กรณีโรฮิงญา สังคมมุสลิม ถูกตั้งคำถาม ต่อการแสดงออกอย่างเด่นชัด ในการให้การช่วยเหลือ
ทำให้เกิดความ น้อยเนื้อต่ำใจ จากพี่น้องชาวพุทธว่า แล้วทำไม กรณีไฟใต้ ถึงไม่ช่วยกันเช่นนี้
ความเข้าใจผิด เกิดจากสาเหตุ หลายประการ ซึ่งผมขอสรุปดังนี้
1.เกิดจากเข้าใจผิดว่า ไม่มีการรณรงค์ เคลื่อนไหว ในกรณีไฟใต้
2.เกิดจากการเข้าใจผิดว่า พุทธศาสนิกชนคือเป้าหมายการก่อเหตุ และ มีเป้าหมายเด่นชัดในการแบ่งแยกดินแดน
ซึ่งแบ่งย่อยได้ว่า 2.1 ความเข้าใจผิดในปริมาณ การสูญเสียชีวิต และ มองว่ามุสลิมไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นผู้กระทำ
2.2 การเข้าใจผิดจากการแสดงออกของคนในพื้นที่ ที่มีท่าทีรุนแรงต่อทหาร
3.ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ต่อ ผู้ต่างศาสนา
4.ความเข้าใจผิดว่า มุสลิมทุกคนที่พุดเรื่องโรฮิงญานั้น ออกมาปกป้องและต้องการให้โรฮิงญาเป็นประชากรของประเทศ
5.ได้รับข้อมูลในเชิง ทบ สมคบคิด จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ด้วยเนื่องความผูกพันธ์ทางศาสนา ทำให้ ไม่ตรวจสอบ
จะเห็นได้ว่า เมื่อพูดถึงโรฮิงญา ความเข้าใจผิดทั้ง 5 ข้อถูกขับเคลื่อนออก แทบจะพร้อมๆกัน และถุกพูดถึงแทบทุกกระทู้
บางส่วนของสังคมน้นเกิดแรงขับเคลื่อนที่ระเบิดออก ทำให้หลักคิดด้านมนุษยธรรมบิดเบี้ยวไป
โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากความเข้าใจผิดเหล่านี้ เนื่องด้วยความแตกต่างทางศาสนา
และกาเรเรียนรุ้ระหว่างกันน้อยเกินไป
ทำให้ การมองต่อคุณภาพ ประชากร
ซึ่งมีประสิทธิภาพ การผลิตที่ต่ำเนื่องจาาโอกาสและต้นทุนทางสังคมนั้นถูกกดต่ำลงไปอีก และถูกเชื่อมเข้ากับความหวาดระแวง อาชญากรรม และ การก่อการร้าย โดยนัย และการช่วยเหลือใดๆ ต่อโรฮิงญา ถูกมองเป็นประเด็นหรือ การเล่นพรรคเล่นพวกทางศาสนาทันที
เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องยอมรับว่า มุสลิม ให้ความสำคัญกับมุสลิมด้วยกันในระดับพี่น้อง จะพี่น้องแท้ๆหรือพี่น้องเพียงว่าจาก็สุดแท้บุคคล เนื่องด้วยความกลมกลืนกันทางศาสนา ในช่วงหนึ่ง ผมจึงพิมพ์ขอให้ประเด็นโรฮิงญา ตัดเรื่องศาสนาออกทั้งทางบวกอันหมายถึง ความรักในพี่น้อง และทางลบ คือความเข้าใจผิดต่อศาสนาออก แล้วพิจรณาตามเหตุปัจจัย และหลักปฏิบัติสากล
แต่ไม่ได้หมายความว่า มุสลิม จะให้ความสำคัญกับ มุสลิมด้วยกันมากไปกว่าชาติบ้านเมือง
การพิจรณาในประเด็นชาติบ้านเมืองนั้น ตามหลักการศาสนานั้น ใช้หลักพิจรณาในแง่ของความเป็นธรรม และ ความยุติธรรม
ทั้งต่อมุสลิมในบ้านเมืองเองรวมทั้งต่างศาสนิกที่อยู่บ้านเมืองเดียวกัน
ความลำเอียงมีอยู่จริง แต่เป็นแนวคิดระดับปัจเจก ซึ่งทุกชาติพันธ์และศาสนมีสิ่งนี้ มีพุทธที่ลำเอียง มีคริสต์ชนที่ลำเอียง มุสลิมเองก็เช่นกัน แต่เป็นเพียงแนวคิดระดับปัจเจก ต่อให้ รักกันเป็นพี่น้องแค่ไหน ถ้าน้องมันจะทำลายชาติ ทำลายบ้านตัวเอง คนเป็นพี่ ก็เพียงต่อสู้ และตัดญาติขาดมิตร แค่นั้น นั่นคือความจริง
ในหลักการศาสนา เรื่องความยุติธรรม และความเป็นธรรม หลักปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องสำคัญเหนือความเกี่ยวข้องส่วนตัว
