รายงานพิเศษ : อีโคคาร์ ระเบิดเวลาสถาบันการเงิน

ใครซื้ออีโคคาร์ยกมือขึ้น? อาจจะเป็นคำถามที่ทำให้เจ้าของรถหรือผู้ที่คาดว่า
อยากจะซื้อรถ สงสัยว่าซื้อแล้วทำไม? อะไร? อย่างไร? หากแต่ว่าคำถามนี้ เกิดขึ้นเพราะต้นปีที่
ผ่านมา สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อรถคันแรกนี้ เริ่มออกมาส่งสัญญาณให้ตลาดได้รับรู้ว่าการ
ผ่อนชำระของลูกหนี้เริ่มจะมีปัญหาแล้ว และจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จึงเป็นเรื่องที่
น่าติดตาม เพราะอย่างที่ทราบกันว่าด้วยนโยบายคืนภาษีรถคันแรก ส่งผลให้มียอดจองซื้อรถทุบ
สถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีทั้งที่ซื้อเพราะต้องการนำมาใช้งานจริงจัง หรือซื้อเพราะแรงกระตุ้น
จากภาษีทั้งที่ความจำเป็นอาจไม่ได้มีมากนักก็ตาม
    ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ภายใน
ประเทศปี 2555 อยู่ที่ 1,436,335 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่
80.90% โดยนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท เปิดเผยว่า ใน
รอบปี 2555 มียอดขายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องจากนโยบายรถยนต์คันแรกที่
กระตุ้นยอดขายรถได้มากเพียงนี้
    หากเราย้อนมาดูฝั่งสถาบันการเงินกันบ้าง ในฐานะที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ พบ
ว่า สถาบันการเงินเริ่มที่จะมีความเสี่ยงกับการผ่อนชำระของลูกค้า เพราะหลังจากที่ลูกค้าได้เงิน
ภาษีคืน 100,000 บาท อาจเลือกที่จะไม่ผ่อนชำระต่อ แม้ว่าจะมีเงื่อนไขในการครอบครองรถขั้น
ต่ำ 5 ปีก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่ายังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด  
    อีกเสียงสะท้อนจากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายหนึ่ง เปิดเผยกับ
eFinanceThai.com ว่า ที่ผ่านมามีลูกค้ามาจองซื้อรถกันค่อนข้างมาก รายได้เฉลี่ยต่อเดือน
หมื่นกว่าบาท สิ่งที่เห็นชัดเจนคือลูกค้ามีเงิน 5 พันบาทมาจองรถ ซึ่งรถผลิตไม่ทันจึงต้องรอส่ง
มอบในอีกประมาณ 5-6เดือนและเมื่อมีรถพร้อมส่งมอบและนัดโอนก่อนถึงเวลาที่กำหนด ลูกค้า
กลับบอกว่ายังไม่พร้อม จะพร้อมก็ต่อเมื่อครบตามกำหนดเวลา 5-6 เดือน
    สิ่งนี้สะท้อนว่า ลูกค้าที่มาจองซื้อรถนั้น มีเพียงเงินมาจอง 5 พันบาทเท่านั้น ส่วนเงิน
ดาวน์รถนั้น อาจวางแผนเก็บออมในช่วงระหว่างที่รอรับรถแต่ไม่ได้คำนึงต่อไปว่า ค่าดูแล บำรุง
รักษา และอื่นๆ นั้นยังต้องมีตามมาอีกมาก ดังนั้น โอกาสที่จะผ่อนไม่ไหวนั้นมีสูงมาก แต่การที่
กล้าตัดสินใจมาจองรถ เพียงเพราะต้องการอยากได้ส่วนลด 1 แสนบาท เท่านั้น!
    สอดคล้องกับที่ผู้บริหารจาก 'ลีสซิ่งกสิกรไทย ' เริ่มออกมาบ่นแล้วว่า กรณี หนี้เอ็นพี
แอลจากโครงการรถยนต์คันแรก เห็นสัญญาณตัวเลขเอ็นพีแอลล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย.ปี 2555
เพิ่มขึ้นจาก1.12%เป็น 1.35 % การขึ้นถึง 20 กว่าจุด เป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากรถคันแรกที่
มีการออกไปตั้งแต่ ก.ย. ปี 2554 แต่มาออกกันจริงๆ ในปี 2555 ค่อนข้างมากขึ้น เนื่องมาจากผู้
ซื้อรถกลุ่มนี้มีความสามารถที่จำกัด มีรายได้ค่อนข้างพอดี เช่น 10,000 บาทต่อเดือน คาดหวังว่า
ซื้อรถผ่อนเดือนละ 5,000 บาท จะสามารถจ่ายได้ อาจจะไม่ได้คำนวณดีว่า ซื้อรถคันหนึ่งก็มีค่า
ใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก ต้องเติมค่าน้ำมันเดือนละกี่พัน ต้องเสียค่าจอดรถ ค่าทางด่วนอีก
ด้วย จะทำให้ลูกค้า กลุ่มนี้มีปัญหาเพิ่มขึ้นได้
    ทั้งนี้ ข้อเสียคือ ไปปล่อยเงื่อนไขดาวน์ต่ำ แค่ 10% หรือ 5 % แล้วให้ผ่อนชำระนาน
เกิน 60 เดือน เป็น 72 เดือน 84 เดือน ถ้าลูกค้าที่วางเงินดาวน์น้อย ผ่อนยาวความสามารถมักจะ
น้อย และมักจะเสียในอนาคตได้มาก
    ' ตัวเลขหนี้เอ็นพีแอลจะเห็นได้อย่างเร็วที่สุด ประมาณกลางปีนี้ เพราะว่ามาตรการ
รถคันแรกเริ่มต้น 16 ก.ย. 2554 ก็จริง แต่หลังจากนั้นเกิดภาวะน้ำท่วม บริษัทรถยนต์ได้มาผลิต
รถเต็มที่ ส่งมอบรถได้เต็มที่ตั้งแต่ เม.ย. 2555 ที่ผ่านมา กว่าจะครบรอบ 1 ปี คืนภาษี คือ เม.
ย.2556 ปีนี้ เมื่อได้รับคืนภาษีแล้ว จะเห็นภาพชัดเจนว่า ความสามารถในการชำระหนี้ ยังคงดีอยู่
ไหม เช่นเอาเงินตัวนี้มาชำระหนี้หรือเปล่า หรือว่าเอาไปใช้อย่างอื่น ถ้าเอาเงินตัวนี้ไปใช้หนี้ น่าจะ
