"คืนวันเสาร์ ถึงเช้าวันจันทร์" เป็นหนังที่ผู้เขียน ไม่เสียเงินดูในโรงเพราะหนังตัวอย่าง
ทำให้รู้สึกว่า แดน เดินตามทาง ผู้กำกับคู่บุญรุ่นพี่อย่าง พี่ยอร์จ แต่เมื่อเช่ามาดูแล้วกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
แดน รู้เรื่องและเข้าใจความเป็นศาสตร์ของหนังมากกว่า และเชื่อว่า แดน เริ่มมีแฟนหนังเพิ่มมากขึ้น
ไม่นับแฟนเพลงที่สะสมมาอย่างยาวนาน เพราะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจพิถีพิถันกับงาน กำกับ เรื่องแรก
ตัวเรื่องถูกขึ้นโครงจากแนวหนังฝรั่งต่างๆมากมาย ที่ดูไปก็แวะนึกถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ข้อด้อยส่วนนี้
ถูกทดแทนด้วยรายละเอียดระหว่างทางของเรื่อง ที่ต้องบอกว่าถ้า แดน เขียนบทเองจริงๆ
เขาเข้าใจศาสตร์การเขียนบทหนังจริงๆ และฉลาดในการนำมาปรับใช้ หลายๆครั้งที่คนดูคิดว่า
อ๋อ เดี๋ยวมันต้องแบบนี้แน่ๆ แต่ในหลายๆครั้งสร้างความประหลาดใจ จนคนดูเริ่มปล่อยวาง
และเริ่มสัมผัสได้ว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้สักแต่ได้แรงบันดาลใจมาแน่ๆ นี่คือข้อดีมากๆของบทหนังเรื่องนี้
ในเรื่องงานแสดง ทีมนักแสดงทำได้ตามมาตรฐานหนังเบาสมองแบบไทยๆ ไม่มีอะไรใหม่
แต่เป็นความคุ้นเคยที่ไม่เสียหายอะไร และยังทำให้เห็นว่า นักแสดงประกอบอาชีพบ้านเรา
มีคุณภาพใช่เล่น อันนี้น่าจะต้องให้เครดิตทีมแคสติ้ง ที่เลือก "คุณยาย" ได้ถูกคนจริงๆ
งานภาพยังติดๆขัดๆบ้าง อาจเป็นเพราะความใหม่ของ แดน บวกกับวัฒนธรรมไม่เป็นไรของบ้านเรา
ทำให้ช๊อตง่ายๆ ที่เป็นซีนสำคัญของเรื่อง หนังหลุดโฟกัสไปอย่างน่าเสียดาย
และดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับ สต๊อคช๊อต มากนัก จะเห็นได้จากรอยต่อระหว่างซีน
ที่เหมือนให้ทีมงานอีกระดับไปเก็บๆกันมาหลังถ่ายกันเสร็จแล้วมากกว่า
งาน setฉาก หาLo ทำได้อย่างลงตัว เป็นตัวอย่างของการไม่ต้องถมsetให้เต็ม แต่ออกมาดูดี
งานลำดับภาพทำได้ดีมาก และ แปลกใจเล็กน้อยเมื่อย้อนไปดูเครดิต ใช้ ผู้ลำดับภาพถึง 4 คน
อาจเป็นเพราะฟุตเทจจำนวนมหาศาล ที่เป็นหนึ่งข้อดีของการถ่ายหนังด้วยระบบดิจิตอล
ที่ตอบโจทย์การแสดงของหนังแนวนี้ นั่นไม่ใช่ข้อเสียอะไร เป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ
เพราะผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้หนังออกมาดู สนุก เพลิดเพลิน และ ขำได้บ้าง
ส่วนเรื่องเพลงไม่ต้องสืบ เป็นจุดเด่นที่สุดและตัวช่วยชั้นดี คอยประคองเรื่องไว้ตลอด
ที่สำคัญที่สุดตอนจบของเรื่อง ที่ไม่เลือกจะทำร้าย หรือ ชี้นำมอมเมา สังคม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลุ้นนิดๆว่า ไม่ให้ ชวด ไปแย่งความรักมาจาก ปกป้อง กับ เพ๊ญ ที่คบกันมา 6 ปี
หนึ่งในข้อดีสุดๆที่ ผู้เขียนบอกไว้ข้างบน " อ๋อ เดี๋ยวมันต้องแบบนี้แน่ๆ แต่ในหลายๆครั้งสร้างความประหลาดใจ "
เป็นความประหลาดใจที่รู้สึกดีจริงๆ นี่สิที่เรียกว่า รับแรงบันดาลใจ เพื่อนำมาปรับใช้ ให้กลายเป็นของตัวเอง
เห็นว่า แดน กำลังเปิดเรื่องใหม่ น่าติดตามทีเดียวว่า เรื่องที่สองของเขา จะทำให้สิ่งที่ผู้เขียนเก็งไว้ ชัดขึ้นมั๊ย
Good job first time Feature Film director. DAN had a real director probably will be like BEN .
