแสตมป์เริ่มมีเพลงของตัวเองที่เป็นที่รู้จักกันบ้างแล้วหลายเพลง
ผมชอบเพลงของเขา
...
แล้ววันที่ผมได้ร่วมงานกับแสตมป์อย่างเต็มฝีมือของเขาก็คือ วันที่ผมทำ"ยักษ์"
ผมบอกกับทีมงานเลยว่าอยากได้เด็กหนุ่มคนนี้มาแต่งเพลงเอกให้
หลายคนในทีมรวมทั้งแสตมป์ถามผมว่าทำไมพี่จิกไม่แต่งเอง
ผมตอบไปสนุกๆว่า ไม่อยากทำเองทั้งหมดเดี๋ยวเครดิตขึ้นชื่อเยอะไป
แต่เหตุผลจริงๆและลึกๆแล้ว ผมอยากได้ลายมือของเด็กคนนี้ในหนังเรื่องนี้ ผมชอบลายมือเขา
แล้วผมก็ได้เพลงเกิดมาเป็นเพื่อนเธอประกอบหนังเรื่องนี้อย่างสมใจ
แถมในหนังแสตมป์ยังมาช่วยร้องเพลงประกอบที่ผมแต่งอีกเกือบทั้งเรื่อง
...
แสตมป์เป็นเด็กน่ารัก มีน้ำใจ มองโลกงดงาม และเสมอต้นเสมอปลาย
มุมมองเขาในเพลงน่าทึ่ง ใครเห็นเขาได้คุยกับเขาจะรักเขา
ยิ่งมาเป็นโค้ชในเดอะว๊อยซ์ยิ่งมีแต่คนรัก และมีชื่อเสียงออกไปในวงกว้างกว่าเดิม
ในความเห็นผม ในยุคนี้นักร้องที่เป็นนักแต่งเพลงเองคงหาใครเทียบเขายาก
...
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเห็นว่านักร้องนักแต่งเพลงดังแห่งยุคนี้คนนี้กับเด็กหนุ่มที่ยืนรอแท๊กซี่อยู่ริมถนน เป็นคนๆเดียวกัน
มาอ่านความเห็นของ "ประภาส" ถึง "แสตมป์" เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ริมฟุตบาธ
เป็นข้อความ (ยาวๆ) ที่น่ารักไม่น้อย เมื่อนักคิดนักเขียนแห่งยุคสมัย "จิก ประภาส ชลศรานนท์" ได้ลงมือเขียนถึงนักร้อง-นักแต่งเพลงมือดี "แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข" ลงในเฟสบุ้ค แฟนเพจของตนเอง ว่าตัวเขามองเห็นอนาคตของเด็กหนุ่มคนที่ยืนอยู่ริมฟุตบาธวันนั้น ว่าจะต้องเป็นคนมีชื่อเสียงในวันนี้ ..
ผมเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ครั้งแรกที่สนามกอลฟ์ เพราะได้ไปร่วมงานหาเงินสมทบทุนสมาคมนิสิตเก่าสถาปัตย์ จุฬาฯ
ตอนนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ยังเรียนอยู่ประมาณปีสองหรือปีสามนี่แหละ
เขามากับรุ่นพี่คนหนึ่งเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องเพลงประสานเสียงกันอยู่ตามซุ้มขายน้ำ
...สองคนเล่นเพลงดังๆในยุคนั้น ร้องไปทักพี่ๆไปเพื่อสร้างบรรยากาศ
รุ่นพี่คนไหนอยากทิปสมทบทุนเพิ่มก็โยนเหรียญหรือแบงค์ให้
ผมจำได้ว่าผมถามชื่อรุ่นน้องสองคนนี้เพราะเห็นประสานเสียงกันกลมดี
คนหนึ่งชื่อเม้ง อีกคนหนึ่งชื่อ แสตมป์
แล้วผมก็เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ตามงานต่างๆของคณะ ผมว่าผมชอบเด็กหนุ่มคนนี้นะ
รวมไปถึงเพิ่งมารู้ว่าเขาเป็นอดีตหนึ่งในสมาชิกวงเซเว่นซีน เล่นเพลงร็อคแนวๆ ไม่ถึงกับหนักมาก แต่น่าสนใจ
วงเซเว่นซีนเคยมานั่งคุยกับผม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันทีหนึ่งในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง
ชัท หนึ่งในสมาชิกเซเว่นซีนเป็นคนแต่งเพลงเอก"ดั่งนิยาย" ให้กับละครเวทีชายกลาง
เพลงในฉากที่คนดูอาจร้องไห้อย่างไม่รู้ตัว
...