ความยุติธรรม เป็นสิ่งที่ถูกย้ำ แล้วย้ำอีกในอัลกุรอาน ให้ มุสลิมปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน และ ระหว่างมุสลิมด้วยกัน โดยไม่แบ่งแยก
จึงเป็นไปไม่ได้เลยว่า มุสลิมจะรักโรฮิงญามากกว่าชาติบ้านเมืองเพราะชาติบ้านเมืองในความหมายนั้นก็คือ ชาติบ้านเมืองของมุสลิมไทยเช่นกัน และกรณีไฟใต้ มุสลิมเหล่านี้ก็ย่อมเป็นเหยื่อ มากกว่า พุทธในพื้นที่ เนื่องด้วย อัตราส่วนประชากรและสถิติ
อิสลามสอนให้อยู่ร่วมกันในสังคม และ ยุติธรรมทั้งต่อ เพื่อนร่วมและต่างศาสนา
อิสลามไม่ได้ห้ามการทำความดีกับ เพื่อนบ้านมิตรสหายไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม
อิสลามไม่ได้สอนให้รัก คนที่สร้างความวุ่นวายในแผ่นดิน มากกว่าชาติบ้านเมือง และความถูกต้่อง แม้คนเหล่านั้จะเป็นมสุลิมด้วยกันก็ตาม
นี่คือความจริง
หลักธรรมข้อนี้เป็นความจริงและ มีอยู่จริงในอัลกุรอาน ซึ่งท่านหาอ่านได้ทั่วไป
และสอบถามข้อสงสัยได้จากผู้รุ้ทางศาสนาตามสมควร
แต่อย่าตัดสินอิสลาม จาก ความคิดผู้คน
หรือกลุ่มคน หรือแม้แต่ คนส่วนมาก
แต่ขอให้ตัดสินอิสลามจากสิ่งที่อิสลามสอน
ศาสนาเปรียบเหมือน น้ำ บริสุทธิ์
ผู้คนเป็นดังภาชนะ ถ้าภาชนะแปดเปื้อน น้ำในถ้วยนั้นย่อมสกปรกเช่นกัน
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี นั่นคือเรื่องจริง การเริ่มจากตรงนั้นและเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างกัน
เคารพในอัตลักษณ์ระหว่างกัน เมื่อเกิดประเด็นทางศาสนาให้ สอบทวนไปที่หลักคำสอน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ปัญหาสังคมที่เกิดจากความแตกต่าง และ การเรียนรุ้ระหว่างกันน้อยเกินไปก็จะไม่เกิด
โรฮิงญา ก็จะไม่เป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดและความแตกต่างทางศาสนาอีก
อย่างไรก็ดี ประเด็นโรฮิงญา มีประเด็นอื่นนอกจากศาสนา หรือนอกจากแรงขับเคลื่อนทัี้ง 5 ข้อ
ซึ่งผมร้องขอให้พิจรณาโรฮิงญาจากประเด็นเหล่านั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจด้านบวกหรือลบก็ตาม
ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย ที่เราแลกเปลี่ยนกัน
สำคัญที่สุดคือ มองคนให้เป็นคน อย่ามองคนไมใช่คน
นั่นคือพื้นฐานแรกสุดของคำว่า มนุษยธรรม โดยไม่ต้องมีประเด็นทางศาสนาใดๆ
หรือความแตกต่างใดๆมาเกี่ยวข้อง แม้แต่ เซนต์เดียว
ถ้าเรามองคนเป็นคน การเยียวยาหรือแม้แต่ การผลักดันออก ก็ยังอยู่ในกรอบนี้
และ โลกทั้งใบนี้ ขับเคลื่อนได้ เพราะมีสิ่งนี้ มนุษยธรรม
ขอให้จำบ้านเมือง เมื่อวิกฤติที่ผ่านมาให้มาก ความไว้เนื้อเชื่อใจกันว่ามนุษยจะไม่ทิ้งกัน
ทำให้เราข้ามผ่านหลายๆวิกฤติมาได้โลกใบนี้ยังต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่ตามความเหมาะสม
ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป
กระทู้นี้เป็นกระทู้สุดท้ายที่ผมจะโพสถึงกรณีโรฮิงญา
แต่ผมจะแนบรายละเอียด เกี่ยวข้อเข้าใจผิดทั้ง 5 ข้อให้
สำหรับท่านที่อยากทราบในประเด็นเหล่านี้ จะได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม
ขอสันติจงมีขึ้นแด่ทุกท่านครับ
ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับความเป็น พี่น้อง-ชาติบ้านเมือง ของอิสลาม
ทำให้เกิดความ น้อยเนื้อต่ำใจ จากพี่น้องชาวพุทธว่า แล้วทำไม กรณีไฟใต้ ถึงไม่ช่วยกันเช่นนี้
ความเข้าใจผิด เกิดจากสาเหตุ หลายประการ ซึ่งผมขอสรุปดังนี้
1.เกิดจากเข้าใจผิดว่า ไม่มีการรณรงค์ เคลื่อนไหว ในกรณีไฟใต้
2.เกิดจากการเข้าใจผิดว่า พุทธศาสนิกชนคือเป้าหมายการก่อเหตุ และ มีเป้าหมายเด่นชัดในการแบ่งแยกดินแดน
ซึ่งแบ่งย่อยได้ว่า 2.1 ความเข้าใจผิดในปริมาณ การสูญเสียชีวิต และ มองว่ามุสลิมไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นผู้กระทำ
2.2 การเข้าใจผิดจากการแสดงออกของคนในพื้นที่ ที่มีท่าทีรุนแรงต่อทหาร
3.ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ต่อ ผู้ต่างศาสนา
4.ความเข้าใจผิดว่า มุสลิมทุกคนที่พุดเรื่องโรฮิงญานั้น ออกมาปกป้องและต้องการให้โรฮิงญาเป็นประชากรของประเทศ
5.ได้รับข้อมูลในเชิง ทบ สมคบคิด จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ด้วยเนื่องความผูกพันธ์ทางศาสนา ทำให้ ไม่ตรวจสอบ
จะเห็นได้ว่า เมื่อพูดถึงโรฮิงญา ความเข้าใจผิดทั้ง 5 ข้อถูกขับเคลื่อนออก แทบจะพร้อมๆกัน และถุกพูดถึงแทบทุกกระทู้
บางส่วนของสังคมน้นเกิดแรงขับเคลื่อนที่ระเบิดออก ทำให้หลักคิดด้านมนุษยธรรมบิดเบี้ยวไป
โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากความเข้าใจผิดเหล่านี้ เนื่องด้วยความแตกต่างทางศาสนา
และกาเรเรียนรุ้ระหว่างกันน้อยเกินไป
ทำให้ การมองต่อคุณภาพ ประชากร
ซึ่งมีประสิทธิภาพ การผลิตที่ต่ำเนื่องจาาโอกาสและต้นทุนทางสังคมนั้นถูกกดต่ำลงไปอีก และถูกเชื่อมเข้ากับความหวาดระแวง อาชญากรรม และ การก่อการร้าย โดยนัย และการช่วยเหลือใดๆ ต่อโรฮิงญา ถูกมองเป็นประเด็นหรือ การเล่นพรรคเล่นพวกทางศาสนาทันที
เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องยอมรับว่า มุสลิม ให้ความสำคัญกับมุสลิมด้วยกันในระดับพี่น้อง จะพี่น้องแท้ๆหรือพี่น้องเพียงว่าจาก็สุดแท้บุคคล เนื่องด้วยความกลมกลืนกันทางศาสนา ในช่วงหนึ่ง ผมจึงพิมพ์ขอให้ประเด็นโรฮิงญา ตัดเรื่องศาสนาออกทั้งทางบวกอันหมายถึง ความรักในพี่น้อง และทางลบ คือความเข้าใจผิดต่อศาสนาออก แล้วพิจรณาตามเหตุปัจจัย และหลักปฏิบัติสากล
แต่ไม่ได้หมายความว่า มุสลิม จะให้ความสำคัญกับ มุสลิมด้วยกันมากไปกว่าชาติบ้านเมือง
การพิจรณาในประเด็นชาติบ้านเมืองนั้น ตามหลักการศาสนานั้น ใช้หลักพิจรณาในแง่ของความเป็นธรรม และ ความยุติธรรม
ทั้งต่อมุสลิมในบ้านเมืองเองรวมทั้งต่างศาสนิกที่อยู่บ้านเมืองเดียวกัน
ความลำเอียงมีอยู่จริง แต่เป็นแนวคิดระดับปัจเจก ซึ่งทุกชาติพันธ์และศาสนมีสิ่งนี้ มีพุทธที่ลำเอียง มีคริสต์ชนที่ลำเอียง มุสลิมเองก็เช่นกัน แต่เป็นเพียงแนวคิดระดับปัจเจก ต่อให้ รักกันเป็นพี่น้องแค่ไหน ถ้าน้องมันจะทำลายชาติ ทำลายบ้านตัวเอง คนเป็นพี่ ก็เพียงต่อสู้ และตัดญาติขาดมิตร แค่นั้น นั่นคือความจริง
ในหลักการศาสนา เรื่องความยุติธรรม และความเป็นธรรม หลักปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องสำคัญเหนือความเกี่ยวข้องส่วนตัว
