ม็อบสหภาพการบินไทยเรียกร้องโบนัสและปรับเงินเดือนเพิ่ม แต่นักบินดูจะสวนทางเพราะนอกจากจะมีรายได้มากกว่าพนักงานทั่วไปหรือสูงกว่าผู้บริหารแล้ว ขณะนี้ยังมีทางเลือกที่ดีกว่าเพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด จนเกิดปัญหา "สมองไหล" ขึ้น
เนื่องจากธุรกิจการบินที่เฟื่องฟู ทั้งโลว์คอสต์ บูติกแอร์ไลน์ แอร์คาร์โก เช่าเหมาลำ แห่เปิดบินกันทั่วน่านฟ้า แต่กลับฝึกนักบินไม่ทัน มีเครื่องบินไม่มีนักบินก็ไร้ประโยชน์
รายการ "ช็อป" นักบินจึงเกิดขึ้นและเป็นปัญหาอันน่าปวดหัวของฝ่ายบริหารเพราะกว่าจะปลุกปั้นนักบินแต่ละคนจนมีชั่วโมงบินสูงได้ก็ใช้ทั้งเวลา ประสบการณ์และค่าใช้จ่ายแต่ละคนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทในการฝึกปรือจนมีชั่วโมงบินสูงพอที่จะเทรนด์ไปเป็น "กัปตัน" แต่สุดท้ายก็ตีจากไป "ซบ" สายการบินอื่นซะงั้น
ก่อนหน้านั้นสายการบินจากตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น กาตาร์ แอร์ไลน์ส เอทิฮัด หรือ เอมิเรตส์ ที่ทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มเพราะถือว่ามีบ่อน้ำมันเองจึงนิยม "ฉก" ตัว โคไพล็อต ที่มีชั่วโมง
บินสูง เพื่อเรียนลัดไปเป็น "กัปตัน" โดยเสนอผลตอบแทนที่ใครเห็นแล้วก็ยากที่จะ "ปฏิเสธ"
ทั้งดับเบิลเงินเดือนจาก 2 แสนบาทเป็น 4 แสนบาทอัพ สวัสดิการอื่นๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนลูกโรงเรียนอินเตอร์จนถึงมหาลัย ค่าประกันรักษาพยาบาลเบิกได้ไม่อั้น แม้กระทั่ง เสนอดอกเบี้ย 0% สำหรับผ่อนรถซูเปอร์คาร์ ปอร์เช่ เฟอร์รารี มาขับเล่นกลางทะเลทรายแก้เหงาแลกกับการเบสอยู่ที่โน่น
สายการบินโลกอาหรับ ยอมทุ่มทุนจ่ายเพิ่มราว 40-50% เทียบการบินไทย แต่ที่เหลือเชื่อก็คือขณะนี้พบว่านักบินการบินไทยกำลังตกอยู่ในอาการ "สมองไหล" อีกครั้งด้วยการโบกมือลาไปอยู่กับสายการบินโลคอสต์ "ไทยแอร์เอเชีย" เป็นจำนวนมาก ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการปาเข้าไป 40 คนแล้ว ทั้งที่ออกไปแล้วที่ยังรี ๆ รอ ๆ อีกเพียบจนคาดว่าจะร่วมร้อยคน
สาเหตุหนึ่งมาจากการบินไทยไม่ได้ปรับรายได้เงินเดือน มาร่วม 3-4 ปี เพราะขาดทุน บักโกรก 2 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ม็อบปิดสนามบิน และผลประกอบการก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด เจอทั้งม็อบเผาบ้าน เผาเมือง จนถึงอุทกภัยใหญ่ บางปีมีกำไรก็ได้โบนัสบ้างพอเป็นกระษัย
แต่โดยภาพรวมรายได้ของนักบินน้อยกว่าสายการบินอื่น เพราะเขาปรับเงินเดือนกันทุกปีไม่รวมโบนัสเป็นกอบเป็นกำและสม่ำเสมออีกต่างหาก อย่างไทยแอร์เอเชียจ่าย 3 เดือน บางกอกแอร์เวย์สจ่าย 3.5-5 เดือน การบินไทยปีนี้จ่ายแค่ 1 เดือน
แม้ว่าการบินไทยจะมีรายได้จากค่าไลเซนส์เพิ่มอีก 6 หมื่นบาทต่อเดือน แต่รายได้รวมเทียบแล้วก็ถือว่าต่ำกว่า ไทยแอร์เอเชียและบางกอกแอร์เวย์สอยู่ดี ยกเว้นกัปตันการบินไทยรุ่นลายครามที่บินเส้นทางระยะไกลอย่างยุโรปและได้รับยกเว้นภาษีที่บริษัทจ่ายภาษีให้ ในขณะที่นักบินรุ่นใหม่ต้องจ่ายภาษีเอง อีกทั้งสวัสดิการอื่น ๆ ก็ไม่ได้มากมาย เช่นภรรยากัปตัน ได้ตั๋วชั้นเฟิสต์คลาส ลูกได้ชั้นบิสิเนสแต่ พ่อ-แม่ ชั้นประหยัด
