ยาวมากค่ะ แต่อยากให้ทุกท่านอ่าน เป็นสิ่งที่เราอยากเขียนมานานแล้ว หลังจากทำงานมาได้2-3ปี
เราเรียนสายวิทย์มาตอนม.ปลาย แล้วมาต่อสายศิลป์ในมหาวิทยาลัย
หนึ่ง เด็กอายุ14-15 ยังไม่รู้อะไร ส่วนมากยังไม่รู้ตัวตนตัวเองหรอก บางคนเรียนมาถึงม.ปลายยังไม่รู้ตัวเลย ก็เรียนวิทย์ไปก่อนกว้างดี
สอง พ่อแม่ส่วนมาก ก็ไม่ค่อยรู้ เอาจริงๆนะ ส่วนมากก็ให้ลูกเรียนวิทย์ไปก่อน เหตุผลเหมือนกัน คือ มันกว้างดี
สาม เกิดเป็นค่่านิยมเด็กเก่งเด็กเรียน ต้องเลือกวิทย์ เด็กศิลป์ คือ เกเร. เรียนอ่อน ซึ่งมันไม่ใช่!
เพราะจริงๆแล้วการเรียนสายศิลป์คนเรียนได้จริงๆต้องเรียนเก่งมาก หลายอาชีพก็ควรปูพื้นจากศิลป์ไปเลย
เราเองตอนแรกอยู่ม.ต้นห้องคิงเกรด4.00มาตลอด อยากเรียนภาษามาแต่แรก เลยไปสอบสายศิลป์ของเตรียมอุดม ผลคือ ไม่ติด 555
เลยกลับมารร.เดิม ซึ่งรร.เรานี่เด็กศิลป์ภาษามีแต่เด็กเกเร โดดเรียน เราคิดว่าเราอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นไม่ได้ เลยเรียนวิทย์ไป จะเรียนภาษาที่3ก็เรียนได้แต่แบบงูๆปลาๆเพราะไม่มีเวลา
จนตอนเรียนเราติดคณะภาษา ในมหาวิทยาลัยที่มีแต่เทพมาเรียน (และมันเลยทำให้เราได้รู้อะไรมากมาย)ที่นี่ส่วนมากจะเป็นเด็กศิลป์ที่เก่งเทพมากกกก ส่วนมากมาจากเตรียมอุดมและรร.เอกชนดังๆ
มันทำให้เรารู้เลยว่าการเรียนสายภาษาตั้งแต่ม.ปลายมามันสำคัญ
อย่างเราเรียนญี่ปุ่นงูๆปลาๆมาตั้งแต่ม.ปลายมานี่ เรียนเป็นวิชาโทสรุปจบปี4เราสอบได้แค่N3ทั้งที่เราคิดว่าเราฟิต เราขยันมากกกแล้วนะ(คณะที่เราจบมาต้องจบศิลป์ญี่ปุ่นเท่านั้นถึงเข้าเอกได้ เอกเยอรมัน เอกฝรั่งเศส ก็ต้องจบศิลป์ภาษานั้นๆมาเลย)
แล้วN3เนี่ย ที่ทำงานต่างๆเค้าไม่ได้ต้องการ มางูๆปลาๆเค้าต้องการN1อะไรแบบนี้ ที่จะมาทำงานด้านนี้จริงจัง พูดได้เหมือนnative ร่างสัญญา ติดต่อตปท.ให้เขาได้
เพื่อนที่เรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่นแบบตั้งใจเรียนมาก เค้าสอบN3ได้ตั้งแต่อยูม.5-ม.6 (ซึ่งเนี่ยเด็กสายศิลป์ที่เก่งจริงๆจะทำแบบนี้ได้. ก่อนจบปี3 ปี4เค้าสอบN1ได้แล้ว!)
