Amour(2012)
เมื่อเราตกลงปลงใจจะแต่งงานหรือจะอยู่ร่วมกับใครสักคน แน่นอนว่าคงต้องการให้ความรักของคนสองคนยืนยาวถาวร ตราบชั่วนิรันดรหรือตราบเท่าที่คนใดคนหนึ่งต้องจากไป
ยอร์จ (Jean Louis Trintignant) และ แอนนา (Emmanuelle Riva) เป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันนานจนทั้งคู่อายุประมาณ 70-80 ปี จนมาถึงวันหนึ่งที่แอนนาล้มป่วยด้วยการการเป็นอัมพาตครึ่งตัว ขยับได้แค่ร่างกายซีกด้านซ้าย สิ่งที่ตามมาคือ ยอร์จมีหน้าที่ที่ต้องดูแลแอนนาที่อพาร์ทเมนต์ของตนเอง การดูแลผู้ป่วยอัมพาตเป็นภาระที่หนักหน่วงเพราะผู้ป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้เท่าไหร่ การยกตัวผู้ป่วยจากเตียงมาเก้าอี้เข็น การพาไปอาบน้ำและปัสสาวะหรืออุจาระ การต้องคอยพลิกตัวบ่อยๆ การป้อนอาหารน้ำ ซึ่งต้องทำทุกๆวัน และภารกิจดังกล่าวไม่มีวันหมดอายุเสียด้วยและยิ่งเป็นภาระที่หนักมากเมื่อคนดูแลก็อายุมากเช่นกัน
และยิ่งนานวันอาการยิ่งหนักขึ้น บ่อยครั้งที่แอนนาไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ ก็จะฉี่ราดใส่เตียง ซึ่งก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยอร์จต้องเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ และเมื่อเวลาผ่านอาการลิ้นแข็ง ทำให้พูด หรือออกเสียงไม่ชัดก็ตามมา ด้านผู้ป่วย แอนนา ก็เบื่อหน่ายในส่วนที่ตัวเองมีอาการอยู่ไม่น้อย เธอเบื่อที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ทั้งๆที่แต่ก่อนทำได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สิ่งที่เธอทำได้คือการปฏิเสธการให้อาหารหรือน้ำจากสามีตัวเอง แต่สิ่งที่เธอดื้อก็ยิ่งเพิ่มภาระการดูแลให้สามีตัวเองเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นในการป้อนอาหาร
จริงๆแล้วเมื่อหนังผ่านไปได้แค่ 15 นาที ผมก็เทดาวทั้งหมดให้กับหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันสามารถบรรยายความรู้สึกที่คนสองคนผูกพันกันมานานโดยไม่ต้องแสดงอะไรมากมาย ไม่ต้องมีคำพูดอะไรที่ลึกซึ้ง ก็ดูออกถึงความเข้าใจของคนสองคน และการแสดงของดาราทั้งคู่ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ทำไห้ดูเหมือนเป็นสามีภรรยาทีรักกันมากและสามารถดูแลด้วยกันได้ตลอดกาล ยิ่งในช่วงไม่สบายเป็นอะไรที่เจ็บปวดและทรมานใจอยู่ไม่น้อย ตัวหนังก็ทำส่วนนี้ได้ดีมากๆ ซึ่งถ้าใครเคยเกิดภาระดังกล่าวกับตัวเองมาก่อนก็จะสามารถรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
คำว่า Amour เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าความรัก ซึ่งเป็นคำที่เหมาะกับหนังเรื่องนี้มาก ความรักที่สามารถทำได้ทุกอย่างสำหรับคนที่รัก ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ ไม่ว่ายามแข็งแรงหรืออ่อนแอ และยิ่งอยู่ด้วยกันมานานมันก็พ้นความสวีท ความหวานซึ้ง การงอนง้อกันไปนานแล้ว เหลือแต่การเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องพูดกันมาก การดูแลเอาใจใส่กันซึ่งไม่ใช่เพราะหน้าที่สามีภรรยา แต่เป็นเพราะการมีซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อคนใดคนหนึ่งล้มลงมันก็ยิ่งทำความบอบช้ำใจเหลือคณานับสำหรับอีกคนหนึ่ง และนี่แหละคำว่ารัก ดูอย่างนี้แล้วนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนเราควรมีคู่
หนังเหมาะสมมากกับการเสนอชื่อชิงออสการ์ทั้งห้ารางวัล และเมื่อพูดถึงตัวบทนั้นแทบไม่น่าเชื่อว่าบทที่ดูแสนธรรมดามีตัวละครเพียงสองหรือสามคนแต่กลับดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ หนังเก็บรายละเอียดถึงคู่ครองสองคนที่อยู่กันมานาน ใส่ใจซึ่งกันและกันทั้งยามสุขและยามทุกข์ และโดยเฉพาะการแสดงของRiva ที่หลังๆแทบไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยเป็นการแสดงที่ทำให้เราเห็นถึงความเจ็บปวดและปวดร้าวที่อยากทำเหมือนเดิม แต่กลับทำไม่ได้ เป็นหนังที่สมควรจะได้ดูเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่รักมานานแสนนาน
