เห็นคำตอบของ "มาริโอ้ เมาเร่อ" เรื่อง "ลดความสัมพันธ์" กับ "กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย" โดยว่า "จะใช้คำว่าเลิกได้ไหม...เอาเป็นว่าไม่ได้ใช้คำว่าแฟน อาจจะเปลี่ยนเป็นเพื่อนแทน"
บวกกับที่สาวกุ๊บกิ๊บว่า ยังไม่ได้เลิก แค่ต่างคนต่างเบรก เพราะอยู่ในช่วงงานเยอะ
แล้วหลายคนคงงง ว่าตกลงคู่นี้จะยังไง
แต่สำหรับคนในแวดวงแล้ว คำตอบงงๆ นี่ละถือเป็นเรื่องปกติ ที่เข้าตำราของดาราส่วนใหญ่ที่ออกอาการปากแข็งยามคบ ตอนจบคลุมเครือ
และถ้าอยากรู้ว่า การตอบตรง ชัดเจน ในเรื่องนี้ยากตรงไหนเนี่ย?
คำตอบ
"คือถ้าบอกว่าเป็นเเฟน แล้วเขาไปเดินกับคนอื่น และมีคนเห็นก็อาจเป็นเรื่องได้ โดยที่จริงๆ ไม่มีอะไรเลย" "กิ๊ฟซ่า-ปิยา พงศ์กุลภา" เผยถึงเหตุผลที่ยังไม่ยอมเรียก "แฟน" กับ "ณัฐ สารสาส"
เพราะการคบหากันของดารา ยิ่งอีกฝ่ายมีชื่ออยู่ในแวดวงไฮโซ ขยับตัวแต่ละครั้งเป็นต้องมีข่าว-เธอว่า
แม้การขยันชวนกันไปโชว์ความหวานอยู่บ่อยๆ จะฟ้องว่าความเป็นจริงคืออะไร ในความเห็นเรา แต่ในความเห็นของคนดังนั้น พวกเขาคิดว่าการเห็นเอง คิดเอง อย่างไรก็ดีกว่าออกมาประกาศตัวยอมรับ
ที่สำคัญไม่อยากให้คำว่า "คนรัก" ผูกมัดกันไว้
เพราะส่วนใหญ่พอกลายเป็นคนรัก มักทำให้ผู้หญิงคิดเยอะ
"กลัวต้องมานั่งคิดคนนี้เเฟนฉัน หรือต่อไปคนนี้จะไม่ใช่เเฟนฉัน ต้องมานั่งเศร้าอีก"
ตอนนี้ถึงไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน แต่เธอก็ "มีความสุขแล้ว"
ฟากหล่อขั้นเทพ "โดม-ปกรณ์ ลัม" คิดอีกอย่าง คือไม่ว่าคบใครเป็นต้องเปิดเผยชัดเจน อาจเพราะในฐานะผู้ชายเขาจึงคิดถึง"เรื่องให้เกียรติฝ่ายหญิงเป็นหลัก"
ส่วนเรื่องที่ว่ากระแสจะตกเหตุนี้ไหม เขาไม่สน ด้วยเชื่อมั่นในแฟนคลับว่ารับได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีอดสารภาพไม่ได้ว่าแรกๆ ก็มีหวั่น หากเมื่อยังไงความจริงๆ ก็คือความจริง จึงไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดเรื่องซึ่งไม่เสียหาย แถมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีกต่างหาก
แต่กับคนอื่นๆ ที่ตอบเลี่ยง ไม่ชี้ชัด โดมว่าเขาอาจมีเหตุผล
"บางคนอาจจะถูกผู้จัดการส่วนตัว หรือผู้ใหญ่ แนะมาไม่ให้เปิด เพราะยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน"
"และการตอบแบบกลางๆ จะทำให้เซฟตัวเองได้ระดับหนึ่ง"
เราจึงได้ยินคำตอบประเภท "เป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง" "เป็นพี่ที่สนิท" อยู่บ่อยๆ เพื่อถ้าวันหนึ่งต้องเลิกรากันจะได้ไม่มีใครเสียหาย
ก็แหม, ไม่ได้ประกาศตัวว่าคบกันมาแต่แรกนี่นา
ขณะที่สาวชัดเจนอย่าง "เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา" มองว่าโดยมากที่ยังคลุมเครือน่าจะมาจากความไม่มั่นใจ