จบมาก็สบายเลยเงินเดือนสูงมากๆ ใช้งานได้จริง
ที่ทำงานเราเจอวิศวกรหลายคนจบจากญี่ปุ่นมา คือไปเรียนโทหรือฝึกงานปี สองปี มันก็ยังไม่สามารถใช้ได้แบบนี้ คือใช้ได้แค่พอสื่อสารกับช่างทำนองนั้นเอง
หรืออย่างสายทูต นักการทูต มันจะได้เปรียบมากกก ถ้าคุณเรียนภาษามายาวนาน ม.ปลาย ญาติเราแต่งนักการทูต. นักการทูตคนนี้เรียนศิลป์ ฝรั่งเศส จบป.ตรีไออาร์ ธรรมศาสตร์ เรียนวิชาโทฝรั่งเศสมั้ง จบปี4สอบC1ได้ทั้งที่ไม่เคยไปฝรั่งเศสเลยในชีวิต(ขั้นสูงสุดคือC2) ก็ได้ทำกระทรวงตปท.สอบนักการทูตได้ ได้เปรียบเพราะไว้ไปประจำประเทศที่ใช้ภาษานี้ได้
(ซึ่งถามจริงๆ เด็กศิลป์ทั่วไปมาสอบก็ไม่ได้อะ เพราะเด็กศิลป์ส่วนมากที่ไม่ใช่พวกเทพ ก็มักไม่เก่ง หรือ ไม่ตั้งใจเรียน)
สายนิติ คนส่วนมากที่เรียนคือเด็กศิลป์ภาษา บางคนไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่มาเรียนนิติเพราะ เฮ่ย ชั้นอ่อนเลข ไม่เรียนวิศวะดีกว่า เรียนนิติก็เป็นวิชาชีพเหมือนกันน ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่!! เพราะคนที่จะไปถึงขั้นสูงสุดของอาชีพทางนิติได้ต้องเป็นเด็กสายศิลป์ที่เก่งมากๆๆๆ ก่อนอื่นเอนท์ให้ติดจุฬาหรือมธ. จากนั้นสอบเนติ จากนั้นจะสอบท่านปีนึงเป็นหมื่นรับ20คน สอบอัยการก็ยากกกอีก จะทำfirmดังๆคุณก็ต้องเก่งมาก
สรุปคือ ที่เราเล่ามาอาจจะวกวน แต่อยากสื่อให้เห็นว่า เด็กส่วนมากไปเรียนวิทย์เพราะกว้างดี และเด็กส่วนมากมาเรียนศิลป์เพราะแค่อ่อนเลข แต่ก็ยังไม่ได้เก่งภาษามากจริงๆ เพราะการจะเรียนสายศิลป์ให้ได้ดีนั้น คุณควรต้องเก่งภาษาจริงๆ ไม่ใช่มาเรียนเพราะอ่อนเลข!
อย่างพวกเพื่อนเราสมัยม.ต้นที่มันสอบเตรียมอุดมสายภาษาติด พวกนี้ตอนม.ต้นเก่งเลขกันมากกว่าเพื่อนในห้องที่ไปเรียนวิทย์ด้วยซ้ำ แต่เค้าไปสายภาษาเพราะเค้าเก่งจริงและจะเอาดีทางนี้!
