
วันก่อนลุงข้างห้องเสียชีวิตภายในห้องอย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครรู้ชะตาวาระสุดท้ายของแกแม้แต่คนเดียว...หาได้มีสิ่งอื่นใดที่จะโหยหาส่งเสียงสุดท้ายให้ใครๆเข้าไปปลอบขวัญช่วยเหลือก่อนจากไป...อย่างไม่มีวันกลับ จนสองวันให้หลังธรรมชาติผู้มีความปราณี ช่วยส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เพื่อเตือนสติผู้ผ่านไปมาแถวนั้น ให้รู้ว่าช่วยข้าที มีผู้จากโลกนี้ไปแล้วนอน อยู่อย่างเดียวดายที่นี่ ช่วยข้าออกไปที ปลดปล่อยข้าจากห้องแคบๆเล็กๆห้องนี้เถิด ในตึกนี้มัคนไม่ต่ำกว่า 600 ชีวิต แม่บ้าน 2 คน รปภ. 2 คน ไม่มีใครสะกิดใจเรื่องกลิ่นที่เกิดขึ้นเลย ต่างคิดไปเองต่างๆนาๆว่าคงมีใครสักคนตากปลาทิ้งไว้จนส่งกลิ่นออกมา....รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยก็ไม่ได้คิดเอามาใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จนวันที่สามธรรมชาติก็ซ้ำเติมกลิ่นเพิ่มเป็นทวีคูณเพื่อส่งเสียงเรียกครั้งสุดท้าย จนทุกคนในชั้นของตึกต้องเริ่มสงสัยว่ากลิ่นนี้มันมาจากไหน อะไรคือต้นเหตุ....เมื่อลองเดินไปตามทางของกลิ่นก็ไปหยุดอยู่ตรงห้องลุงคนหนึ่ง...ที่แกอายุประมาณ หกสิบกว่าๆ เป็นข้าราชการเกษียณแล้ว มาอาศัยอยู่คนเดียวหลายปี หลังๆสุขภาพของแกไม่ค่อยดีต้องประคองด้วยไม้เท้าตลอด แกเดินขึ้นลงตึกวันละไม่กี่รอบตามภาวะสังขาร ปกติแกจะไปนั่งป้ายรถเมล์บ้าง โต๊ะ รปภ.บ้าง หรือไม่ก็เดินไปมาแถวนั้น มีเพียงคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่คอยถามสารทุกข์ คนอื่นแค่มองแล้วผ่านไป ตอนนี้ทุกคนที่ตามกลิ่นมาได้หยุดอยู่หน้าห้องลุงคนนี้ และรปภ.เริ่มวิทยุแจ้งหัวหน้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อขอกุญแจสำรองไขเข้าไป แต่ลุงก็ไม่ได้ล๊อกลูกบิด ปิดแต่ประตูเหล็กดัดไว้ รปภ.จึงค่อยๆล้วงมือเข้าไปบิดลูกบิดช้าๆ ก่อนแง้มประตูเข้าไป แต่เมื่อช่องระบายได้เปิดออก ความอัดอั้นของกลิ่นภายในได้เมื่อได้ปลดปล่อยก็ฟุ้งกระจายออกมาจนไม่มีใครไม่เอามือขึ้นปิดจมูกตังเอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิมาถึงพอดี ก็เปิดประตูออก ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คุณลุงนอนหงายอยู่บนเตียงไม้ นอนเฉียงๆห้อยขาลงมา แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปร่ากายกำลังเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ ทั้งน้ำเหลืองและเลือดก็ไหลนองพื้น แกขึ้นอืดจนไม่มีใครจำหน้าได้ ลำตัวก็บวมอืดเขียวคล้ำ จากคนตัวเล็กๆ กลับกลายเป็นคนอ้วนท้องโต ขาชี้ตึง มือผายออกทั้งห้านิ้ว วินาทีนั้นทุกอย่างเงียบสงบทุกคนก็ไปหลบกลิ่นในห้องตัวเองมีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนคอยจัดการเก็บสิ่งของต่างๆของลุง ถ่ายถาพพิสูจน์หลักฐาน แจ้งญาติ ตามกระบวนการกฏหมาย ไม่นานน้องชายแกก็มา แต่ก็ต้องรีบไปแจ้งความ เสียงการพูดคุยของคนด้านล่างเริ่มดังขึ้น มีคนเข้ามารอดูด้านนอกหลายคนตามธรรมดาไทยมุง ได้ยินเสียงป้าคนหนึ่งพูดขึ้นว่า“
