ต้องเรียนตามตรงสาขาอาชีพหรือแผนกแต่ละคน ก็มีขอบเขตการทำงานที่แตกต่างกันไป
ในบางตำแหน่งในบริษัทนึง ก็มีหลายคน ในบางตำแหน่งในแผนกก็ยังพอมีหลายคน
แต่บางตำแหน่งมีเพียงแค่คนเดียวทั้งบริษัทหรือองค์กร แต่มิได้หมายความว่าจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าทุกๆ คน
เพียงแต่หน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย มันล้น และบางทีการที่มีเพียงคนเดียวในองค์กร ก็จะตกเป็นเป้าหมายของความต้องการช่วยเหลือต่างๆ
แต่ไม่ใช่ปัญหา.. ความสามารถมีช่วยเหลือได้ จัดการเคลียร์งานต่างๆ ไม่ขาดตกบกพร่อง และหลายๆ ครั้งที่เคลียร์งานเสร้จก่อนเดทไลน์ ก็จะมีหน้าที่เพิ่มเข้ามาให้จัดการ มากขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรการันตีว่าแต่ละเดือน เราจะทำงานเสร้จก่อนเวลาแบบนี้ทุกครั้งหรือเปล่า แต่เมื่อต้องรับผิดชอบงานที่มากขึ้นในเดือนนี้แล้ว เดือนต่อไปก็ยังคงต้องประคองมันต่อไป มันเป็นโอกาสที่ดี ที่ได้ฝึกฝน และหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อยๆ ในด้านอื่นที่ไม่เคยได้สัมผัส
แต่พอวันนึง เมื่อร่างกายเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า ทรุดโทรม แม้ภายนอกจะดูสดใส ออร่า แต่มันสะสมค้างมาเรื่อยๆ การเข้างานเช้ากว่าปกติ แต่เลิกค่ำกว่าทั่วๆไป เป็นแค่สิ่งเริ่มต้น แต่เมื่อวันนึงเริ่มเป็นไข้ไม่สบายเล็กๆน้อยๆ ใจก็อยากลา อีกใจก็ต้องไป บางครั้งก้ต้องฝืนไป บางทีก็ต้องลาแค่วันเดียว จะขาดจะลาบ่อยๆ ก็ไม่ได้ มีเพียงคนเดียวที่รับผิดชอบด้านนี้ทั้งองค์กร จนมาถึงวันนี้ก็ยังรู้สึกร่างกายไม่ 100% อยู่แค่ราวๆ 75% คือไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแรง ตาพร่าบ่อยๆ มึนๆ หนักหัวหลายครั้ง
หลายๆ ครั้งที่เราเองก็มักจะดีใจ ที่ได้เงินเดือนตอบแทน ในราคาที่สูงจนใครๆ ต่างอิจฉา หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากมีเงินเดือนเยอะๆ อยากรวย อยากมั่นคง ในสถานะของคำว่า มนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะระดับตำแหน่งสูงขนาดไหนก็ตาม แต่วันนึงเมื่อเรามีกองเงินมากพอจนสุขใจ แต่ร่างกายอ่อนแอลง เราคิดว่ามันจะคุ้มค่าไหมในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่
ทำไมบางตำแหน่งที่ทำหน้าที่หาเงินเข้าบริษัท มีจำนวนมากมาย
ทำไมบางตำแหน่งมีหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือเป็นมดแรงงาน กลับมีจำนวนไม่น้อย
ทำไมบางตำแหน่งรับผิดชอบดูแลบริหารแต่ละส่วนก็มีมากพอสมควร
แต่ทำไม บางตำแหน่ง ที่แสดง "ภาพลักษณ์" ขององค์กรหลายๆ ที่ มักไม่ต้องการจำนวนมากกว่า
"หนึ่ง"
มีแค่
คนเดียว ก้เพียงพอ ซึ่งร้อยละ 80% ของบริษัทต่างๆ เป็นเช่นนี้ จนบางทีเราเองก็อยากขยับเปลี่ยนสายงาน
เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และ เติบโตกว่านี้
ความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ที่สวนทางกับสังขารร่างกาย
ในบางตำแหน่งในบริษัทนึง ก็มีหลายคน ในบางตำแหน่งในแผนกก็ยังพอมีหลายคน
แต่บางตำแหน่งมีเพียงแค่คนเดียวทั้งบริษัทหรือองค์กร แต่มิได้หมายความว่าจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าทุกๆ คน
เพียงแต่หน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย มันล้น และบางทีการที่มีเพียงคนเดียวในองค์กร ก็จะตกเป็นเป้าหมายของความต้องการช่วยเหลือต่างๆ
แต่ไม่ใช่ปัญหา.. ความสามารถมีช่วยเหลือได้ จัดการเคลียร์งานต่างๆ ไม่ขาดตกบกพร่อง และหลายๆ ครั้งที่เคลียร์งานเสร้จก่อนเดทไลน์ ก็จะมีหน้าที่เพิ่มเข้ามาให้จัดการ มากขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรการันตีว่าแต่ละเดือน เราจะทำงานเสร้จก่อนเวลาแบบนี้ทุกครั้งหรือเปล่า แต่เมื่อต้องรับผิดชอบงานที่มากขึ้นในเดือนนี้แล้ว เดือนต่อไปก็ยังคงต้องประคองมันต่อไป มันเป็นโอกาสที่ดี ที่ได้ฝึกฝน และหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อยๆ ในด้านอื่นที่ไม่เคยได้สัมผัส
แต่พอวันนึง เมื่อร่างกายเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า ทรุดโทรม แม้ภายนอกจะดูสดใส ออร่า แต่มันสะสมค้างมาเรื่อยๆ การเข้างานเช้ากว่าปกติ แต่เลิกค่ำกว่าทั่วๆไป เป็นแค่สิ่งเริ่มต้น แต่เมื่อวันนึงเริ่มเป็นไข้ไม่สบายเล็กๆน้อยๆ ใจก็อยากลา อีกใจก็ต้องไป บางครั้งก้ต้องฝืนไป บางทีก็ต้องลาแค่วันเดียว จะขาดจะลาบ่อยๆ ก็ไม่ได้ มีเพียงคนเดียวที่รับผิดชอบด้านนี้ทั้งองค์กร จนมาถึงวันนี้ก็ยังรู้สึกร่างกายไม่ 100% อยู่แค่ราวๆ 75% คือไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแรง ตาพร่าบ่อยๆ มึนๆ หนักหัวหลายครั้ง
หลายๆ ครั้งที่เราเองก็มักจะดีใจ ที่ได้เงินเดือนตอบแทน ในราคาที่สูงจนใครๆ ต่างอิจฉา หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากมีเงินเดือนเยอะๆ อยากรวย อยากมั่นคง ในสถานะของคำว่า มนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะระดับตำแหน่งสูงขนาดไหนก็ตาม แต่วันนึงเมื่อเรามีกองเงินมากพอจนสุขใจ แต่ร่างกายอ่อนแอลง เราคิดว่ามันจะคุ้มค่าไหมในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่
ทำไมบางตำแหน่งที่ทำหน้าที่หาเงินเข้าบริษัท มีจำนวนมากมาย
ทำไมบางตำแหน่งมีหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือเป็นมดแรงงาน กลับมีจำนวนไม่น้อย
ทำไมบางตำแหน่งรับผิดชอบดูแลบริหารแต่ละส่วนก็มีมากพอสมควร
แต่ทำไม บางตำแหน่ง ที่แสดง "ภาพลักษณ์" ขององค์กรหลายๆ ที่ มักไม่ต้องการจำนวนมากกว่า "หนึ่ง"
มีแค่ คนเดียว ก้เพียงพอ ซึ่งร้อยละ 80% ของบริษัทต่างๆ เป็นเช่นนี้ จนบางทีเราเองก็อยากขยับเปลี่ยนสายงาน
เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และ เติบโตกว่านี้