ซึ่งเราคิดว่าเด็กวิทย์(บางคน เน้นว่าบางคน)ที่บอกว่าชั้นไปเรียนภาษาเสริมเอาข้างนอกได้ ก็ไม่มีทางเก่งภาษาแบบแปล ล่าม เขียนสัญญา ได้เท่าพวกนี้เกราะพวกนี้คือเรียนตั้งใจจริง
พอเรามาเรียนด้านนี้ทำให้เรารู้ว่าศาสตร์ทางศิลป์พวก มนุษยศาสตร์ นิติศาสตร์มันลึกซึ้งมาก คือ ถ้าคิดจะมาเรียนเพราะอยากหนีเลขก็อย่ามาเรียนเลย ให้มาเรียนเพราะเก่งหรือชอบทางนี้จริงๆ ไม่งั้นชีิวิตคุณไม่รุ่งแน่ จะจบที่เสมียน แคชเชียร์ทำนองนี้
เราเคยสอนพิเศษน้องคนหนึ่งเรียนเอกอิ๊งปี3แล้ว ม.เอกชนอินเตอร์ด้วยนะ แบบว่า งง เห้ย เขียนแบบนี้จะมาเรียนเอกอังกฤษทำไม มันfail มีการใข้กูเกิ้ลแปลให้อีก ซึ่งกูเกิ้ลมันแปลไม่ได้
น้องอีกคนที่เคยสอน บอกว่าลูกเรียนไม่เก่งเลยเรียนศิลป์เยอรมัน ซึ่งเราสอนอังกฤษก็ปรากฏว่าอ่นมากๆ. คือ ถ้าอ่อนภาษาขนาดนี้อย่ามาเรียนศิลป์ มันจะfailให้เรียนวิชาชีพไปเลย
น้องที่มาสม้ครงานจบม.เอกชน เอกอังกฤษเช่นกัน จะสมัครฝ่ายตปท. แต่ภาษาแบบ หืม จบเอกอังกฤษมาได้ไง สุดท้ายที่ทำงานบอกน้องสมัครแคชเชียร์ ฝ่ายเซลส์แทนไหม
สรุปอีกรอบคือ คนส่วนมากเข้าใจผิดไง ว่าวิทย์=เก่ง ศิลป์=อ่อน ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าจะเรียนสายสามัญเราว่าคุณต้องชอบทางวิชาการอย่างลึกซึ้ง. หรือ อย่างน้อยต้องเป็นคนชอบเรียน
ถ้าไม่ชอบเรียนจริงๆ ไม่ควรมาเรียนสายศิลป์ ควรเรียนสายอาชีพไปเลย เราว่ารัฐบาลควรสนับสนุนให้มันชัดเจนเลย ซึ่งใครไม่ชอบวิชาการแล้วยังไงก็ไม่เห็นเสียหาย
ความถนัดของคนไม่เหมือนกัน พี่เราเราไม่ชอบสายวิชาการ ไปเรียนด้านการฝีมือ วิชาชีพ จัดดอกไม้สวยมากกกกกกกกก ป.ตรีก็ต่อสายโรงแรม ตอนนี้ทำงานโรงแรม เงินดี ม่ความสุข งานก็ล้นมือ จัดดอกไม้นี่แหละ
ไม่ควรให้เด็กเลือกแผนวิทย์-ศิลป์ตั้งแต่อายุ15 มันเร็วไป ถ้าไม่ชอบวิชาการควรเรียนสายอาชีพเลยดีไหม?
เราเรียนสายวิทย์มาตอนม.ปลาย แล้วมาต่อสายศิลป์ในมหาวิทยาลัย
หนึ่ง เด็กอายุ14-15 ยังไม่รู้อะไร ส่วนมากยังไม่รู้ตัวตนตัวเองหรอก บางคนเรียนมาถึงม.ปลายยังไม่รู้ตัวเลย ก็เรียนวิทย์ไปก่อนกว้างดี
สอง พ่อแม่ส่วนมาก ก็ไม่ค่อยรู้ เอาจริงๆนะ ส่วนมากก็ให้ลูกเรียนวิทย์ไปก่อน เหตุผลเหมือนกัน คือ มันกว้างดี
สาม เกิดเป็นค่่านิยมเด็กเก่งเด็กเรียน ต้องเลือกวิทย์ เด็กศิลป์ คือ เกเร. เรียนอ่อน ซึ่งมันไม่ใช่!