ทำให้หนี้ดีขึ้น แต่ว่าถ้าเอาเงินไปใช้อย่างอื่น จะเป็นปัญหาเอ็นพีแอลของลูกค้ากลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น'
นายอิสระ กล่าว
    ขณะที่ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มาตรการภาษีรถคันแรก ส่งผลต่อการ
เติบโตในอัตราเร่งของสินเชื่อเช่าซื้อรถในระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2555-2556 โดยคาดว่าจะ
ส่งผลให้ขนาดสินเชื่อเช่าซื้อแตะระดับ 1 ล้านล้านบาทในปี 2556 ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยในระดับ
กว่า 30% ติดต่อกันสองปี ทำให้เรื่องคุณภาพหนี้ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะหลัง
จากลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพราะหวังสิทธิภาษีเริ่มได้รับเงินภาษีคืน เนื่องจากผู้ประกอบการเช่าซื้อบาง
รายยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการคงเงื่อนไขการวางเงินดาวน์ใน
ระดับต่ำอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยได้แข่งกันจนถึงระดับต้นทุนแล้ว
    อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับมามองที่มาตรวัดด้านคุณภาพหนี้ อันได้แก่ สัดส่วนเอ็นพี
แอลของสินเชื่อเช่าซื้อในระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 นั้น พบว่าไต่ระดับสูง
ขึ้นเพียงเล็กน้อย มาที่ 1.32% จาก 1.15% ของช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลของฐานยอดคง
ค้างสินเชื่อเช่าซื้อที่โตดีมากถึง 33.6%
    ทั้งนี้  การประเมินจากมิติของจำนวน พบว่าเร่งตัวขึ้นถึง 52% จากช่วงเดียวกันปี
ก่อน มาที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนเริ่มแรกที่บ่งบอกถึงประเด็น
คุณภาพสินทรัพย์ และทำให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจยังไม่ใช่ภาวะเสี่ยงสูงสุดของ
ปัญหาคุณภาพหนี้ หลังข้อมูลล่าสุดที่มี คือ ในเดือนกันยายน 2555 นั้นเป็นช่วงที่เพิ่งผ่านการครบ
กำหนดถือครองรถครบปีและเข้าเกณฑ์ได้รับเงินภาษีคืนของผู้ซื้อในระยะแรกเริ่มโครงการมาไม่
นานนัก
    ขณะที่หากพิจารณาจากเงื่อนเวลาของการเริ่มได้รับเงินคืนจากภาครัฐ ผนวกกับการ
ที่อาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ซื้อกลุ่มเสี่ยง จะได้รับผล
กระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และ/หรือปัญหาเสถียรภาพด้านรายได้ ตลอดจนยอดการใช้สิทธิที่
ยังค่อนข้างกระจุกตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ถึงครึ่งแรกของปี 2556 จากการขยายเวลาการ
ขอรับสิทธิไปถึงสิ้นปี 2555 โดยที่สามารถรับรถได้ถึงปี 2556 ทำให้คาดว่าอาจต้องจับตา
ประเด็นคุณภาพหนี้ที่อาจจะเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2556
    ....ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า ครึ่งหลังปีนี้ กลุ่มธุรกิจให้เช่าซื้อรถ
ยนต์จะเป็นอย่างไร เพราะหากระเบิดเวลาลูกแรกคือมีหนี้เสียมากขึ้น การตั้งสำรองก็ยิ่งมากขึ้น
ตาม สุดท้ายก็จะไปกระทบกับกำไรของบริษัทที่ปล่อยสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารพาณิชย์ บริษัท
ในกลุ่มเช่าซื้อ เพราะเงินส่วนหนึ่งต้องกันมาตั้งสำรอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า ผลกระทบ
ก็จะตกอยู่กับประชาชนผู้ที่ผ่อนชำระค่างวด และหากมีปัญหานี้เกิดขึ้น แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบ
ไปสู่วงกว้างเป็นลูกโซ่ต่อไปเป็นระเบิดเวลาลูกที่สอง...

ประมาณการยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2556
ปี ยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อ
(ล้านบาท) อัตราเพิ่ม(% YoY)
2551      359,331 22.9%
2552     385,292 7.2%
2553     498,980 29.5%
2554     612,714 22.8%
ม.ค.-ก.ย. 55*749,889 33.6%
2555F     830,000-850,000 35-39%
2556F     1.05-1.13 ล้าน 27-33%

ประมาณการโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันยานยนต์ และบริษัทโตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย)


                
                


รายงาน   โดย ชัชชญา  อังคุลี
เรียบเรียง โดย ชัชชญา  อังคุลี
อนุมัติ    โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น  commentnews@efinancethai.com




ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย     วันที่   31/01/13   เวลา   11:37:12
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่