เมื่อตอนคณะสถาปัตย์ครบรอบ72ปี สมาคมฯได้จัดการแสดงหาทุนชื่อครบเด็กสร้างบ้าน
งานนั้นเป็นการรวบรวมศิษย์เก่ากันอย่างคึกคัก ซูโม่มาครบ ลูกทุ่งสถาปัตย์ก็มา เฉลียงก็มา
ผมแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกของการกลับมาคณะ
ครั้งแรกผมตามแสตมป์ให้มาอัดเสียงเพื่อลงในซีดีที่จะขายและเป็นไกด์ให้พี่ๆ ได้ร้องในฉากฟินาเล่
แสตมป์ออกตัวว่ายังไม่กล้าร้องเพราะตัวเขาเองยังเรียนไม่จบ
คนที่ร้องเพลงนี้ควรเป็นศิษย์เก่า เพราะเนื้อเพลงมันพูดถึงการกลับมาสถาบันที่เรารัก
ผมยังแซวว่าสงสัยกลัวเป็นเคล็ดที่ทำให้เรียนไม่จบ
ในครั้งนั้นเลยได้น้องโถ รุ่นน้องที่คุ้นเคยกันมาบันทึกเสียงให้
...
แต่ถึงแสตมป์จะไม่ร้องเพลงนี้ ผมก็ยังหาเรื่องอยากได้เสียงแสตมป์มาอัดเสียง
เลยชวนเขามาอัดเสียงประสานให้เสียงพี่เกี๊ยงในเพลงจามจุรีศรีจุฬา
วันอัดเสียงผมยังจำได้ว่า อัดกันที่ห้องอัดที่เมืองทอง
เสร็จตอนค่ำๆ แสตมป์ยังติดรถผมออกมาลงที่ถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่
ไม่รู้สิ ตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ หลังจากรถผมเลยมาแล้วผมได้มองกลับไป
ผมว่าผมเห็นศิลปินคนสำคัญในอนาคตยืนอยู่ริมฟุตบาธนะ
...
แต่หลังจากที่แสตมป์เรียนจบแล้ว
ก็ให้สบโอกาสตามแสตมป์มาบันทึกเสียงเพลง"มีบางสิ่งบางอย่างนำทางให้เรากลับมา"อีกทีตามที่ผมตั้งใจไว้
เพลงนี้อยู่ในชุดเปลี่ยนฉาก ถึงตอนนั้นแสตมป์เริ่มมีเพลงของตัวเองที่เป็นที่รู้จักกันบ้างแล้วหลายเพลง
ผมชอบเพลงของเขา
...
แล้ววันที่ผมได้ร่วมงานกับแสตมป์อย่างเต็มฝีมือของเขาก็คือ วันที่ผมทำ"ยักษ์"
ผมบอกกับทีมงานเลยว่าอยากได้เด็กหนุ่มคนนี้มาแต่งเพลงเอกให้
หลายคนในทีมรวมทั้งแสตมป์ถามผมว่าทำไมพี่จิกไม่แต่งเอง
ผมตอบไปสนุกๆว่า ไม่อยากทำเองทั้งหมดเดี๋ยวเครดิตขึ้นชื่อเยอะไป
แต่เหตุผลจริงๆและลึกๆแล้ว ผมอยากได้ลายมือของเด็กคนนี้ในหนังเรื่องนี้ ผมชอบลายมือเขา
แล้วผมก็ได้เพลงเกิดมาเป็นเพื่อนเธอประกอบหนังเรื่องนี้อย่างสมใจ
แถมในหนังแสตมป์ยังมาช่วยร้องเพลงประกอบที่ผมแต่งอีกเกือบทั้งเรื่อง
...
แสตมป์เป็นเด็กน่ารัก มีน้ำใจ มองโลกงดงาม และเสมอต้นเสมอปลาย
มุมมองเขาในเพลงน่าทึ่ง ใครเห็นเขาได้คุยกับเขาจะรักเขา
ยิ่งมาเป็นโค้ชในเดอะว๊อยซ์ยิ่งมีแต่คนรัก และมีชื่อเสียงออกไปในวงกว้างกว่าเดิม
ในความเห็นผม ในยุคนี้นักร้องที่เป็นนักแต่งเพลงเองคงหาใครเทียบเขายาก
...
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเห็นว่านักร้องนักแต่งเพลงดังแห่งยุคนี้คนนี้กับเด็กหนุ่มที่ยืนรอแท๊กซี่อยู่ริมถนน เป็นคนๆเดียวกัน