แต่เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานักบิน "สมองไหล" ก็คือความก้าวหน้าในอาชีพ โดยการบินไทยต้องมีอายุงาน 10-12 ปี ชั่วโมงบินสะสม 1 หมื่นชั่วโมง ถึงจะได้โปรโมตเป็นกัปตันแต่ไทยแอร์เอเชียอายุงาน 4-5 ปี ชั่วโมงบิน 5 พันชั่วโมง ก็ได้รับการเทรนเป็น "กัปตัน" อีกทั้งเมื่อมาดูรายได้รวม กัปตันมือใหม่ ไทยแอร์เอเชียรับเหนาะ ๆ เดือนละ 2.7 แสนบาท การบินไทยอยู่ที่ 2.1 แสนบาทต่อเดือนห่างกันเนต ๆ ก็แค่ 6 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้นเอง
บอกได้เลยว่ากัปตันไทยแอร์เอเชีย หิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน ก็มีรายได้แล้วไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทต่อวัน โดยนอกจากเงินเดือนแล้วยังมีค่าชั่วโมงบินละ 1.5 พันบาท เฉลี่ยเดือนละ 80 ชั่วโมง ค่าเดินทางครั้งละ 1 พันบาท ค่าแลนดิ้ง ขึ้น-ลง อีกเที่ยวละ 500 บาท เฉลี่ยเดือนละ 15 ครั้ง ตั๋วฟรี 10 ใบต่อปี ฉะนั้นแต่ละเดือนรับเละ เพราะยังมีการการันตีปรับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นบาท
หรือบางเงื่อนไขปรับเปอร์เซ็นต์เช่น 3 ปี 3% 5 ปี 5% และ 10 ปี 10% เป็นต้น
ขณะที่การบินไทยมีแต่ถดถอยเพราะการปรับรายได้ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ดังนั้นนักบินจึงเลือก "เงิน" และอนาคตที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่าการหวังลม ๆ แล้ง ๆ ฉะนั้นที่มักเปรียบเปรยว่า
"ชั่วโมงบินสูง" เท่าไรยิ่งมีภาษีดีกว่า วลีนี้คงเหมาะกับอาชีพ "นักบิน" เพราะในแง่นักบินต้องผ่านประสบการณ์อย่างเดียว!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,814
วันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=166008:2013-01-29-15-28-19&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417
นักบินจำปีแห่ซบไทยแอร์เอเชีย
เนื่องจากธุรกิจการบินที่เฟื่องฟู ทั้งโลว์คอสต์ บูติกแอร์ไลน์ แอร์คาร์โก เช่าเหมาลำ แห่เปิดบินกันทั่วน่านฟ้า แต่กลับฝึกนักบินไม่ทัน มีเครื่องบินไม่มีนักบินก็ไร้ประโยชน์
รายการ "ช็อป" นักบินจึงเกิดขึ้นและเป็นปัญหาอันน่าปวดหัวของฝ่ายบริหารเพราะกว่าจะปลุกปั้นนักบินแต่ละคนจนมีชั่วโมงบินสูงได้ก็ใช้ทั้งเวลา ประสบการณ์และค่าใช้จ่ายแต่ละคนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทในการฝึกปรือจนมีชั่วโมงบินสูงพอที่จะเทรนด์ไปเป็น "กัปตัน" แต่สุดท้ายก็ตีจากไป "ซบ" สายการบินอื่นซะงั้น
ก่อนหน้านั้นสายการบินจากตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น กาตาร์ แอร์ไลน์ส เอทิฮัด หรือ เอมิเรตส์ ที่ทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มเพราะถือว่ามีบ่อน้ำมันเองจึงนิยม "ฉก" ตัว โคไพล็อต ที่มีชั่วโมง
บินสูง เพื่อเรียนลัดไปเป็น "กัปตัน" โดยเสนอผลตอบแทนที่ใครเห็นแล้วก็ยากที่จะ "ปฏิเสธ"
ทั้งดับเบิลเงินเดือนจาก 2 แสนบาทเป็น 4 แสนบาทอัพ สวัสดิการอื่นๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนลูกโรงเรียนอินเตอร์จนถึงมหาลัย ค่าประกันรักษาพยาบาลเบิกได้ไม่อั้น แม้กระทั่ง เสนอดอกเบี้ย 0% สำหรับผ่อนรถซูเปอร์คาร์ ปอร์เช่ เฟอร์รารี มาขับเล่นกลางทะเลทรายแก้เหงาแลกกับการเบสอยู่ที่โน่น
