
เกริ่นนำจากผู้เผยแพร่ข้อมูลครับ (Rattanakosin)
วันนี้มีบทความเช่นเคย ที่ อ.ฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริสถาปนิก และนักผังเมืองอาวุโส ได้โพสต์ลงบนอัลบั้มใน Facebook ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์เพราะข้อมูลเช่นนี้ มีไม่มากที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชน อย่างที่รู้กันอยู่ครับ
อ้างอิงลิ้งก์อัลบั้มภาพทั้งหมด 5 ภาพใช้อธิบายในบทความนี้ครับ 
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.318329288282761.75895.100003170779894&type=1
***หมายเหตุ ภาพอธิบายส่วนใหญ่จะเป็นภาพแผนที่ และภาพวาดตัวอย่างถนนในลักษณะต่างๆ ท่านที่สนใจ พยายามอ่านและทำความเข้าใจกันครับ เพื่อเป็นข้อคิด หรือเป็นแนวทาง ที่อาจจะเป็นไปได้เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ในอนาคตครับ – ผู้เผยแพร่ (Rattanakosin)
เข้าสู่บทความในอัลบั้ม ส่วนภาพประกอบในอัลบั้มพร้อมคำอธิบายภาพ จะอยู่ล่างๆ ในท้ายบทความครับ
ข้อเสนอรื่อง ”ถนนในเมือง” โดย อ.ฉันทฤทธิ์วิโรจน์ศิริ สถาปนิก และนักผังเมืองอาวุโส
Copy//ถนนในเมืองส่วนใหญ่ของประเทศไทยที่เป็นสังคมเกษตรกรรมแต่เดิมมาไม่ได้มีการออกแบบวางแผนไว้สำหรับการใช้รถยนต์เป็นพาหนะหลักเมื่อสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไป มีรถยนต์เข้ามาวิ่งในเมืองมากขึ้นถนนบางสายก็ได้มีการขยายผิวจราจรออกไป โดยยอมเสียต้นไม้ริมทาง ทางเท้า ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตพื้นฐานของชุมชนเมืองบางที่การขยายถนนทำให้มีการรื้อทำลายสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างริมถนนที่มีคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมและคุณค่าต่อจิตใจของผู้คนผู้อยู่อาศัยในชุมชน
ทิศทางการจราจรของถนนยังเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาข้อมูลจากวิกิพีเดียแสดงว่าปัจจุบันคน 66% ของโลกอยู่ในประเทศที่มีการจราจรแบบชิดขวา(มีความยาวถนนรวมเป็น 72% ของโลก) และ 34% อยู่ในประเทศที่มีการจราจรแบบชิดซ้าย (มีความยาวถนน 28% ของโลก) ในภูมิภาคอาเซียนที่มีพรมแดนประเทศติดต่อกันพบว่า ไทย มาเลเซียสิงคโปร์ 3 ประเทศมีการจราจรแบบชิดซ้าย ในขณะที่ พม่า ลาวเวียตนาม กัมพูชา มีการจราจรแบบชิดขวา และหากจะนับประเทศจีน เข้ามาด้วยก็จะเป็น 5 ประเทศ 
http://en.wikipedia.org/wiki/Right-_and_left-hand_traffic
ในเมืองที่การขยายถนนเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากและเกิดเป็นความยุ่งยากอันตรายในการสัญจรมากขึ้นเมื่อพิจารณานำพาหนะทางเลือกอย่างจักรยานมาช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองแนวทางหนึ่งที่ใคร่นำเสนอคือการจัดให้เดินรถทางเดียวเพื่อเอาพื้นที่ถนนครึ่งหนึ่งมาใช้สำหรับจักรยานและเป็นที่จอดรถซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดแคลนในเมืองทั่วไปการเดินรถทางเดียวยังจะช่วยสร้างความปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองธุรกิจและย่านท่องเที่ยวซึ่งผู้คนจากหลากหลายประเทศขาดความคุ้นเคยกับจุดหมายปลายทางบนถนนและมีโอกาสสูงที่จะประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากความสับสนในทิศทางการเคลื่อนที่ของยานพาหนะในเมือง