"ของเบนซ์กับมิค (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) ก็เคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน เพราะมันต้องใช้เวลาในการศึกษากันให้แน่ใจ"
ก็ขนาดคนทั่วไปเวลาจะเรียกใครว่า "แฟน" ยังต้องคิด ต้องตัดสินใจให้ดี เมื่อเป็นอย่างนี้คนในวงการบันเทิงที่ชื่อเสียงและภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดจึงยิ่งต้องระวัง
เช่นเดียวกับตอนเลิกกัน ที่หลายคนจะมาในแนว "ลดความสัมพันธ์" หรือ "อยู่ระหว่างถอยกันคนละก้าวเพื่อให้เวลาตัดสินใจ"
"เบนซ์ไม่ได้มองว่าเป็นการโกหก หรือเป็นการเลี่ยง แต่มันเป็นคำกลางๆ ที่บอกว่าโอเค ฉันยังเป็นเพื่อนกับเธอได้อยู่ หรือบางทีก็ลดความสัมพันธ์เราลงมาก่อน พรุ่งนี้มาดูใหม่ ไม่แน่เราอาจกลับมารักกันเหมือนเดิมก็ได้"
แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่าง "ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย" มองเห็นว่าการออกมาประกาศว่ามีแฟน อันแสดงว่ามีเจ้าของแล้ว เป็นการทำให้กระแสตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่งั้นเรื่องนี้จะเป็นเรื่องต้องห้ามมาตั้งแต่สมัย 20-30 ปีก่อนหรือ
"สมัยก่อนซีเรียสกว่านี้มาก ดารายุคสมบัติ เมทะนี, มิตร ชัยบัญชา นี่ปิดไปเลย โดยเฉพาะผู้ชาย อย่าให้รู้เลยว่ามีเเฟน มีภรรยา"
เพราะสาวๆ จะไม่อินกับบทบาทที่พวกเขาได้รับทันที และจะค่อยๆ ถอนตัวจากการเป็นเเฟนคลับไปในที่สุด
ซึ่งยุคสมัยใหม่ ที่ใครๆ คิดว่าน่าจะรับได้ แท้จริงแล้วทุกสิ่งก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"แต่ถ้าเงียบไปเลย ไม่พูดอะไร เดี๋ยวก็จะต้องโดนว่า โดนตั้งกระเเสไปอีก พวกเขาเลยออกมาพูด แต่ก็ใช้คำเบลอๆ ให้คนงงเข้าไว้ เป็นการป้องกันตัวเองไปชั้นนึง
"อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ, หมาก-ปริญ สุภารัตน์ ซึ่งยังเป็นวัยรุ่น เป็นซุป′ตาร์ แน่นอนว่าพวกนี้ถ้ามีอย่าเพิ่งเปิดเลย กระแสตกแน่ๆ
"ถ้าเปรียบเป็นสินค้าก็จะต้องทำให้พวกเขามีความดึงดูดทางการตลาดสูง นั่นคือความโสด และความสด"
ดังนั้น หากดารา-คนดัง โดยเฉพาะฝ่ายชาย (ซึ่งแน่นอนว่ามักมีแฟนคลับมากกว่าดาราหญิง เพราะผู้ที่ติดตามและให้ความสนใจดารามักเป็นเพศหญิงมากกว่า) อยากจะเปิดตัวแฟนหรือมีครอบครัวขอแนะนำให้เลือกประกาศตอนอายุ 30 ขึ้น
เพราะเมื่อถึงเวลานั้นฐานแฟนคลับที่เคยตามกรี๊ด และเรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมๆ กันน่าจะถึงวันและวัยที่ทำใจได้
"ตอนนั้นล่ะคงจะฟังเรื่อง "รัก" ของคนดังกันอย่างชัดเจน"
หน้า 24 มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556
เหตุผลสำคัญ ที่"รัก"ก็ไม่ชัด"เลิก"ก็คลุมเครือของดาราไทย!?