เพราะจริงๆแล้วการเรียนสายศิลป์คนเรียนได้จริงๆต้องเรียนเก่งมาก หลายอาชีพก็ควรปูพื้นจากศิลป์ไปเลย
เราเองตอนแรกอยู่ม.ต้นห้องคิงเกรด4.00มาตลอด อยากเรียนภาษามาแต่แรก เลยไปสอบสายศิลป์ของเตรียมอุดม ผลคือ ไม่ติด 555
เลยกลับมารร.เดิม ซึ่งรร.เรานี่เด็กศิลป์ภาษามีแต่เด็กเกเร โดดเรียน เราคิดว่าเราอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นไม่ได้ เลยเรียนวิทย์ไป จะเรียนภาษาที่3ก็เรียนได้แต่แบบงูๆปลาๆเพราะไม่มีเวลา
จนตอนเรียนเราติดคณะภาษา ในมหาวิทยาลัยที่มีแต่เทพมาเรียน (และมันเลยทำให้เราได้รู้อะไรมากมาย)ที่นี่ส่วนมากจะเป็นเด็กศิลป์ที่เก่งเทพมากกกก ส่วนมากมาจากเตรียมอุดมและรร.เอกชนดังๆ
มันทำให้เรารู้เลยว่าการเรียนสายภาษาตั้งแต่ม.ปลายมามันสำคัญ
อย่างเราเรียนญี่ปุ่นงูๆปลาๆมาตั้งแต่ม.ปลายมานี่ เรียนเป็นวิชาโทสรุปจบปี4เราสอบได้แค่N3ทั้งที่เราคิดว่าเราฟิต เราขยันมากกกแล้วนะ(คณะที่เราจบมาต้องจบศิลป์ญี่ปุ่นเท่านั้นถึงเข้าเอกได้ เอกเยอรมัน เอกฝรั่งเศส ก็ต้องจบศิลป์ภาษานั้นๆมาเลย)
แล้วN3เนี่ย ที่ทำงานต่างๆเค้าไม่ได้ต้องการ มางูๆปลาๆเค้าต้องการN1อะไรแบบนี้ ที่จะมาทำงานด้านนี้จริงจัง พูดได้เหมือนnative ร่างสัญญา ติดต่อตปท.ให้เขาได้
เพื่อนที่เรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่นแบบตั้งใจเรียนมาก เค้าสอบN3ได้ตั้งแต่อยูม.5-ม.6 (ซึ่งเนี่ยเด็กสายศิลป์ที่เก่งจริงๆจะทำแบบนี้ได้. ก่อนจบปี3 ปี4เค้าสอบN1ได้แล้ว!)
จบมาก็สบายเลยเงินเดือนสูงมากๆ ใช้งานได้จริง
ที่ทำงานเราเจอวิศวกรหลายคนจบจากญี่ปุ่นมา คือไปเรียนโทหรือฝึกงานปี สองปี มันก็ยังไม่สามารถใช้ได้แบบนี้ คือใช้ได้แค่พอสื่อสารกับช่างทำนองนั้นเอง
หรืออย่างสายทูต นักการทูต มันจะได้เปรียบมากกก ถ้าคุณเรียนภาษามายาวนาน ม.ปลาย ญาติเราแต่งนักการทูต. นักการทูตคนนี้เรียนศิลป์ ฝรั่งเศส จบป.ตรีไออาร์ ธรรมศาสตร์ เรียนวิชาโทฝรั่งเศสมั้ง จบปี4สอบC1ได้ทั้งที่ไม่เคยไปฝรั่งเศสเลยในชีวิต(ขั้นสูงสุดคือC2) ก็ได้ทำกระทรวงตปท.สอบนักการทูตได้ ได้เปรียบเพราะไว้ไปประจำประเทศที่ใช้ภาษานี้ได้
(ซึ่งถามจริงๆ เด็กศิลป์ทั่วไปมาสอบก็ไม่ได้อะ เพราะเด็กศิลป์ส่วนมากที่ไม่ใช่พวกเทพ ก็มักไม่เก่ง หรือ ไม่ตั้งใจเรียน)
สายนิติ คนส่วนมากที่เรียนคือเด็กศิลป์ภาษา บางคนไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่มาเรียนนิติเพราะ เฮ่ย ชั้นอ่อนเลข ไม่เรียนวิศวะดีกว่า เรียนนิติก็เป็นวิชาชีพเหมือนกันน ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่!! เพราะคนที่จะไปถึงขั้นสูงสุดของอาชีพทางนิติได้ต้องเป็นเด็กสายศิลป์ที่เก่งมากๆๆๆ ก่อนอื่นเอนท์ให้ติดจุฬาหรือมธ. จากนั้นสอบเนติ จากนั้นจะสอบท่านปีนึงเป็นหมื่นรับ20คน สอบอัยการก็ยากกกอีก จะทำfirmดังๆคุณก็ต้องเก่งมาก
สรุปคือ ที่เราเล่ามาอาจจะวกวน แต่อยากสื่อให้เห็นว่า เด็กส่วนมากไปเรียนวิทย์เพราะกว้างดี และเด็กส่วนมากมาเรียนศิลป์เพราะแค่อ่อนเลข แต่ก็ยังไม่ได้เก่งภาษามากจริงๆ เพราะการจะเรียนสายศิลป์ให้ได้ดีนั้น คุณควรต้องเก่งภาษาจริงๆ ไม่ใช่มาเรียนเพราะอ่อนเลข!