การเดินรถทางเดียวในเมืองอาจทำให้บางคนต้องเพิ่มระยะทางการขับรถขึ้นเล็กน้อยแต่สำหรับในเมืองที่มีโครงข่ายถนนย่อยพอสมควรและไม่มีสภาพเป็น Superblock อย่างกรุงเทพฯความไม่สะดวกเพียงเล็กน้อยนี้น่าจะคุ้มค่าต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของคนทั้งเมืองและที่จริงหากพิจารณาจากสภาพการจราจรโดยทั่วไป ผู้ใช้รถก็มักต้องขับวนตามแนวถนนอยู่แล้วเนื่องจากการกลับรถบนถนนเพื่อย้อนกลับมาทางเดิมนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างลำบากบนถนนในเมืองส่วนใหญ่ที่มีขนาดเล็กและการจราจรค่อนข้างหนาแน่นการเดินรถทางเดียวยังอาจช่วยผ่อนคลายความคับคั่งของการจราจรโดยกระจายรถยนต์ไปยังพื้นที่ถนนอื่นๆในเมือง แทนที่จะมากระจุกตัวอยู่บนเส้นทางหลักเพียงไม่กี่ถนน
เมื่อสมัยผมเป็นนักศึกษาไปเที่ยวช่วงปิดภาคกันที่ภูกระดึง จังหวัดเลยมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งไม่แน่ใจว่าคณะสถาปัตย์หรือไม่พาแฟนไปด้วยแล้วแฟนไปประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตาย เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากการเกิดอุบัติเหตุมีความเป็นไปได้มากว่าเนื่องมาจากไปอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะเมื่อไปแบบนักท่องเที่ยว ความระมัดระวังตัวลดน้อยลง
อธิบายภาพแต่ละภาพครับในอัลบั้ม อ.ฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริ ในคอมเม้นท์ต่อไปครับ																															
 
						
ข้อเสนอดีๆเรื่อง ”ถนนในเมือง” โดย อ.ฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริ สถาปนิก และนักผังเมืองอาวุโส
เกริ่นนำจากผู้เผยแพร่ข้อมูลครับ (Rattanakosin)
วันนี้มีบทความเช่นเคย ที่ อ.ฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริสถาปนิก และนักผังเมืองอาวุโส ได้โพสต์ลงบนอัลบั้มใน Facebook ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์เพราะข้อมูลเช่นนี้ มีไม่มากที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชน อย่างที่รู้กันอยู่ครับ
อ้างอิงลิ้งก์อัลบั้มภาพทั้งหมด 5 ภาพใช้อธิบายในบทความนี้ครับ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.318329288282761.75895.100003170779894&type=1
***หมายเหตุ ภาพอธิบายส่วนใหญ่จะเป็นภาพแผนที่ และภาพวาดตัวอย่างถนนในลักษณะต่างๆ ท่านที่สนใจ พยายามอ่านและทำความเข้าใจกันครับ เพื่อเป็นข้อคิด หรือเป็นแนวทาง ที่อาจจะเป็นไปได้เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ในอนาคตครับ – ผู้เผยแพร่ (Rattanakosin)
เข้าสู่บทความในอัลบั้ม ส่วนภาพประกอบในอัลบั้มพร้อมคำอธิบายภาพ จะอยู่ล่างๆ ในท้ายบทความครับ
ข้อเสนอรื่อง ”ถนนในเมือง” โดย อ.ฉันทฤทธิ์วิโรจน์ศิริ สถาปนิก และนักผังเมืองอาวุโส
Copy//ถนนในเมืองส่วนใหญ่ของประเทศไทยที่เป็นสังคมเกษตรกรรมแต่เดิมมาไม่ได้มีการออกแบบวางแผนไว้สำหรับการใช้รถยนต์เป็นพาหนะหลักเมื่อสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไป มีรถยนต์เข้ามาวิ่งในเมืองมากขึ้นถนนบางสายก็ได้มีการขยายผิวจราจรออกไป โดยยอมเสียต้นไม้ริมทาง ทางเท้า ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตพื้นฐานของชุมชนเมืองบางที่การขยายถนนทำให้มีการรื้อทำลายสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างริมถนนที่มีคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมและคุณค่าต่อจิตใจของผู้คนผู้อยู่อาศัยในชุมชน
ทิศทางการจราจรของถนนยังเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาข้อมูลจากวิกิพีเดียแสดงว่าปัจจุบันคน 66% ของโลกอยู่ในประเทศที่มีการจราจรแบบชิดขวา(มีความยาวถนนรวมเป็น 72% ของโลก) และ 34% อยู่ในประเทศที่มีการจราจรแบบชิดซ้าย (มีความยาวถนน 28% ของโลก) ในภูมิภาคอาเซียนที่มีพรมแดนประเทศติดต่อกันพบว่า ไทย มาเลเซียสิงคโปร์ 3 ประเทศมีการจราจรแบบชิดซ้าย ในขณะที่ พม่า ลาวเวียตนาม กัมพูชา มีการจราจรแบบชิดขวา และหากจะนับประเทศจีน เข้ามาด้วยก็จะเป็น 5 ประเทศ http://en.wikipedia.org/wiki/Right-_and_left-hand_traffic
ในเมืองที่การขยายถนนเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบากและเกิดเป็นความยุ่งยากอันตรายในการสัญจรมากขึ้นเมื่อพิจารณานำพาหนะทางเลือกอย่างจักรยานมาช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองแนวทางหนึ่งที่ใคร่นำเสนอคือการจัดให้เดินรถทางเดียวเพื่อเอาพื้นที่ถนนครึ่งหนึ่งมาใช้สำหรับจักรยานและเป็นที่จอดรถซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดแคลนในเมืองทั่วไปการเดินรถทางเดียวยังจะช่วยสร้างความปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองธุรกิจและย่านท่องเที่ยวซึ่งผู้คนจากหลากหลายประเทศขาดความคุ้นเคยกับจุดหมายปลายทางบนถนนและมีโอกาสสูงที่จะประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากความสับสนในทิศทางการเคลื่อนที่ของยานพาหนะในเมือง
การเดินรถทางเดียวในเมืองอาจทำให้บางคนต้องเพิ่มระยะทางการขับรถขึ้นเล็กน้อยแต่สำหรับในเมืองที่มีโครงข่ายถนนย่อยพอสมควรและไม่มีสภาพเป็น Superblock อย่างกรุงเทพฯความไม่สะดวกเพียงเล็กน้อยนี้น่าจะคุ้มค่าต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของคนทั้งเมืองและที่จริงหากพิจารณาจากสภาพการจราจรโดยทั่วไป ผู้ใช้รถก็มักต้องขับวนตามแนวถนนอยู่แล้วเนื่องจากการกลับรถบนถนนเพื่อย้อนกลับมาทางเดิมนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างลำบากบนถนนในเมืองส่วนใหญ่ที่มีขนาดเล็กและการจราจรค่อนข้างหนาแน่นการเดินรถทางเดียวยังอาจช่วยผ่อนคลายความคับคั่งของการจราจรโดยกระจายรถยนต์ไปยังพื้นที่ถนนอื่นๆในเมือง แทนที่จะมากระจุกตัวอยู่บนเส้นทางหลักเพียงไม่กี่ถนน
เมื่อสมัยผมเป็นนักศึกษาไปเที่ยวช่วงปิดภาคกันที่ภูกระดึง จังหวัดเลยมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งไม่แน่ใจว่าคณะสถาปัตย์หรือไม่พาแฟนไปด้วยแล้วแฟนไปประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตาย เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากการเกิดอุบัติเหตุมีความเป็นไปได้มากว่าเนื่องมาจากไปอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะเมื่อไปแบบนักท่องเที่ยว ความระมัดระวังตัวลดน้อยลง
อธิบายภาพแต่ละภาพครับในอัลบั้ม อ.ฉันทฤทธิ์ วิโรจน์ศิริ ในคอมเม้นท์ต่อไปครับ