บวกกับที่สาวกุ๊บกิ๊บว่า ยังไม่ได้เลิก แค่ต่างคนต่างเบรก เพราะอยู่ในช่วงงานเยอะ
แล้วหลายคนคงงง ว่าตกลงคู่นี้จะยังไง
แต่สำหรับคนในแวดวงแล้ว คำตอบงงๆ นี่ละถือเป็นเรื่องปกติ ที่เข้าตำราของดาราส่วนใหญ่ที่ออกอาการปากแข็งยามคบ ตอนจบคลุมเครือ
และถ้าอยากรู้ว่า การตอบตรง ชัดเจน ในเรื่องนี้ยากตรงไหนเนี่ย?
คำตอบ
"คือถ้าบอกว่าเป็นเเฟน แล้วเขาไปเดินกับคนอื่น และมีคนเห็นก็อาจเป็นเรื่องได้ โดยที่จริงๆ ไม่มีอะไรเลย" "กิ๊ฟซ่า-ปิยา พงศ์กุลภา" เผยถึงเหตุผลที่ยังไม่ยอมเรียก "แฟน" กับ "ณัฐ สารสาส"
เพราะการคบหากันของดารา ยิ่งอีกฝ่ายมีชื่ออยู่ในแวดวงไฮโซ ขยับตัวแต่ละครั้งเป็นต้องมีข่าว-เธอว่า
แม้การขยันชวนกันไปโชว์ความหวานอยู่บ่อยๆ จะฟ้องว่าความเป็นจริงคืออะไร ในความเห็นเรา แต่ในความเห็นของคนดังนั้น พวกเขาคิดว่าการเห็นเอง คิดเอง อย่างไรก็ดีกว่าออกมาประกาศตัวยอมรับ
ที่สำคัญไม่อยากให้คำว่า "คนรัก" ผูกมัดกันไว้
เพราะส่วนใหญ่พอกลายเป็นคนรัก มักทำให้ผู้หญิงคิดเยอะ
"กลัวต้องมานั่งคิดคนนี้เเฟนฉัน หรือต่อไปคนนี้จะไม่ใช่เเฟนฉัน ต้องมานั่งเศร้าอีก"
ตอนนี้ถึงไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน แต่เธอก็ "มีความสุขแล้ว"
ฟากหล่อขั้นเทพ "โดม-ปกรณ์ ลัม" คิดอีกอย่าง คือไม่ว่าคบใครเป็นต้องเปิดเผยชัดเจน อาจเพราะในฐานะผู้ชายเขาจึงคิดถึง"เรื่องให้เกียรติฝ่ายหญิงเป็นหลัก"
ส่วนเรื่องที่ว่ากระแสจะตกเหตุนี้ไหม เขาไม่สน ด้วยเชื่อมั่นในแฟนคลับว่ารับได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีอดสารภาพไม่ได้ว่าแรกๆ ก็มีหวั่น หากเมื่อยังไงความจริงๆ ก็คือความจริง จึงไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดเรื่องซึ่งไม่เสียหาย แถมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีกต่างหาก
แต่กับคนอื่นๆ ที่ตอบเลี่ยง ไม่ชี้ชัด โดมว่าเขาอาจมีเหตุผล
"บางคนอาจจะถูกผู้จัดการส่วนตัว หรือผู้ใหญ่ แนะมาไม่ให้เปิด เพราะยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน"
"และการตอบแบบกลางๆ จะทำให้เซฟตัวเองได้ระดับหนึ่ง"
เราจึงได้ยินคำตอบประเภท "เป็นเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่อง" "เป็นพี่ที่สนิท" อยู่บ่อยๆ เพื่อถ้าวันหนึ่งต้องเลิกรากันจะได้ไม่มีใครเสียหาย
ก็แหม, ไม่ได้ประกาศตัวว่าคบกันมาแต่แรกนี่นา
ขณะที่สาวชัดเจนอย่าง "เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา" มองว่าโดยมากที่ยังคลุมเครือน่าจะมาจากความไม่มั่นใจ