นานๆจะมีญาติมาเยี่ยมแกและกลับไป ไม่เคยมีใครมาค้างกับแกหรอก” จนเจ้าหน้าที่เอาศพลงไปใส่รถ และทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย...ความเงียบจึงเริ่มเข้ามาหลังจากวันนั้น...วันนี้ชั้นสองดูเงียบเหงากว่าเดิมมาก ไม่ค่อยมีคนเดินไปมาตอนกลางคืน ต่างคนก็อยู่ภายในห้องของตัวเอง ผ่านไปอาทิตย์กว่าก็มีพระมาทำพิธีเชิญวิญญาณของลุงออกจากห้องตอนเช้าๆ ก่อนเจ้าของห้องนำป้ายมาแปะหน้าห้องด้วยกระดาษ A4 ข้อความว่า ให้เช่า สนใจติดต่อ 080-0xxxxx เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
จากเรื่องนี้ผู้เขียนก็นึกถึงกฏทางธรรมชาติในการให้กำเนิดสิ่งต่างๆในโลกนี้ เมื่อธรรมชาติสร้างมันขึ้นมาได้ก็เอาคืนได้เหมือนกัน และกลไกทางธรรมชาตินั้นน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทั้งผลิต พัฒนา ส่งออก ใช้งาน และจัดเก็บ...ไม่เหลือเพียงแต่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเหมือนประหนึ่งว่าไม่มีคนคนนั้น ชีวิตนั้น เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีเพียงความทรงจำเรื่องราวต่างๆของคนรอบข้างที่บึนทึกไว้ ชั่วคราวไม่นานก็ลืมเลือนหายไปเช่นกัน...ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาและ ชำระล้างให้หายไปได้อย่างหมดจด ไม่มีเหลือ.... แล้วมนุษย์ละก่อนสลายหายไปกับธรรมชาติ ได้ทำประโยชน์ให้ตนเองหรือคนอื่นบ้างหรือยัง (บทความครั้งแรกในชีวิต ขอแสดงความอาลัย ลุงคนนั้นผู้จากไป)
ธรรมชาติหมดจด...
วันก่อนลุงข้างห้องเสียชีวิตภายในห้องอย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครรู้ชะตาวาระสุดท้ายของแกแม้แต่คนเดียว...หาได้มีสิ่งอื่นใดที่จะโหยหาส่งเสียงสุดท้ายให้ใครๆเข้าไปปลอบขวัญช่วยเหลือก่อนจากไป...อย่างไม่มีวันกลับ จนสองวันให้หลังธรรมชาติผู้มีความปราณี ช่วยส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เพื่อเตือนสติผู้ผ่านไปมาแถวนั้น ให้รู้ว่าช่วยข้าที มีผู้จากโลกนี้ไปแล้วนอน อยู่อย่างเดียวดายที่นี่ ช่วยข้าออกไปที ปลดปล่อยข้าจากห้องแคบๆเล็กๆห้องนี้เถิด ในตึกนี้มัคนไม่ต่ำกว่า 600 ชีวิต แม่บ้าน 2 คน รปภ. 2 คน ไม่มีใครสะกิดใจเรื่องกลิ่นที่เกิดขึ้นเลย ต่างคิดไปเองต่างๆนาๆว่าคงมีใครสักคนตากปลาทิ้งไว้จนส่งกลิ่นออกมา....รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยก็ไม่ได้คิดเอามาใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จนวันที่สามธรรมชาติก็ซ้ำเติมกลิ่นเพิ่มเป็นทวีคูณเพื่อส่งเสียงเรียกครั้งสุดท้าย จนทุกคนในชั้นของตึกต้องเริ่มสงสัยว่ากลิ่นนี้มันมาจากไหน อะไรคือต้นเหตุ....เมื่อลองเดินไปตามทางของกลิ่นก็ไปหยุดอยู่ตรงห้องลุงคนหนึ่ง...ที่แกอายุประมาณ หกสิบกว่าๆ เป็นข้าราชการเกษียณแล้ว มาอาศัยอยู่คนเดียวหลายปี หลังๆสุขภาพของแกไม่ค่อยดีต้องประคองด้วยไม้เท้าตลอด แกเดินขึ้นลงตึกวันละไม่กี่รอบตามภาวะสังขาร ปกติแกจะไปนั่งป้ายรถเมล์บ้าง โต๊ะ รปภ.