Amour(2012) : หนังรักของคนชรา
เมื่อเราตกลงปลงใจจะแต่งงานหรือจะอยู่ร่วมกับใครสักคน แน่นอนว่าคงต้องการให้ความรักของคนสองคนยืนยาวถาวร ตราบชั่วนิรันดรหรือตราบเท่าที่คนใดคนหนึ่งต้องจากไป
ยอร์จ (Jean Louis Trintignant) และ แอนนา (Emmanuelle Riva) เป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันนานจนทั้งคู่อายุประมาณ 70-80 ปี จนมาถึงวันหนึ่งที่แอนนาล้มป่วยด้วยการการเป็นอัมพาตครึ่งตัว ขยับได้แค่ร่างกายซีกด้านซ้าย สิ่งที่ตามมาคือ ยอร์จมีหน้าที่ที่ต้องดูแลแอนนาที่อพาร์ทเมนต์ของตนเอง การดูแลผู้ป่วยอัมพาตเป็นภาระที่หนักหน่วงเพราะผู้ป่วยไม่สามารถช่วยตัวเองได้เท่าไหร่ การยกตัวผู้ป่วยจากเตียงมาเก้าอี้เข็น การพาไปอาบน้ำและปัสสาวะหรืออุจาระ การต้องคอยพลิกตัวบ่อยๆ การป้อนอาหารน้ำ ซึ่งต้องทำทุกๆวัน และภารกิจดังกล่าวไม่มีวันหมดอายุเสียด้วยและยิ่งเป็นภาระที่หนักมากเมื่อคนดูแลก็อายุมากเช่นกัน
และยิ่งนานวันอาการยิ่งหนักขึ้น บ่อยครั้งที่แอนนาไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ ก็จะฉี่ราดใส่เตียง ซึ่งก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยอร์จต้องเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ และเมื่อเวลาผ่านอาการลิ้นแข็ง ทำให้พูด หรือออกเสียงไม่ชัดก็ตามมา ด้านผู้ป่วย แอนนา ก็เบื่อหน่ายในส่วนที่ตัวเองมีอาการอยู่ไม่น้อย เธอเบื่อที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ทั้งๆที่แต่ก่อนทำได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สิ่งที่เธอทำได้คือการปฏิเสธการให้อาหารหรือน้ำจากสามีตัวเอง แต่สิ่งที่เธอดื้อก็ยิ่งเพิ่มภาระการดูแลให้สามีตัวเองเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นในการป้อนอาหาร
จริงๆแล้วเมื่อหนังผ่านไปได้แค่ 15 นาที ผมก็เทดาวทั้งหมดให้กับหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันสามารถบรรยายความรู้สึกที่คนสองคนผูกพันกันมานานโดยไม่ต้องแสดงอะไรมากมาย ไม่ต้องมีคำพูดอะไรที่ลึกซึ้ง ก็ดูออกถึงความเข้าใจของคนสองคน และการแสดงของดาราทั้งคู่ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ทำไห้ดูเหมือนเป็นสามีภรรยาทีรักกันมากและสามารถดูแลด้วยกันได้ตลอดกาล ยิ่งในช่วงไม่สบายเป็นอะไรที่เจ็บปวดและทรมานใจอยู่ไม่น้อย ตัวหนังก็ทำส่วนนี้ได้ดีมากๆ ซึ่งถ้าใครเคยเกิดภาระดังกล่าวกับตัวเองมาก่อนก็จะสามารถรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
คำว่า Amour เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าความรัก ซึ่งเป็นคำที่เหมาะกับหนังเรื่องนี้มาก ความรักที่สามารถทำได้ทุกอย่างสำหรับคนที่รัก ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ ไม่ว่ายามแข็งแรงหรืออ่อนแอ และยิ่งอยู่ด้วยกันมานานมันก็พ้นความสวีท ความหวานซึ้ง การงอนง้อกันไปนานแล้ว เหลือแต่การเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องพูดกันมาก การดูแลเอาใจใส่กันซึ่งไม่ใช่เพราะหน้าที่สามีภรรยา แต่เป็นเพราะการมีซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อคนใดคนหนึ่งล้มลงมันก็ยิ่งทำความบอบช้ำใจเหลือคณานับสำหรับอีกคนหนึ่ง และนี่แหละคำว่ารัก ดูอย่างนี้แล้วนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนเราควรมีคู่
หนังเหมาะสมมากกับการเสนอชื่อชิงออสการ์ทั้งห้ารางวัล และเมื่อพูดถึงตัวบทนั้นแทบไม่น่าเชื่อว่าบทที่ดูแสนธรรมดามีตัวละครเพียงสองหรือสามคนแต่กลับดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ หนังเก็บรายละเอียดถึงคู่ครองสองคนที่อยู่กันมานาน ใส่ใจซึ่งกันและกันทั้งยามสุขและยามทุกข์ และโดยเฉพาะการแสดงของRiva ที่หลังๆแทบไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยเป็นการแสดงที่ทำให้เราเห็นถึงความเจ็บปวดและปวดร้าวที่อยากทำเหมือนเดิม แต่กลับทำไม่ได้ เป็นหนังที่สมควรจะได้ดูเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่รักมานานแสนนาน