"ของเบนซ์กับมิค (บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ) ก็เคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน เพราะมันต้องใช้เวลาในการศึกษากันให้แน่ใจ"
ก็ขนาดคนทั่วไปเวลาจะเรียกใครว่า "แฟน" ยังต้องคิด ต้องตัดสินใจให้ดี เมื่อเป็นอย่างนี้คนในวงการบันเทิงที่ชื่อเสียงและภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดจึงยิ่งต้องระวัง
เช่นเดียวกับตอนเลิกกัน ที่หลายคนจะมาในแนว "ลดความสัมพันธ์" หรือ "อยู่ระหว่างถอยกันคนละก้าวเพื่อให้เวลาตัดสินใจ"
"เบนซ์ไม่ได้มองว่าเป็นการโกหก หรือเป็นการเลี่ยง แต่มันเป็นคำกลางๆ ที่บอกว่าโอเค ฉันยังเป็นเพื่อนกับเธอได้อยู่ หรือบางทีก็ลดความสัมพันธ์เราลงมาก่อน พรุ่งนี้มาดูใหม่ ไม่แน่เราอาจกลับมารักกันเหมือนเดิมก็ได้"
แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่าง "ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย" มองเห็นว่าการออกมาประกาศว่ามีแฟน อันแสดงว่ามีเจ้าของแล้ว เป็นการทำให้กระแสตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่งั้นเรื่องนี้จะเป็นเรื่องต้องห้ามมาตั้งแต่สมัย 20-30 ปีก่อนหรือ
"สมัยก่อนซีเรียสกว่านี้มาก ดารายุคสมบัติ เมทะนี, มิตร ชัยบัญชา นี่ปิดไปเลย โดยเฉพาะผู้ชาย อย่าให้รู้เลยว่ามีเเฟน มีภรรยา"
เพราะสาวๆ จะไม่อินกับบทบาทที่พวกเขาได้รับทันที และจะค่อยๆ ถอนตัวจากการเป็นเเฟนคลับไปในที่สุด
ซึ่งยุคสมัยใหม่ ที่ใครๆ คิดว่าน่าจะรับได้ แท้จริงแล้วทุกสิ่งก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"แต่ถ้าเงียบไปเลย ไม่พูดอะไร เดี๋ยวก็จะต้องโดนว่า โดนตั้งกระเเสไปอีก พวกเขาเลยออกมาพูด แต่ก็ใช้คำเบลอๆ ให้คนงงเข้าไว้ เป็นการป้องกันตัวเองไปชั้นนึง
"อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ, หมาก-ปริญ สุภารัตน์ ซึ่งยังเป็นวัยรุ่น เป็นซุป′ตาร์ แน่นอนว่าพวกนี้ถ้ามีอย่าเพิ่งเปิดเลย กระแสตกแน่ๆ
"ถ้าเปรียบเป็นสินค้าก็จะต้องทำให้พวกเขามีความดึงดูดทางการตลาดสูง นั่นคือความโสด และความสด"
ดังนั้น หากดารา-คนดัง โดยเฉพาะฝ่ายชาย (ซึ่งแน่นอนว่ามักมีแฟนคลับมากกว่าดาราหญิง เพราะผู้ที่ติดตามและให้ความสนใจดารามักเป็นเพศหญิงมากกว่า) อยากจะเปิดตัวแฟนหรือมีครอบครัวขอแนะนำให้เลือกประกาศตอนอายุ 30 ขึ้น
เพราะเมื่อถึงเวลานั้นฐานแฟนคลับที่เคยตามกรี๊ด และเรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมๆ กันน่าจะถึงวันและวัยที่ทำใจได้
"ตอนนั้นล่ะคงจะฟังเรื่อง "รัก" ของคนดังกันอย่างชัดเจน"
หน้า 24 มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556