บ้าง หรือไม่ก็เดินไปมาแถวนั้น มีเพียงคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่คอยถามสารทุกข์ คนอื่นแค่มองแล้วผ่านไป ตอนนี้ทุกคนที่ตามกลิ่นมาได้หยุดอยู่หน้าห้องลุงคนนี้ และรปภ.เริ่มวิทยุแจ้งหัวหน้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อขอกุญแจสำรองไขเข้าไป แต่ลุงก็ไม่ได้ล๊อกลูกบิด ปิดแต่ประตูเหล็กดัดไว้ รปภ.จึงค่อยๆล้วงมือเข้าไปบิดลูกบิดช้าๆ ก่อนแง้มประตูเข้าไป แต่เมื่อช่องระบายได้เปิดออก ความอัดอั้นของกลิ่นภายในได้เมื่อได้ปลดปล่อยก็ฟุ้งกระจายออกมาจนไม่มีใครไม่เอามือขึ้นปิดจมูกตังเอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิมาถึงพอดี ก็เปิดประตูออก ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คุณลุงนอนหงายอยู่บนเตียงไม้ นอนเฉียงๆห้อยขาลงมา แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปร่ากายกำลังเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ ทั้งน้ำเหลืองและเลือดก็ไหลนองพื้น แกขึ้นอืดจนไม่มีใครจำหน้าได้ ลำตัวก็บวมอืดเขียวคล้ำ จากคนตัวเล็กๆ กลับกลายเป็นคนอ้วนท้องโต ขาชี้ตึง มือผายออกทั้งห้านิ้ว วินาทีนั้นทุกอย่างเงียบสงบทุกคนก็ไปหลบกลิ่นในห้องตัวเองมีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนคอยจัดการเก็บสิ่งของต่างๆของลุง ถ่ายถาพพิสูจน์หลักฐาน แจ้งญาติ ตามกระบวนการกฏหมาย ไม่นานน้องชายแกก็มา แต่ก็ต้องรีบไปแจ้งความ เสียงการพูดคุยของคนด้านล่างเริ่มดังขึ้น มีคนเข้ามารอดูด้านนอกหลายคนตามธรรมดาไทยมุง ได้ยินเสียงป้าคนหนึ่งพูดขึ้นว่า“นานๆจะมีญาติมาเยี่ยมแกและกลับไป ไม่เคยมีใครมาค้างกับแกหรอก” จนเจ้าหน้าที่เอาศพลงไปใส่รถ และทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย...ความเงียบจึงเริ่มเข้ามาหลังจากวันนั้น...วันนี้ชั้นสองดูเงียบเหงากว่าเดิมมาก ไม่ค่อยมีคนเดินไปมาตอนกลางคืน ต่างคนก็อยู่ภายในห้องของตัวเอง ผ่านไปอาทิตย์กว่าก็มีพระมาทำพิธีเชิญวิญญาณของลุงออกจากห้องตอนเช้าๆ ก่อนเจ้าของห้องนำป้ายมาแปะหน้าห้องด้วยกระดาษ A4 ข้อความว่า ให้เช่า สนใจติดต่อ 080-0xxxxx เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
จากเรื่องนี้ผู้เขียนก็นึกถึงกฏทางธรรมชาติในการให้กำเนิดสิ่งต่างๆในโลกนี้ เมื่อธรรมชาติสร้างมันขึ้นมาได้ก็เอาคืนได้เหมือนกัน และกลไกทางธรรมชาตินั้นน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทั้งผลิต พัฒนา ส่งออก ใช้งาน และจัดเก็บ...ไม่เหลือเพียงแต่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเหมือนประหนึ่งว่าไม่มีคนคนนั้น ชีวิตนั้น เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีเพียงความทรงจำเรื่องราวต่างๆของคนรอบข้างที่บึนทึกไว้ ชั่วคราวไม่นานก็ลืมเลือนหายไปเช่นกัน...ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาและ ชำระล้างให้หายไปได้อย่างหมดจด ไม่มีเหลือ.... แล้วมนุษย์ละก่อนสลายหายไปกับธรรมชาติ ได้ทำประโยชน์ให้ตนเองหรือคนอื่นบ้างหรือยัง (บทความครั้งแรกในชีวิต ขอแสดงความอาลัย ลุงคนนั้นผู้จากไป)