แต่คงเป็น เบน ในแบบหนังรักไทยๆ ที่ให้ข้อคิดดีๆ เพราะบ้านเราดูแต่หนังแบบนี้กัน
ถ้าคนดูคุณภาพมีจำนวนมากขึ้น เชื่อว่าน่าจะเปิดโอกาสให้ผู้สร้างที่มีฝีมือ ได้ทำงานที่หลากหลายขึ้น
เจอกันใหม่ เมื่ออยากเขียน
" คนรุ่นใหม่ ชอบแล้ว ไม่เฉย "
[CR] ๙๙ รีวิว "หนังไทย คืนวันเสาร์ ถึงเช้าวันจันทร์"
ทำให้รู้สึกว่า แดน เดินตามทาง ผู้กำกับคู่บุญรุ่นพี่อย่าง พี่ยอร์จ แต่เมื่อเช่ามาดูแล้วกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
แดน รู้เรื่องและเข้าใจความเป็นศาสตร์ของหนังมากกว่า และเชื่อว่า แดน เริ่มมีแฟนหนังเพิ่มมากขึ้น
ไม่นับแฟนเพลงที่สะสมมาอย่างยาวนาน เพราะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจพิถีพิถันกับงาน กำกับ เรื่องแรก
ตัวเรื่องถูกขึ้นโครงจากแนวหนังฝรั่งต่างๆมากมาย ที่ดูไปก็แวะนึกถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ข้อด้อยส่วนนี้
ถูกทดแทนด้วยรายละเอียดระหว่างทางของเรื่อง ที่ต้องบอกว่าถ้า แดน เขียนบทเองจริงๆ
เขาเข้าใจศาสตร์การเขียนบทหนังจริงๆ และฉลาดในการนำมาปรับใช้ หลายๆครั้งที่คนดูคิดว่า
อ๋อ เดี๋ยวมันต้องแบบนี้แน่ๆ แต่ในหลายๆครั้งสร้างความประหลาดใจ จนคนดูเริ่มปล่อยวาง
และเริ่มสัมผัสได้ว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้สักแต่ได้แรงบันดาลใจมาแน่ๆ นี่คือข้อดีมากๆของบทหนังเรื่องนี้
ในเรื่องงานแสดง ทีมนักแสดงทำได้ตามมาตรฐานหนังเบาสมองแบบไทยๆ ไม่มีอะไรใหม่
แต่เป็นความคุ้นเคยที่ไม่เสียหายอะไร และยังทำให้เห็นว่า นักแสดงประกอบอาชีพบ้านเรา
มีคุณภาพใช่เล่น อันนี้น่าจะต้องให้เครดิตทีมแคสติ้ง ที่เลือก "คุณยาย" ได้ถูกคนจริงๆ
งานภาพยังติดๆขัดๆบ้าง อาจเป็นเพราะความใหม่ของ แดน บวกกับวัฒนธรรมไม่เป็นไรของบ้านเรา
ทำให้ช๊อตง่ายๆ ที่เป็นซีนสำคัญของเรื่อง หนังหลุดโฟกัสไปอย่างน่าเสียดาย
และดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับ สต๊อคช๊อต มากนัก จะเห็นได้จากรอยต่อระหว่างซีน
ที่เหมือนให้ทีมงานอีกระดับไปเก็บๆกันมาหลังถ่ายกันเสร็จแล้วมากกว่า
งาน setฉาก หาLo ทำได้อย่างลงตัว เป็นตัวอย่างของการไม่ต้องถมsetให้เต็ม แต่ออกมาดูดี
งานลำดับภาพทำได้ดีมาก และ แปลกใจเล็กน้อยเมื่อย้อนไปดูเครดิต ใช้ ผู้ลำดับภาพถึง 4 คน
อาจเป็นเพราะฟุตเทจจำนวนมหาศาล ที่เป็นหนึ่งข้อดีของการถ่ายหนังด้วยระบบดิจิตอล
ที่ตอบโจทย์การแสดงของหนังแนวนี้ นั่นไม่ใช่ข้อเสียอะไร เป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ
เพราะผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้หนังออกมาดู สนุก เพลิดเพลิน และ ขำได้บ้าง
ส่วนเรื่องเพลงไม่ต้องสืบ เป็นจุดเด่นที่สุดและตัวช่วยชั้นดี คอยประคองเรื่องไว้ตลอด
ที่สำคัญที่สุดตอนจบของเรื่อง ที่ไม่เลือกจะทำร้าย หรือ ชี้นำมอมเมา สังคม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เห็นว่า แดน กำลังเปิดเรื่องใหม่ น่าติดตามทีเดียวว่า เรื่องที่สองของเขา จะทำให้สิ่งที่ผู้เขียนเก็งไว้ ชัดขึ้นมั๊ย
Good job first time Feature Film director. DAN had a real director probably will be like BEN .
แต่คงเป็น เบน ในแบบหนังรักไทยๆ ที่ให้ข้อคิดดีๆ เพราะบ้านเราดูแต่หนังแบบนี้กัน
ถ้าคนดูคุณภาพมีจำนวนมากขึ้น เชื่อว่าน่าจะเปิดโอกาสให้ผู้สร้างที่มีฝีมือ ได้ทำงานที่หลากหลายขึ้น
เจอกันใหม่ เมื่ออยากเขียน
" คนรุ่นใหม่ ชอบแล้ว ไม่เฉย "