สธ.4 ก.พ.- เผย สธ.รับภาระรักษาฟรี แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ยอดตั้งแต่ปี 2553-55 รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายทิศทางการแก้ไขให้ชัดเจน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้ครอบคลุม ทั้งการลดภาระและประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรคติดต่อที่มาจากต่างด้าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถายหลังเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในขนาด 6 ชั้น โรงพยาบาลเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อขยายการบริการผู้ป่วยและให้บริการเชิงรุก เตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ว่า ระบบบริการของ รพ.เชียงคำ มีผู้ป่วยใช้บริการที่แผนกผู้ป่วยนอกประมาณ 1,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยชาวลาว ร้อยละ 3 เฉลี่ยวันละ 6-7 ราย และมีผู้ป่วยลาวที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เฉลี่ยวันละ 1 คน ส่วนใหญ่มารับบริการด้านสูตินรีเวช เช่น ทำคลอด ผ่าตัดมดลูก แต่โรงพยาบาลสามารถเรียกเก็บค่ารักษาได้บางส่วน ที่เรียกเก็บไม่ได้เนื่องจากฐานะยากจน มีมีเงินจ่าย และบางส่วนหลบหนีหลังอาการดีขึ้นทำให้โรงพยาบาลต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาปีละประมาณ 1 ล้านบาท
ขณะนี้ ปัญหาค่ารักษาพยาบาลต่างด้าวของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลใน 57 จังหวัด ตั้งแต่ปี2553-2555ไทยมีค่ารักษาต่างด้าว 3 สัญชาติ คือพม่า ลาว และกัมพูชา รวมทั้งหมด 1,189 ล้านกว่าบาท เป็นการรักษาทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ในปี 2553 รวม 254 ล้านกว่าบาท ปี 2554 รวม 240 ล้านกว่าบาท ส่วนในปี 2555 ยอดรวม 693 ล้านกว่าบาท ขณะเดียวกัน ผลการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวก่อนออกในบอนุญาตทำงานในประเทศไทย ปี 2554 ตรวจทั้งหมด 855,198 คน พบว่ามีโรคที่ต้องติดตามให้การรักษา เช่นวัณโรค มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน รวมทั้งหมด 6,195 คน และพบโรคต้องห้ามไม่ให้ทำงาน 594 คน ในจำนวนนี้พบเป็นผู้เสพสารเสพติดมากที่สุด 358 คน วัณโรคระยะติดต่อ 179 คน โรคซิฟิลิสระยะที่ 3 จำนวน 15 ราย
นพ.ชลน่าน กล่าวต่ออีกว่า การพบโรคติดต่อเหล่านี้ส่งสัญญาณอาจเกิดโรคระบาดในประเทศที่มาจากแรงงานต่างด้าวได้ หากไม่มีระบบป้องกันและควบคุมดีพอ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณได้เร่งแก้ไขและเตรียมการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2556 ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพดูแลต่างด้าวที่ระบบประกันสังคมไม่ได้คุ้มครอง โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการด้านสาธารณสุขในประชากรต่างด้าว เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ กรอบนโยบายดำเนินงานสาธารณสุขสำหรับประชากรต่างด้าว ตามนโยบายรัฐบาล และ 2.คณะทำงานด้านการสาธารณสุขในประชากรต่างด้าว ในการจัดบริการ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในประชากรต่างด้าว เพื่อวางระบบการดูแลครอบคลุมทั้งการดูแลการเจ็บป่วย และการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรค.-สำนักข่าวไทย
ภาพ
http://www.moph.go.th/ops/iprg/userfiles/n20110630144921_898%281%29.jpg
ข่าว
http://www.mcot.net/site/content?id=510f33fb150ba01b6a000404#.UQ9bmVdgjk0
เผยไทยอุ้มภาระค่ารักษาพยาบาลต่างด้าว ยอด 3 ปี รวมกว่า 1,000 ล้านบาท
สธ.4 ก.พ.- เผย สธ.รับภาระรักษาฟรี แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ยอดตั้งแต่ปี 2553-55 รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายทิศทางการแก้ไขให้ชัดเจน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้ครอบคลุม ทั้งการลดภาระและประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรคติดต่อที่มาจากต่างด้าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถายหลังเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในขนาด 6 ชั้น โรงพยาบาลเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อขยายการบริการผู้ป่วยและให้บริการเชิงรุก เตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ว่า ระบบบริการของ รพ.เชียงคำ มีผู้ป่วยใช้บริการที่แผนกผู้ป่วยนอกประมาณ 1,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยชาวลาว ร้อยละ 3 เฉลี่ยวันละ 6-7 ราย และมีผู้ป่วยลาวที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เฉลี่ยวันละ 1 คน ส่วนใหญ่มารับบริการด้านสูตินรีเวช เช่น ทำคลอด ผ่าตัดมดลูก แต่โรงพยาบาลสามารถเรียกเก็บค่ารักษาได้บางส่วน ที่เรียกเก็บไม่ได้เนื่องจากฐานะยากจน มีมีเงินจ่าย และบางส่วนหลบหนีหลังอาการดีขึ้นทำให้โรงพยาบาลต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาปีละประมาณ 1 ล้านบาท
ขณะนี้ ปัญหาค่ารักษาพยาบาลต่างด้าวของโรงพยาบาลสังกัด สธ.ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลใน 57 จังหวัด ตั้งแต่ปี2553-2555ไทยมีค่ารักษาต่างด้าว 3 สัญชาติ คือพม่า ลาว และกัมพูชา รวมทั้งหมด 1,189 ล้านกว่าบาท เป็นการรักษาทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ในปี 2553 รวม 254 ล้านกว่าบาท ปี 2554 รวม 240 ล้านกว่าบาท ส่วนในปี 2555 ยอดรวม 693 ล้านกว่าบาท ขณะเดียวกัน ผลการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวก่อนออกในบอนุญาตทำงานในประเทศไทย ปี 2554 ตรวจทั้งหมด 855,198 คน พบว่ามีโรคที่ต้องติดตามให้การรักษา เช่นวัณโรค มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน รวมทั้งหมด 6,195 คน และพบโรคต้องห้ามไม่ให้ทำงาน 594 คน ในจำนวนนี้พบเป็นผู้เสพสารเสพติดมากที่สุด 358 คน วัณโรคระยะติดต่อ 179 คน โรคซิฟิลิสระยะที่ 3 จำนวน 15 ราย
นพ.ชลน่าน กล่าวต่ออีกว่า การพบโรคติดต่อเหล่านี้ส่งสัญญาณอาจเกิดโรคระบาดในประเทศที่มาจากแรงงานต่างด้าวได้ หากไม่มีระบบป้องกันและควบคุมดีพอ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณได้เร่งแก้ไขและเตรียมการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2556 ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพดูแลต่างด้าวที่ระบบประกันสังคมไม่ได้คุ้มครอง โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะกรรมการอำนวยการด้านสาธารณสุขในประชากรต่างด้าว เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ กรอบนโยบายดำเนินงานสาธารณสุขสำหรับประชากรต่างด้าว ตามนโยบายรัฐบาล และ 2.คณะทำงานด้านการสาธารณสุขในประชากรต่างด้าว ในการจัดบริการ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในประชากรต่างด้าว เพื่อวางระบบการดูแลครอบคลุมทั้งการดูแลการเจ็บป่วย และการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรค.-สำนักข่าวไทย
ภาพ http://www.moph.go.th/ops/iprg/userfiles/n20110630144921_898%281%29.jpg
ข่าว http://www.mcot.net/site/content?id=510f33fb150ba01b6a000404#.UQ9bmVdgjk0