สายการบินโลกอาหรับ ยอมทุ่มทุนจ่ายเพิ่มราว 40-50% เทียบการบินไทย แต่ที่เหลือเชื่อก็คือขณะนี้พบว่านักบินการบินไทยกำลังตกอยู่ในอาการ "สมองไหล" อีกครั้งด้วยการโบกมือลาไปอยู่กับสายการบินโลคอสต์ "ไทยแอร์เอเชีย" เป็นจำนวนมาก ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการปาเข้าไป 40 คนแล้ว ทั้งที่ออกไปแล้วที่ยังรี ๆ รอ ๆ อีกเพียบจนคาดว่าจะร่วมร้อยคน
สาเหตุหนึ่งมาจากการบินไทยไม่ได้ปรับรายได้เงินเดือน มาร่วม 3-4 ปี เพราะขาดทุน บักโกรก 2 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ม็อบปิดสนามบิน และผลประกอบการก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด เจอทั้งม็อบเผาบ้าน เผาเมือง จนถึงอุทกภัยใหญ่ บางปีมีกำไรก็ได้โบนัสบ้างพอเป็นกระษัย
แต่โดยภาพรวมรายได้ของนักบินน้อยกว่าสายการบินอื่น เพราะเขาปรับเงินเดือนกันทุกปีไม่รวมโบนัสเป็นกอบเป็นกำและสม่ำเสมออีกต่างหาก อย่างไทยแอร์เอเชียจ่าย 3 เดือน บางกอกแอร์เวย์สจ่าย 3.5-5 เดือน การบินไทยปีนี้จ่ายแค่ 1 เดือน
แม้ว่าการบินไทยจะมีรายได้จากค่าไลเซนส์เพิ่มอีก 6 หมื่นบาทต่อเดือน แต่รายได้รวมเทียบแล้วก็ถือว่าต่ำกว่า ไทยแอร์เอเชียและบางกอกแอร์เวย์สอยู่ดี ยกเว้นกัปตันการบินไทยรุ่นลายครามที่บินเส้นทางระยะไกลอย่างยุโรปและได้รับยกเว้นภาษีที่บริษัทจ่ายภาษีให้ ในขณะที่นักบินรุ่นใหม่ต้องจ่ายภาษีเอง อีกทั้งสวัสดิการอื่น ๆ ก็ไม่ได้มากมาย เช่นภรรยากัปตัน ได้ตั๋วชั้นเฟิสต์คลาส ลูกได้ชั้นบิสิเนสแต่ พ่อ-แม่ ชั้นประหยัด
แต่เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานักบิน "สมองไหล" ก็คือความก้าวหน้าในอาชีพ โดยการบินไทยต้องมีอายุงาน 10-12 ปี ชั่วโมงบินสะสม 1 หมื่นชั่วโมง ถึงจะได้โปรโมตเป็นกัปตันแต่ไทยแอร์เอเชียอายุงาน 4-5 ปี ชั่วโมงบิน 5 พันชั่วโมง ก็ได้รับการเทรนเป็น "กัปตัน" อีกทั้งเมื่อมาดูรายได้รวม กัปตันมือใหม่ ไทยแอร์เอเชียรับเหนาะ ๆ เดือนละ 2.7 แสนบาท การบินไทยอยู่ที่ 2.1 แสนบาทต่อเดือนห่างกันเนต ๆ ก็แค่ 6 หมื่นบาทต่อเดือนเท่านั้นเอง
บอกได้เลยว่ากัปตันไทยแอร์เอเชีย หิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน ก็มีรายได้แล้วไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทต่อวัน โดยนอกจากเงินเดือนแล้วยังมีค่าชั่วโมงบินละ 1.5 พันบาท เฉลี่ยเดือนละ 80 ชั่วโมง ค่าเดินทางครั้งละ 1 พันบาท ค่าแลนดิ้ง ขึ้น-ลง อีกเที่ยวละ 500 บาท เฉลี่ยเดือนละ 15 ครั้ง ตั๋วฟรี 10 ใบต่อปี ฉะนั้นแต่ละเดือนรับเละ เพราะยังมีการการันตีปรับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นบาท
หรือบางเงื่อนไขปรับเปอร์เซ็นต์เช่น 3 ปี 3% 5 ปี 5% และ 10 ปี 10% เป็นต้น
ขณะที่การบินไทยมีแต่ถดถอยเพราะการปรับรายได้ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ดังนั้นนักบินจึงเลือก "เงิน" และอนาคตที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่าการหวังลม ๆ แล้ง ๆ ฉะนั้นที่มักเปรียบเปรยว่า
"ชั่วโมงบินสูง" เท่าไรยิ่งมีภาษีดีกว่า วลีนี้คงเหมาะกับอาชีพ "นักบิน" เพราะในแง่นักบินต้องผ่านประสบการณ์อย่างเดียว!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,814
วันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=166008:2013-01-29-15-28-19&catid=85:2009-02-08-11-22-45&Itemid=417