ความยุติธรรม เป็นสิ่งที่ถูกย้ำ แล้วย้ำอีกในอัลกุรอาน ให้ มุสลิมปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน และ ระหว่างมุสลิมด้วยกัน โดยไม่แบ่งแยก
จึงเป็นไปไม่ได้เลยว่า มุสลิมจะรักโรฮิงญามากกว่าชาติบ้านเมืองเพราะชาติบ้านเมืองในความหมายนั้นก็คือ ชาติบ้านเมืองของมุสลิมไทยเช่นกัน และกรณีไฟใต้ มุสลิมเหล่านี้ก็ย่อมเป็นเหยื่อ มากกว่า พุทธในพื้นที่ เนื่องด้วย อัตราส่วนประชากรและสถิติ
อิสลามสอนให้อยู่ร่วมกันในสังคม และ ยุติธรรมทั้งต่อ เพื่อนร่วมและต่างศาสนา
อิสลามไม่ได้ห้ามการทำความดีกับ เพื่อนบ้านมิตรสหายไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม
อิสลามไม่ได้สอนให้รัก คนที่สร้างความวุ่นวายในแผ่นดิน มากกว่าชาติบ้านเมือง และความถูกต้่อง แม้คนเหล่านั้จะเป็นมสุลิมด้วยกันก็ตาม
นี่คือความจริง
หลักธรรมข้อนี้เป็นความจริงและ มีอยู่จริงในอัลกุรอาน ซึ่งท่านหาอ่านได้ทั่วไป
และสอบถามข้อสงสัยได้จากผู้รุ้ทางศาสนาตามสมควร
แต่อย่าตัดสินอิสลาม จาก ความคิดผู้คน
หรือกลุ่มคน หรือแม้แต่ คนส่วนมาก
แต่ขอให้ตัดสินอิสลามจากสิ่งที่อิสลามสอน
ศาสนาเปรียบเหมือน น้ำ บริสุทธิ์
ผู้คนเป็นดังภาชนะ ถ้าภาชนะแปดเปื้อน น้ำในถ้วยนั้นย่อมสกปรกเช่นกัน
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี นั่นคือเรื่องจริง การเริ่มจากตรงนั้นและเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างกัน
เคารพในอัตลักษณ์ระหว่างกัน เมื่อเกิดประเด็นทางศาสนาให้ สอบทวนไปที่หลักคำสอน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ปัญหาสังคมที่เกิดจากความแตกต่าง และ การเรียนรุ้ระหว่างกันน้อยเกินไปก็จะไม่เกิด
โรฮิงญา ก็จะไม่เป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดและความแตกต่างทางศาสนาอีก
อย่างไรก็ดี ประเด็นโรฮิงญา มีประเด็นอื่นนอกจากศาสนา หรือนอกจากแรงขับเคลื่อนทัี้ง 5 ข้อ
ซึ่งผมร้องขอให้พิจรณาโรฮิงญาจากประเด็นเหล่านั้นมาโดยตลอด ไม่ว่าจด้านบวกหรือลบก็ตาม
ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย ที่เราแลกเปลี่ยนกัน
สำคัญที่สุดคือ มองคนให้เป็นคน อย่ามองคนไมใช่คน
นั่นคือพื้นฐานแรกสุดของคำว่า มนุษยธรรม โดยไม่ต้องมีประเด็นทางศาสนาใดๆ
หรือความแตกต่างใดๆมาเกี่ยวข้อง แม้แต่ เซนต์เดียว
ถ้าเรามองคนเป็นคน การเยียวยาหรือแม้แต่ การผลักดันออก ก็ยังอยู่ในกรอบนี้
และ โลกทั้งใบนี้ ขับเคลื่อนได้ เพราะมีสิ่งนี้ มนุษยธรรม
ขอให้จำบ้านเมือง เมื่อวิกฤติที่ผ่านมาให้มาก ความไว้เนื้อเชื่อใจกันว่ามนุษยจะไม่ทิ้งกัน
ทำให้เราข้ามผ่านหลายๆวิกฤติมาได้โลกใบนี้ยังต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่ตามความเหมาะสม
ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป
กระทู้นี้เป็นกระทู้สุดท้ายที่ผมจะโพสถึงกรณีโรฮิงญา
แต่ผมจะแนบรายละเอียด เกี่ยวข้อเข้าใจผิดทั้ง 5 ข้อให้
สำหรับท่านที่อยากทราบในประเด็นเหล่านี้ จะได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม
ขอสันติจงมีขึ้นแด่ทุกท่านครับ