อย่างพวกเพื่อนเราสมัยม.ต้นที่มันสอบเตรียมอุดมสายภาษาติด พวกนี้ตอนม.ต้นเก่งเลขกันมากกว่าเพื่อนในห้องที่ไปเรียนวิทย์ด้วยซ้ำ แต่เค้าไปสายภาษาเพราะเค้าเก่งจริงและจะเอาดีทางนี้!
ซึ่งเราคิดว่าเด็กวิทย์(บางคน เน้นว่าบางคน)ที่บอกว่าชั้นไปเรียนภาษาเสริมเอาข้างนอกได้ ก็ไม่มีทางเก่งภาษาแบบแปล ล่าม เขียนสัญญา ได้เท่าพวกนี้เกราะพวกนี้คือเรียนตั้งใจจริง
พอเรามาเรียนด้านนี้ทำให้เรารู้ว่าศาสตร์ทางศิลป์พวก มนุษยศาสตร์ นิติศาสตร์มันลึกซึ้งมาก คือ ถ้าคิดจะมาเรียนเพราะอยากหนีเลขก็อย่ามาเรียนเลย ให้มาเรียนเพราะเก่งหรือชอบทางนี้จริงๆ ไม่งั้นชีิวิตคุณไม่รุ่งแน่ จะจบที่เสมียน แคชเชียร์ทำนองนี้
เราเคยสอนพิเศษน้องคนหนึ่งเรียนเอกอิ๊งปี3แล้ว ม.เอกชนอินเตอร์ด้วยนะ แบบว่า งง เห้ย เขียนแบบนี้จะมาเรียนเอกอังกฤษทำไม มันfail มีการใข้กูเกิ้ลแปลให้อีก ซึ่งกูเกิ้ลมันแปลไม่ได้
น้องอีกคนที่เคยสอน บอกว่าลูกเรียนไม่เก่งเลยเรียนศิลป์เยอรมัน ซึ่งเราสอนอังกฤษก็ปรากฏว่าอ่นมากๆ. คือ ถ้าอ่อนภาษาขนาดนี้อย่ามาเรียนศิลป์ มันจะfailให้เรียนวิชาชีพไปเลย
น้องที่มาสม้ครงานจบม.เอกชน เอกอังกฤษเช่นกัน จะสมัครฝ่ายตปท. แต่ภาษาแบบ หืม จบเอกอังกฤษมาได้ไง สุดท้ายที่ทำงานบอกน้องสมัครแคชเชียร์ ฝ่ายเซลส์แทนไหม
สรุปอีกรอบคือ คนส่วนมากเข้าใจผิดไง ว่าวิทย์=เก่ง ศิลป์=อ่อน ทั้งที่จริงๆแล้วถ้าจะเรียนสายสามัญเราว่าคุณต้องชอบทางวิชาการอย่างลึกซึ้ง. หรือ อย่างน้อยต้องเป็นคนชอบเรียน
ถ้าไม่ชอบเรียนจริงๆ ไม่ควรมาเรียนสายศิลป์ ควรเรียนสายอาชีพไปเลย เราว่ารัฐบาลควรสนับสนุนให้มันชัดเจนเลย ซึ่งใครไม่ชอบวิชาการแล้วยังไงก็ไม่เห็นเสียหาย
ความถนัดของคนไม่เหมือนกัน พี่เราเราไม่ชอบสายวิชาการ ไปเรียนด้านการฝีมือ วิชาชีพ จัดดอกไม้สวยมากกกกกกกกก ป.ตรีก็ต่อสายโรงแรม ตอนนี้ทำงานโรงแรม เงินดี ม่ความสุข งานก็ล้นมือ จัดดอกไม้นี่แหละ